
วางแผนเกษียณด้วย RMF ออมหลักพันวันนี้ แต่เกษียณจะมี “หลาย 1,000,000 บาท”
5 พ.ย. 2025
น่าจะมีมนุษย์เงินเดือนอยู่หลายคน รู้สึกว่าการวางแผนเกษียณในตอนนี้ ดูจะเป็นเรื่องที่ไกลตัวจนเกินไป
เพราะในตอนนี้ เรายังหนุ่มยังสาว ยังมีแรงในการทำงาน ยังสนุกกับการใช้ชีวิต และยังมีเวลาเหลืออีกตั้งหลายปี จะมามัวกังวลกับเรื่องในอนาคตไกล ๆ ไปทำไม
แต่ความจริงแล้ว ช่วงเวลาระหว่างวันนี้กับวันที่เกษียณ หากเราปล่อยผ่านไป โดยไม่ทำอะไร
เมื่อเรามาคิดได้ ก็อาจจะเป็นเวลาที่สายเกินไปแล้ว
เพราะเหลือเวลาที่สั้นเกินกว่า จะสร้างความมั่งคั่ง ที่เพียงพอสำหรับวัยเกษียณ
อันที่จริงแล้ว การสร้างความมั่งคั่งเพื่อวัยเกษียณ ไม่ได้เป็นสิ่งที่ยุ่งยากซับซ้อนเลย อาศัยแค่พฤติกรรมที่เราต้องทำซ้ำเป็นประจำในทุกเดือน ก็ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้แล้ว
ซึ่งวิธีที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ เรียบง่ายมาก เหมือนกับการ “ยิงปืนนัดเดียว แล้วได้นกถึงสองตัว”
นั่นก็คือ การใช้เครื่องมือลดหย่อนภาษี ที่เรียกว่า RMF
หากสงสัยว่า วิธีนี้คืออะไร และจะมีประโยชน์กับเราในการสร้างความมั่งคั่งได้อย่างไร ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
ก่อนที่เราจะไปพูดกันถึงการลดหย่อนภาษีผ่านการลงทุนในกองทุน RMF เรามาทำความเข้าใจถึงวิธีการคำนวณภาษีกันสักนิด
จำนวนเงินภาษีที่เราจะต้องจ่าย จะถูกคำนวณบนฐานของ “เงินได้สุทธิ” ที่มีวิธีคิดแบบขั้นบันได คือเงินได้สุทธิสูง ภาษีที่จะต้องจ่าย ก็จะสูงตามไปด้วย
เงินได้สุทธิ ก็คือรายได้ที่มีการหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อน ตามสิทธิที่ทางภาครัฐกำหนดให้ ไปหมดแล้ว และเราก็จะนำเงินได้สุทธิ ไปคำนวณภาษีที่เราจะต้องจ่ายต่อไป
หากเราใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างเต็มที่ เงินได้สุทธิจะเหลือน้อยลง ทำให้เราจะประหยัดภาษีที่ต้องจ่าย ไปได้หลายบาท
โดยวิธีคำนวณเงินได้สุทธิ จะเป็นแบบนี้
เงินได้สุทธิ = รายได้รวม - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อนส่วนตัว - ค่าลดหย่อนอื่น ๆ
และพอเราได้จำนวนเงินได้สุทธิออกมาแล้ว เราก็สามารถนำเงินจำนวนนี้ ไปใช้คำนวณหาภาษีที่ต้องจ่ายต่อไป
ต่อมา เรามาทำความเข้าใจกับกองทุน RMF กัน..
RMF ย่อมาจาก Retirement Mutual Fund เป็นกองทุนรวมที่จัดตั้งขึ้นมา เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนออมเงินแบบระยะยาว ให้มีเงินใช้จ่ายกันในวัยเกษียณ
ซึ่งเราจะต้องถืออย่างน้อย 5 ปี นับจากวันที่ซื้อ โดยจะสามารถเริ่มขายได้ตอนเราอายุ 55 ปี
และจะต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี หรืออย่างน้อยปีเว้นปี จนกว่าจะถึงอายุ 55 ปี
โดยสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้รวมในปีนั้น
แต่ไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ
ได้แก่ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.), กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ
กองทุน RMF แต่ละกอง จะมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย ตั้งแต่ลงทุนในหุ้น, ตราสารหนี้, ทองคำ ไปจนถึงกองทุนแบบผสม
หากเรารู้จักใช้ RMF ให้เกิดประโยชน์ นอกจากจะช่วยลดหย่อนภาษีที่เราจะต้องจ่าย ไปหลายบาทได้แล้ว
ในระยะยาว เงินที่เราออมสะสมแบบนี้ รวมกับพลังของผลตอบแทนทบต้น ก็จะทำให้เงินของเรางอกเงย จนเราสามารถอยู่ได้อย่างสุขสบาย ในวันที่เกษียณจากการทำงานได้เลย
ทีนี้ ลองมาดูตัวอย่างจากคุณ A เพื่อจะได้เข้าใจกันดีขึ้น โดยสมมติว่าคุณ A เป็นมนุษย์เงินเดือนอายุ 30 ปี
- มีรายได้ 50,000 บาทต่อเดือน คิดเป็น 600,000 บาทต่อปี
และจากนโยบายภาครัฐ ทำให้คุณ A จะได้สิทธิลดหย่อนพื้นฐาน ประกอบด้วย
- ค่าใช้จ่าย 100,000 บาท
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
- ประกันสังคม 9,000 บาท
หากคุณ A ไม่ได้ซื้อกองทุน RMF เพื่อช่วยลดหย่อนภาษีเลย จากสูตรข้างต้น จะทำให้เงินได้สุทธิของคุณ A เท่ากับ
เงินได้สุทธิ = 600,000 - 100,000 - 60,000 - 9,000 = 431,000 บาท
ซึ่งเงินได้สุทธิข้างต้น จะพบว่าคุณ A อยู่ในขั้นเงินได้สุทธิที่ 3 ซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้อยู่ที่ 10% ทำให้คุณ A ต้องจ่ายภาษีอยู่ที่
ภาษี = [(431,000 - 300,000) x 10%] + 7,500 = 20,600 บาท
แต่ถ้าคุณ A เลือกใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ด้วยการทยอยซื้อกองทุน RMF สะสมเดือนละ 5,000 บาท รวมเป็น 60,000 บาทต่อปี
เงินได้สุทธิที่จะถูกนำมาคำนวณภาษี ก็จะเหลือ
431,000 - 60,000 = 371,000 บาท
โดยเงินได้สุทธิ 371,000 บาท ก็ยังอยู่ในขั้นเงินได้สุทธิที่ 3 เหมือนเดิม แต่พอใช้สิทธิลดหย่อนเพิ่มเติมแบบนี้แล้ว ภาษีที่คุณ A จะต้องจ่าย ก็จะลดลง
ภาษี = [(371,000 - 300,000) x 10%] + 7,500 = 14,600 บาท
หมายความว่า ด้วยวิธีนี้ คุณ A จะสามารถประหยัดเงินภาษีที่ต้องจ่าย ไปถึง 6,000 บาทเลย..
อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ เงินจำนวน 5,000 บาท ที่คุณ A ออมเพื่อซื้อกองทุน RMF สะสมในทุกเดือน ก็ไม่ได้หายไปไหน แต่กลับจะค่อย ๆ เติบโตแบบเงียบ ๆ
หากคุณ A ทำแบบนี้ไปตลอดระยะเวลา 30 ปี จนกว่าจะถึงวันเกษียณ ผ่านการเลือกลงทุนในกองทุน RMF ที่เน้นลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งแบบระยะยาว
เช่น กองทุนอิงดัชนีค่าธรรมเนียมถูก ที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวเฉลี่ยประมาณ 8% ต่อปี
ด้วยระยะเวลาในการออมสะสมที่ยาวนานพอ เสริมพลังกับมหัศจรรย์ของผลตอบแทน ที่เรียกว่าดอกเบี้ยทบต้น
เงินออมจำนวน 5,000 บาททุกเดือนนี้ จะเติบโตจนกลายเป็น 7,450,000 บาท
แต่ตัวอย่างข้างต้นที่ว่ามา อาจจะไม่ได้ตรงกับชีวิตจริงสักเท่าไรนัก เพราะในระยะเวลา 30 ปีต่อจากนี้ เงินเดือนของคุณ A ก็ควรจะต้องเพิ่มขึ้น และมีโอกาสที่จะออมเงินได้มากขึ้นตามไปด้วย
ทำให้สุดท้ายถ้าคุณ A ออมเงินต่อเดือนเพิ่มขึ้น เงินเก็บเมื่อตอนเกษียณก็จะมากขึ้นกว่านี้ได้อีก
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราน่าจะเข้าใจกันดีขึ้นแล้วว่า การลดหย่อนภาษีผ่านการใช้เครื่องมืออย่างกองทุน RMF มีประโยชน์กับเราอย่างไร
เพราะนอกจากจะช่วยเราประหยัดภาษีที่ต้องจ่ายไปหลายบาทแล้ว
ในระยะยาว ก็ยังจะช่วยบ่มเพาะความมั่งคั่งของเราแบบเงียบ ๆ แต่จำนวนเงินที่เราจะได้รับในอนาคต กลับไม่ได้เล็กน้อยเลย
จะเห็นได้ว่า ด้วยวินัยในการออมที่ดี ที่เราเลือกทำซ้ำเป็นประจำในทุกเดือนแบบนี้
ในช่วงบั้นปลายของชีวิต เราก็อาจจะกลายเป็นคนสูงวัย ที่มั่งคั่ง มีอิสรภาพทางการเงิน ไม่ต้องมามัวกังวลเรื่องเงินทองอีกต่อไป
และหากในวันสุดท้ายของชีวิต เงินที่หามาได้นี้ เราเกิดใช้ไม่หมด ก็จะยังมีเหลือส่งต่อไปให้ลูกหลานในรุ่นถัด ๆ ไป
ให้ได้อยู่อย่างสุขสบาย และมีทางเลือกในการใช้ชีวิต ได้มากกว่าคนรุ่นเรา นั่นเอง..
#วางแผนการเงิน
#TaxFest2025
#ภาษีนี้มีแต่ได้x2