
Larry Ellison ชายวัย 81 ปี ที่รวยขึ้นจากหุ้น Oracle วันเดียว 3,000,000,000,000 บาท
11 ก.ย. 2025
เราลองมาจินตนาการภาพของตัวเองในวัย 81 ปีกันดูบ้าง ลองคิดดูว่า ถ้าเรามีอายุยืน อยู่จนถึงตอนนั้น เรายังจะทำงานอยู่ไหม
คำถามนี้ ฟังดูแล้ว ถ้าเป็นคนส่วนใหญ่ ก็คงจะตอบได้ไม่ยากว่า “ไม่”
แต่รู้หรือไม่ว่า มีมหาเศรษฐีอยู่คนหนึ่ง ที่แม้จะมีทุกอย่างในชีวิตสมบูรณ์พร้อมแล้ว เขาก็ยังเลือกตื่นแต่เช้าไปทำงาน อยู่ทุกวัน
คุณคนนี้คือ Larry Ellison มหาเศรษฐีวัย 81 ปี ผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง Oracle Corporation
ซึ่งราคาหุ้นของบริษัทตอนเปิดตลาดเมื่อวานพุ่งขึ้นถึง +41% และทำให้เขาที่ถือหุ้นบริษัทอยู่ถึง 42% มีความมั่งคั่ง เพิ่มพูนขึ้นอีกถึง 3 ล้านล้านบาท
และกำลังขึ้นไปท้าทาย ตำแหน่งบุคคลที่รวยที่สุดในโลกคนใหม่แทนคุณ Elon Musk เจ้าของ Tesla และ SpaceX แล้วด้วย..
หากสงสัยว่า คุณ Larry Ellison เป็นใคร และทำไมเขาถึงมีความร่ำรวยมากถึงขนาดนี้
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
คุณ Larry Ellison เกิดปี 1944 ที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา มีคุณพ่อเป็นนักบินในกองทัพ เชื้อสายอิตาเลียน-อเมริกัน และคุณแม่เชื้อสายยิว
แต่เนื่องจากทั้งคู่ ยังไม่มีความพร้อมจะดูแล จึงส่งเขาให้คุณลุงและคุณป้า รับไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมแทน
คุณ Larry เคยเข้าเรียนมหาวิทยาลัยถึง 2 ครั้ง แต่ก็เรียนไม่จบ เพราะปัญหาส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม ในการเรียนมหาวิทยาลัยครั้งที่ 2 ที่ University of Chicago กลับเป็นจุดเริ่มต้นให้เขารู้จักกับคอมพิวเตอร์ และต่อยอดให้เขากลายเป็นโปรแกรมเมอร์
เขาเริ่มทำงานที่แรกคือ Ampex Corporation และได้เข้าไปช่วยทำฐานข้อมูลให้กับลูกค้าคือ CIA ภายใต้โปรเจกต์ชื่อ “Oracle”
การได้ทำโปรเจกต์นี้ ทำให้เขาเห็นความสำคัญของระบบฐานข้อมูล และเชื่อว่า องค์กรต่าง ๆ ควรจะต้องมีระบบแบบนี้ไว้ใช้งาน เพื่อให้ทำธุรกิจ ได้มีประสิทธิภาพขึ้น
หลังจากนั้น เขาก็ได้ไปศึกษางานวิจัยด้าน Relational Database ซึ่งเป็นที่มาของแนวคิดการจัดการระบบข้อมูลในปัจจุบัน จนมีแรงบันดาลใจ อยากจะตั้งบริษัทของตัวเอง
ดังนั้น ในปี 1977 คุณ Larry กับเพื่อนอีก 2 คน จึงได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทชื่อว่า Software Development Laboratories
บริษัทนี้ใช้เงินทุนตั้งต้นแค่ประมาณ 70,000 บาท โดยจำนวนเงิน 60% เป็นของคุณ Larry
และเพียงไม่นาน พวกเขาก็พัฒนาผลิตภัณฑ์ Oracle Database ได้สำเร็จ ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทแรกของโลก ที่นำแนวคิด Relational Database มาใช้ทำธุรกิจจริง
จุดแข็งของ Oracle Database คือสามารถนำไปใช้ได้กับทุกระบบปฏิบัติการ ทำให้ดึงดูดลูกค้าเข้ามาเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ภาครัฐไปจนถึงเอกชน
พอเมื่อชื่อเสียงของผลิตภัณฑ์ติดตลาดแล้ว บริษัทจึงได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งให้จำง่าย เป็น Oracle Corporation ตามชื่อผลิตภัณฑ์ตัวชูโรง
แม้ว่าบริษัทจะเติบโตอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นผู้นำตลาดได้ แต่ก็ใช่ว่าบริษัทจะไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลย
เพราะความจริงแล้ว ในช่วงทศวรรษ 1990 บริษัทเจอปัญหาหนัก จนเคยเกือบล้มละลายมาแล้ว..
ในตอนนั้น เป็นช่วงที่บริษัทเติบโตเร็วมาก บริษัทได้ใช้วิธีการลงบัญชีแบบบันทึกรายได้ล่วงหน้า
คือเมื่อทีมงานเซ็นสัญญากับลูกค้าแล้ว บริษัทจะนับเป็นยอดขายเข้ามาทันที แม้จะยังไม่มีการชำระเงินเลยก็ตาม
วิธีบันทึกบัญชีแบบนี้ จะทำให้งบการเงินของบริษัทดูดีมาก เพราะเห็นเป็นผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง
แถมบริษัทยังใช้วิธีจูงใจทีมขาย ด้วยการมอบโบนัสก้อนโต ถ้าพนักงานขายเพียงแค่สามารถปิดดีลเซ็นสัญญากับลูกค้าได้ตามเป้า
แต่เมื่อยอดขายที่เคยบันทึกไว้ กลับไม่ได้เกิดเป็นกระแสเงินสดกลับมาให้บริษัทตามนัดจริง ๆ Oracle จึงต้องเจอกับปัญหาสภาพคล่องแทน
ทำให้บริษัทต้องแก้ไขงบการเงินเสียใหม่ พร้อมกลับปลดพนักงานออกกว่า 400 คน
บทเรียนจากเรื่องนี้ นับเป็นรากฐานสำคัญ ที่ทำให้ Oracle มีวันนี้ เพราะคุณ Larry ยอมรับว่า เหตุการณ์ในวันนั้น คือความผิดพลาดครั้งใหญ่สุดในชีวิตของเขาเลย
จากเดิมที่เน้นโตเร็วแบบไม่ยั้งคิด ก็เปลี่ยนมาเป็น เน้นเติบโตแบบมีคุณภาพ ทั้งในด้านทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพดี และการขายให้กับลูกค้าที่มีความน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ ยังรวมถึงการปรับระบบบัญชีของบริษัท ให้มีความเข้มงวดขึ้นอีกด้วย
หลังจากนั้นเป็นต้นมา บริษัทก็มีการเติบโตขึ้นเรื่อยมา ผ่านเหตุการณ์วิกฤติเศรษฐกิจมาได้หลายครั้ง แต่ก็ยังยืนหยัดอยู่ได้ อย่างแข็งแกร่ง
อย่างในช่วงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นตกต่ำ มีบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง กำลังเจอกับความยากลำบาก
คุณ Larry กลับมองเห็นเป็นโอกาส เข้าไปซื้อบริษัทดี ๆ เพื่อเสริมผลิตภัณฑ์ และช่วยขยายฐานลูกค้า ให้กับ Oracle
ตัวอย่างการทำดีลซื้อกิจการของบริษัท ประกอบด้วย
- ปี 2004 ซื้อบริษัท PeopleSoft ผู้เชี่ยวชาญซอฟต์แวร์ด้าน Enterprise Resource Planning หรือ ERP
- 2006 ซื้อบริษัท Siebel Systems ผู้เชี่ยวชาญซอฟต์แวร์ด้าน Customer Relationship Management หรือ CRM
- ปี 2010 ซื้อบริษัท Sun Microsystems ผู้พัฒนาภาษา Java และเจ้าของเทคโนโลยี MySQL ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลมีประสิทธิภาพสูง
- ปี 2021 ซื้อบริษัท Cerner ผู้พัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านสุขภาพ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Oracle Health
นอกจากการทำดีลซื้อกิจการที่เฉียบคมแล้ว ถึงคุณ Larry จะอายุมาก แต่ก็ยังรักในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกอยู่เสมอ
เรื่องนี้เลยส่งผลให้ Oracle เป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมในการปรับตัวให้ร่วมสมัย อยู่ตลอดเวลา
เพราะบริษัทได้เปลี่ยนโมเดล จากเดิมที่ขายขาดซอฟต์แวร์ให้กับลูกค้า ก็เปลี่ยนมาเป็น ขายแบบ Subscription ที่พยายามพัฒนาฟีเจอร์ และนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เข้ามาเสริมอยู่ตลอด
รวมถึงเล็งเห็นความต้องการใช้คลาวด์ในปัจจุบันที่เพิ่มสูงขึ้นมาก จนซัพพลายที่มีอยู่ ไม่เพียงพอต่อดีมานด์
Oracle จึงเป็นอีกเจ้าที่กระโดดเข้ามาสู่สมรภูมิอันดุเดือดนี้ด้วย แม้ว่าบริษัทจะเริ่มต้นช้ากว่า 3 ผู้นำตลาดอย่าง Amazon Web Services, Microsoft Azure และ Google Cloud Platform ก็ตาม
แต่บริษัทก็ใช้วิธีกู้เงินมาอย่างหนัก เรียกว่าเลเวอเรจแบบถึงพริกถึงขิง เพื่อนำเงินมาลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูล หรือ Data Center เป็นจำนวนมาก ให้ตัวเองแข็งแกร่งพอจะแข่งขันด้วยได้
และจากผลประกาศไตรมาส 1 ปี 2026 บริษัทได้แจ้งว่า RPO หรือ Remaining Performance Obligation ซึ่งเป็นส่วนรายได้รอการรับรู้ในอนาคตของบริษัท เพิ่มขึ้น +359% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ส่งผลให้เงินก้อนรอการรับรู้นี้ มีมูลค่าสูงถึง 14,400,000 ล้านบาท
หมายความว่า ในอนาคตถ้าลูกค้ายังเลือกต่อสัญญากับ Oracle ต่อไป เดี๋ยวเงินก้อนนี้ก็จะถูกรับรู้กลับมาเป็นรายได้เอง
ซึ่งหากเราไปดูที่ผลประกอบการปี 2025 จะพบว่าบริษัทมีรายได้รวม 1,800,000 ล้านบาท โดยที่รายได้ประมาณ 70% เป็นรายได้แบบประจำ หรือ Recurring Revenue
ตรงจุดนี้เอง นักลงทุนส่วนใหญ่มองตรงกันว่า หาก Oracle ทยอยรับรู้รายได้จาก RPO รายได้ของบริษัทก็จะเติบโตขึ้น จนมีโอกาสโตได้อีกเป็น 10 เท่า ในอนาคตเลย
และความคาดหวังนี้ก็สะท้อนไปยังราคาหุ้น หลังประกาศงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2026 ที่พุ่งไปถึง +41% ทำให้มูลค่าทั้งบริษัท เข้าใกล้ 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 32 ล้านล้านบาทแล้ว
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราน่าจะเข้าใจถึงที่มาที่ไปของคุณ Larry Ellison และบริษัท Oracle Corporation กันดีขึ้นแล้ว
จะเห็นได้ว่าอายุนั้น ไม่ใช่ข้อจำกัดในการปรับตัวของคุณ Larry เลย
แต่กลับกลายเป็นข้อได้เปรียบที่ว่า ยิ่งเขาอายุเยอะขึ้นก็ยิ่งมีเวลาได้เพิ่มพูนและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
ไว้นำมาปรับใช้กับประสบการณ์ที่สั่งสมมา เพื่อพัฒนาบริษัทให้ก้าวไปข้างหน้าได้ดีกว่าเดิมในอนาคต
จึงไม่น่าแปลกใจที่ Oracle บริษัทที่อายุเกือบ 50 ปี จะกลับมาเติบโตได้ไม่แพ้หุ้นเทคโนโลยีรุ่นใหม่หลาย ๆ ตัว
จนความมั่งคั่งของคุณ Larry Ellison ตอนนี้ ใกล้จะเบียดขึ้นเป็นคนรวยที่สุดในโลก แทนคุณ Elon Musk ได้แล้ว..
#ลงทุน
#หุ้นนอก
#Oracle
References
-รายงานประจำปี 2025 บริษัท Oracle Corporation
-Earnings Release ไตรมาส 1 ปี 2026 บริษัท Oracle Corporation
-THE REAL-TIME BILLIONAIRES LIST
-Salesforce Founder Marc Benioff: How to Build a $250B+ Business