
กรณีศึกษา Harshad Mehta คดีปั่นหุ้นอินเดีย 875,000 ล้านบาท ที่ถูกเอาไปทำหนังลง
21 ส.ค. 2025
เรื่องราวการปั่นหุ้น ดูจะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับตลาดหุ้นในทุกประเทศมาทุกยุคทุกสมัย
ไม่เว้นแม้แต่ในตลาดหุ้นอินเดีย โดยเป็นเรื่องราวของคุณ Harshad Mehta ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับการยกย่องว่าเป็น “เซียนหุ้น” แต่กลับเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง จนสร้างความเสียหายมากกว่า 875,000 ล้านบาท
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นอินเดียนี้ ก็ถูกนำไปสร้างเป็นหนังที่อิงจากเหตุการณ์นี้ ชื่อว่า “Lucky Baskhar” ใน Netflix อีกด้วย
แล้วคุณ Harshad ใช้วิธีไหนในการปั่นหุ้น ถึงสร้างความเสียหายได้มากถึงขนาดนี้ แล้วเรื่องนี้ให้บทเรียนอะไรกับหน่วยงานกำกับดูแลของอินเดียบ้าง ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
คุณ Harshad เกิดในปี 1954 ที่เมืองมุมไบ ตั้งแต่เด็กเขาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน ว่าสักวันเขาต้องเป็นคนที่ทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่อยู่เสมอ
เมื่อโตขึ้น เขาได้เข้าทำงานที่โบรกเกอร์เล็ก ๆ สั่งสมประสบการณ์การทำงานเป็นเวลา 10 ปี ก่อนที่จะก่อตั้งบริษัทหลักทรัพย์เป็นของตัวเองชื่อว่า Grow More Research and Asset Management ในปี 1990
และในช่วงเวลานั้นเอง เขาเริ่มมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับว่าเป็นเซียนหุ้นคนหนึ่งในอินเดีย จากฉายาตามที่สื่อตั้งให้ว่า “Big Bull”
ซึ่งหมายถึงว่า ไม่ว่าเขาจะลงทุนในหุ้นตัวไหน ไม่นานหุ้นตัวนั้นก็จะวิ่งเป็นขาขึ้น เหมือนอยู่ในตลาดกระทิง และสร้างกำไรให้เขาได้เป็นกอบเป็นกำ
นอกจากนี้แล้ววิถีชีวิตที่เขาใช้ ก็มักจะเป็นที่สนใจของสื่อเสมอ เพราะเขาชอบสะสมรถหรูหลายคัน อยู่ในบ้านที่ใหญ่โตโอ่อ่า และชอบปรากฏตัวในร้านอาหารที่หรูหราในอินเดียอยู่เสมอ
แต่ใครจะรู้ว่าหน้าฉากของชีวิตที่สวยงามของคุณ Harshad จะมีเบื้องหลังมาจากการฉ้อโกง และการปั่นหุ้น
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงจะสงสัยกันแล้วว่า คุณ Harshad ใช้วิธีอะไรในการปั่นหุ้น ถึงสร้างความเสียหายได้มากขนาดนั้น ?
ต้องเท้าความก่อนว่า ระบบธนาคารทุกแห่งบนโลกใบนี้ สามารถกู้ยืมเงินกันไปมาระหว่างกันได้ เพราะบางครั้งธนาคารอาจจะไม่มีเงินสดสำรองเพียงพอสำหรับรองรับการทำธุรกรรมฝาก ถอน หรือให้กู้ ได้ทั้งหมด
ซึ่งธนาคารที่เป็นฝ่ายขอเงินกู้ จะต้องมี Bank Receipts (BRs) ซึ่งเป็นตราสารที่แสดงว่าเรามีพันธบัตรรัฐบาล เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันเงินกู้อยู่เท่าไร
เมื่อธนาคารผู้ปล่อยกู้ได้รับ BRs จากธนาคารผู้ขอกู้แล้ว ก็จะปล่อยเงินกู้ให้ เรียกธุรกรรมนี้ว่า Ready Forward Deals (RFs) ซึ่งเป็นการปล่อยเงินกู้ยืมระยะสั้น ต้องชดใช้เงินคืนไม่เกิน 45 วัน
อย่างไรก็ตาม ธนาคารในอินเดียไม่สามารถทำธุรกรรมแบบนี้ด้วยกันเองได้ ต้องทำผ่านสถาบันการเงินที่เป็นตัวกลาง
คุณ Harshad เห็นช่องโหว่ตรงนี้ จึงติดสินบนให้ธนาคารออกใบ BRs ปลอมขึ้นมา จากนั้นก็ไปกู้เงินจากธนาคารอีกแห่ง
เมื่อได้เงินมา เขาก็นำเงินไปซื้อหุ้นในตลาดหุ้นหลายตัว หนึ่งในหุ้นที่สร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำให้เขาคือ หุ้นของบริษัท Associated Cement Company (ACC) โดยเขาไล่ซื้อหุ้นตัวนี้ตั้งแต่ราคา 200 รูปี จนราคาหุ้นทะยานขึ้นไปถึง 9,000 รูปี
ในช่วงที่เขาใช้วิธีการปั่นหุ้นแบบนี้ เคยมีการคาดการณ์กันว่าเขามีความมั่งคั่งสูงสุดอยู่ที่ 140,000 ล้านบาท เมื่อคิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน
ต้องเข้าใจกันก่อนว่าระบบธนาคาร และตลาดทุนของอินเดียเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ยังไม่มีการบันทึกข้อมูลลงในระบบอิเล็กทรอนิกส์
ข้อมูลทุกอย่างถูกเก็บไว้ในกระดาษ การซื้อขายหุ้น ก็ต้องเดินทางไปที่ตลาดหุ้นจริง ๆ ทำให้การตรวจสอบเป็นไปด้วยความยากลำบาก
แต่แล้วความลับก็ไม่มีในโลก เรื่องนี้แดงขึ้นมา เพราะว่าธนาคาร State Bank of India ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่คุณ Harshad ไปขอเงินกู้ด้วยใบ BRs ปลอม ต้องการหลักทรัพย์ค้ำประกันจริงคืนมา
พอคุณ Harshad ไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ทัน ความจริงจึงถูกเปิดเผยออกมาว่าเขาใช้ BRs ปลอมในการขอเงินกู้จากธนาคาร แล้วนำเงินมาปั่นหุ้น
เรื่องราวของคุณ Harshad ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในภาคธนาคารของอินเดีย เพราะมีการประเมินกันว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 875,000 ล้านบาท เมื่อคิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน
เรื่องนี้ทำให้กระทรวงการคลังของอินเดียต้องปฏิรูปโครงสร้างการกำกับดูแลสถาบันการเงิน และตลาดหุ้นทั้งระบบใหม่หมด เช่น
1. เพิ่มอำนาจในการลงดาบผู้กระทำความผิดให้กับหน่วยงานกำกับดูแลตลาดหุ้น คือ Securities and Exchange Board of India หรือ SEBI
2. การนำระบบการบันทึกการถือครองหลักทรัพย์ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้แทนการบันทึกด้วยกระดาษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบความโปร่งใสของการลงทุน
3. มีการก่อตั้งตลาดหุ้นแห่งใหม่ คือตลาดหุ้น National Stock Exchange ซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่มีการนำระบบซื้อขายหุ้นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ เพื่อให้ดักจับการปั่นหุ้นได้ง่ายยิ่งขึ้น
4. ธนาคารต้องนำมาตรการควบคุมภายในและการรายงานที่เข้มงวดขึ้นมาใช้ และต้องถูกกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดโดยธนาคารกลางอินเดีย หรือ RBI
อย่างไรก็ตามคุณ Harshad ซึ่งเป็นตัวการของเรื่องนี้ถูกตั้งข้อหาทั้งหมด 27 ข้อหา โดยเขาถูกนำตัวเข้าเรือนจำไปตั้งแต่ปี 1992
ระหว่างที่อยู่ในการพิจารณาคดีที่เหลือ เขากลับเสียชีวิตในเรือนจำไปเสียก่อนในปี 2001 จากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
เป็นการปิดฉากตำนานการปั่นหุ้นที่สร้างความเสียหายมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อินเดีย
เรื่องนี้เป็นคติสอนใจให้เราได้เป็นอย่างดีว่า ครั้งหนึ่งคนที่ได้รับการยกย่องจากสื่อว่าเป็นเซียนหุ้น เคยใช้ชีวิตอย่างหรูหรา แต่ก็ต้องมีจุดจบที่น่าเศร้าในเรือนจำ เพียงเพราะเลือกทางเดินชีวิตแบบผิด ๆ
แต่ดูเหมือนว่าเรื่องทำนองนี้จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้น ตราบใดที่มนุษย์ยังมีความโลภอยู่
จึงต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแล ที่ต้องควบคุมไม่ให้เรื่องแบบนี้ส่งผลกระทบบานปลายออกไป และสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมากเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นนี้..
#ลงทุน
#หุ้นอินเดีย
#หนังNetflix
References
-A. Sai Sree Vyshnav. 2025. The Rise and Fall of Harshad Mehta: Case Study On Financial Fraud And Post Scam Reforms In India