รู้จัก NEO เจ้าของ Fineline ยอดขาย 8,000 ล้าน กำลังจะ IPO | MONEY LAB
ถ้าเราเดินซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต จะต้องคุ้นเคยกับแบรนด์ Fineline, BeNice หรือ TROS อย่างแน่นอน
รู้จัก NEO เจ้าของ Fineline ยอดขาย 8,000 ล้าน กำลังจะ IPO
17 ม.ค. 2024
รู้หรือไม่ว่า ทั้ง 3 แบรนด์ที่กล่าวมานั้น มีเจ้าของเดียวกันคือ NEO บริษัทที่มียอดขายกว่า 8,000 ล้านบาท
และเร็ว ๆ นี้ NEO ก็เตรียมจะ IPO เข้าตลาดหุ้นด้วย
และเร็ว ๆ นี้ NEO ก็เตรียมจะ IPO เข้าตลาดหุ้นด้วย
แล้ว NEO ทำธุรกิจ และมีแบรนด์อะไรอีกบ้าง ?
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน ให้เข้าใจ
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน ให้เข้าใจ
บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ NEO ประกอบธุรกิจผลิต ทำการตลาด และจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค
โดยผลิตภัณฑ์แรกของ NEO ก็คือ โคโลญยี่ห้อ Eversense ที่ออกมาในปี 2532 ซึ่งได้รับความนิยมทันทีที่ออกสู่ตลาด จนก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของผลิตภัณฑ์สำหรับวัยรุ่นหญิง
หลังจากประสบความสำเร็จ ผลิตภัณฑ์ที่ตามมาก็คือ โคโลญและโรลออนสำหรับวัยรุ่นชาย ยี่ห้อ TROS ซึ่งนับเป็นโคโลญผู้ชายแบรนด์แรกของประเทศ
ด้วยความเชี่ยวชาญในเรื่องของกลิ่นหอม NEO จึงได้แตกไลน์ไปสู่สินค้าชนิดอื่น ๆ
จนปัจจุบัน NEO มีสินค้าที่เราคุ้นเคยทั้งหมด 8 แบรนด์ ใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ
ผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน เช่น น้ำยาซักผ้า, น้ำยาปรับผ้านุ่ม, น้ำยาทำความสะอาดพื้น
ที่มีสัดส่วนรายได้ 42%
ที่มีสัดส่วนรายได้ 42%
ประกอบไปด้วย 3 แบรนด์ คือ ไฟน์ไลน์ (Fineline), สมาร์ท (Smart) และโทมิ (Tomi)
ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล เช่น สบู่, โคโลญ, โลชัน
ที่มีสัดส่วนรายได้ 25%
ที่มีสัดส่วนรายได้ 25%
ประกอบไปด้วย 4 แบรนด์ คือ บีไนซ์ (BeNice), ทรอส (TROS), เอเวอร์เซ้นส์ (Eversense) และวีไวต์ (Vivite)
ผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก เช่น สบู่, ยาสระผม, แป้ง
ที่มีสัดส่วนรายได้ 33% คือ ดีนี่ (D-nee)
ที่มีสัดส่วนรายได้ 33% คือ ดีนี่ (D-nee)
จะเห็นว่าทั้งหมดนี้ ต่างก็เป็นแบรนด์ที่เราคุ้นเคย จึงไม่แปลกใจที่ NEO จะมีส่วนแบ่งตลาดในอันดับต้น ๆ ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์
แล้วผลประกอบการที่ผ่านมาของ NEO เป็นอย่างไรบ้าง ?
ปี 2563
รายได้ 6,768 ล้านบาท กำไร 602 ล้านบาท
รายได้ 6,768 ล้านบาท กำไร 602 ล้านบาท
ปี 2564
รายได้ 7,445 ล้านบาท กำไร 729 ล้านบาท
รายได้ 7,445 ล้านบาท กำไร 729 ล้านบาท
ปี 2565
รายได้ 8,301 ล้านบาท กำไร 569 ล้านบาท
รายได้ 8,301 ล้านบาท กำไร 569 ล้านบาท
9 เดือนแรก ปี 2566
รายได้ 7,029 ล้านบาท กำไร 689 ล้านบาท
รายได้ 7,029 ล้านบาท กำไร 689 ล้านบาท
ซึ่งจะเห็นว่า NEO มีรายได้ที่เติบโตขึ้นมาโดยตลอด และเพียงแค่ 9 เดือนแรกของปี 2566 ก็มีรายได้เกือบเท่ากับปี 2565 ทั้งปีแล้ว
โดยที่ผ่านมา NEO มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ในช่วง 7-9%
แล้วถ้า NEO เข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ จะมีมูลค่าเท่าไร ?
ถ้าลองเปรียบเทียบกับ บริษัทที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ในตลาดหุ้น อย่างบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้า เช่น SALZ, SYSTEMA, Shokubutsu, ผงซักฟอกเปา
โดยปัจจุบัน SPC ซื้อขายกันที่ P/E เท่ากับ 10 เท่า
อย่างไรก็ตาม ด้วยความแตกต่างของสินค้า และสัดส่วนรายได้ รวมถึงความสามารถในการทำกำไร ก็อาจทำให้นักลงทุนให้มูลค่าของบริษัททั้งสองต่างกันด้วย
ถ้าลองสมมติให้ NEO มี P/E หลังเข้าตลาด อยู่ที่ 10-15 เท่า
ด้วยกำไรเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของ NEO ที่ 640 ล้านบาท
ก็หมายความว่า NEO จะมีมูลค่าบริษัทประมาณ 6,400-9,500 ล้านบาท
ด้วยกำไรเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของ NEO ที่ 640 ล้านบาท
ก็หมายความว่า NEO จะมีมูลค่าบริษัทประมาณ 6,400-9,500 ล้านบาท
จากจุดเริ่มต้นของ NEO ที่เริ่มจากแบรนด์ Eversense และต่อยอดจากความเชี่ยวชาญด้านความหอม
จนตอนนี้ NEO ได้กลายมาเป็น หนึ่งในผู้นำสินค้าอุปโภคของไทย ที่มียอดขายถึง 8,000 ล้านบาท..