- มีภาวะผิดปกติทางด้านการอ่าน และการเรียนรู้ภาษา จนถูกด่าว่าเป็นเด็กโง่

- อายุ 16 ปี ไม่ยอมอยู่ในระบบการศึกษาภาคบังคับ จนถูกศาลเยาวชนส่งไปเรียนโรงเรียนทหาร

- เข้าเป็นทหารในกองทัพเรือ ออกมาเรียนต่อมหาวิทยาลัย จากนั้นก็ตั้งธุรกิจของตัวเอง

เรื่องราวข้างต้นนี้ คือหนังชีวิตของคุณ Herbert Wertheim ผู้คิดค้นสารเคมีที่ใช้ย้อมสีเลนส์แว่นตา สำหรับแว่นกันแดด และมหาเศรษฐีเจ้าของความมั่งคั่งมากกว่าแสนล้านบาท

ชีวิตของคุณ Herbert อาจดูคล้ายกับชีวิตของตัวเอกจากภาพยนตร์ดังเรื่อง Forrest Gump ที่มีความบกพร่องด้านการเรียนรู้ แต่ก็ยังประสบความสำเร็จในชีวิตและร่ำรวยได้ในตอนท้าย

เพียงแต่ว่าเรื่องราวของคุณ Herbert นั้น เกิดขึ้นในชีวิตจริง และแหล่งความมั่งคั่งหลักของเขา มาจากการเอาเงินในธุรกิจของตัวเอง ไปลงทุนต่อในตลาดหุ้น

แล้วเส้นทางชีวิตของคุณ Herbert เป็นอย่างไร ? ทำไมถึงมีชะตาชีวิตที่พลิกผันราวกับบทภาพยนตร์ได้ขนาดนี้ 

MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ

คุณ Herbert Wertheim เกิดในปี 1939 ในครอบครัวชาวยิว ที่หนีจากระบบการปกครองที่กดขี่จากประเทศเยอรมนี ณ เมืองฟิลาเดลเฟีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

จนอายุได้ประมาณ 6 ขวบ ครอบครัวของคุณ Herbert ก็ย้ายมาอยู่ที่เมืองไมอามี บีช ในรัฐฟลอริดา

ทำให้เวลานั้น นอกจากเขาจะต้องใช้เวลาปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่แล้ว

ภาวะผิดปกติทางด้านการอ่าน และการเรียนรู้ทางภาษา หรือที่รู้จักกันในปัจจุบันว่าภาวะ Dyslexia ที่ติดตัวเขามา ยังทำให้เขาต้องเจอกับอุปสรรคในการเรียนหนังสือด้วย 

ซึ่งสังคมในสมัยก่อน ยังไม่รู้จักภาวะความผิดปกตินี้ ทำให้คุณ Herbert ถูกตราหน้าจากคุณครู และเพื่อนร่วมชั้นเรียนว่าเขาเป็นคนโง่ ที่เข้าใจอะไรยาก รวมถึงมีปัญหากับที่บ้าน 

ด้วยเหตุนี้ ทำให้เขารู้สึกไม่อยากไปโรงเรียน และมักจะหาเรื่องโดดเรียนอยู่บ่อย ๆ

เขาใช้ชีวิตเหลวไหลแบบนี้เรื่อยมา จนต้องขึ้นศาลเยาวชนในวัย 16 ปี จากการไม่ยอมเข้าสู่ระบบการศึกษาภาคบังคับตามกฎหมาย

แต่ศาลเยาวชนยังให้โอกาสเขา ด้วยการให้เลือกระหว่างเข้าไปเรียนในโรงเรียนทหารเรือ หรือเข้าไปอยู่ในสถานพินิจ คล้าย ๆ บ้านเมตตาสำหรับเยาวชนผู้หลงผิด

แน่นอนว่าคุณ Herbert เลือกที่จะเข้าไปเรียนในโรงเรียนทหารเรือ ในปี 1956 ซึ่งขณะนั้นเขามีอายุได้ 17 ปี

แล้วต่อมาเขาก็ยอมรับในภายหลังว่า การตัดสินใจในครั้งนี้ ได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

โรงเรียนทหารเรือได้ให้โอกาสทางการศึกษากับคุณ Herbert อีกครั้ง ซึ่งเขาก็เรียนได้ดีในวิชาเครื่องยนต์ และการจัดการองค์กร

เมื่อคุณ Herbert ในวัย 17 ปี ได้ลิ้มรสความสำเร็จในเรื่องเรียนเป็นครั้งแรกในชีวิต ก็ทำให้เขาเกิดความกระตือรือร้นในการเรียนวิชาอื่น ๆ เช่น ฟิสิกส์ และเคมี ราวกับถูกปลดล็อกอะไรบางอย่าง

พอเรียนจบ เขาก็ได้เข้าประจำการเป็นทหารเรือ ที่ดูแลเครื่องบินของกองทัพเรือ และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเข้าสู่โลกการลงทุน

เพราะหุ้นตัวแรกที่เขาลงทุน คือหุ้น Lear Jet ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินให้กองทัพ

คุณ Herbert รู้จักบริษัทแห่งนี้ จากการไปเยี่ยมโรงงานของบริษัทแห่งนี้ตามคำสั่งของกองทัพ และได้พูดคุยกับเจ้าของบริษัทจนเกิดความประทับใจ

เมื่อเขาปลดประจำการจากกองทัพ เขาก็เข้าเรียนที่ Southern College of Optometry ซึ่งเป็นหลักสูตรเกี่ยวกับการวัดสายตา และระบบการมองเห็นของมนุษย์

เมื่อเรียนจบออกมาแล้ว ก็มาก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า Brain Power แล้วใช้ความรู้วิชาเคมีที่เรียนมาจากในกองทัพ คิดค้นสารเคมีที่ใช้ย้อมสีเลนส์แว่นตา สำหรับแว่นกันแดด

ขายให้กับบริษัทผลิตเลนส์ชื่อดังต่าง ๆ 

แม้ธุรกิจนี้ทำกำไรให้เขาได้ปีละประมาณ 300 ล้านบาท แต่คุณ Herbert ไม่ได้ต้องการจะปั้นธุรกิจให้ใหญ่โต เพราะเขามองว่าความมั่งคั่งที่แท้จริง คือการมีอิสรภาพทางเวลา

และความหลงใหลของเขาคือ การเป็นนักประดิษฐ์ และการเป็นนักลงทุนมากกว่าการเป็นนักธุรกิจ

เขาจึงนำกำไรจากธุรกิจของเขา มาลงทุนในตลาดหุ้น โดยมีคุณ Warren Buffett และคุณ Peter Lynch เป็นต้นแบบการลงทุน

ซึ่งคุณ Herbert จะเน้นลงทุนเฉพาะบริษัทที่เขาคุ้นเคยกับสินค้าเป็นอย่างดี รวมไปถึงใช้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของตัวเองจากการทำงานในกองทัพ และการเป็นนักประดิษฐ์ มาสร้างความได้เปรียบในการลงทุนด้วย

เช่น ตอนที่เขาเปิดบริษัทใหม่ ๆ เขาเลือกใช้คอมพิวเตอร์ของ Apple ที่มีระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเอง

แต่พอ Microsoft ออกระบบปฏิบัติการ Windows มาในปี 1985 เขาก็ทดลองใช้ และรู้ได้ทันทีเลยว่า Microsoft สามารถแข่งกับ Apple ได้แน่นอน

ทำให้เขาไม่ลังเลที่จะซื้อหุ้น Microsoft ตั้งแต่วัน IPO ในปี 1986 เหมือนกับที่เขาเคยซื้อหุ้น Apple ตั้งแต่วัน IPO 

ที่น่าสนใจก็คือ เขายังคงถือหุ้น Microsoft และ Apple มาตลอด

ซึ่งจากการคำนวณของ Forbes ในปี 2019 พบว่า มูลค่าเงินลงทุนของคุณ Herbert ในหุ้น Microsoft และ Apple มีมูลค่ารวมกันมากกว่า 12,000 ล้านบาทเลยทีเดียว

และนอกจาก Apple กับ Microsoft แล้ว เขาก็มีการลงทุนในหุ้นอื่น ๆ ซึ่งก็เป็นหุ้นที่เขารู้จักและคุ้นเคย เช่น IBM, 3M และ Intel 

แต่การลงทุนที่เปลี่ยนชีวิต และสร้างความมั่งคั่งส่วนใหญ่ให้เขา คือการลงทุนในหุ้น Heico

Heico เป็นบริษัทขนาดเล็กที่ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน โดยคุณ Herbert บังเอิญได้รู้จักกับคุณ Larry Mendelson ที่เพิ่งซื้อ Heico มาเพื่อพลิกฟื้นธุรกิจใหม่

คุณ Herbert จึงได้ใช้ความรู้จากการทำงานในกองทัพ และการเป็นนักประดิษฐ์มาช่วยให้คำแนะนำ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทแห่งนี้

พร้อมกับใช้เงิน 166 ล้านบาท ซื้อหุ้นของบริษัทแห่งนี้ ซึ่งเงินลงทุนก้อนดังกล่าว ก็ได้เติบโตจนกลายเป็น 26,600 ล้านบาทได้ในที่สุด

ปัจจุบันนี้คุณ Herbert เป็นเจ้าของความมั่งคั่งรวม 156,000 ล้านบาท กลายเป็นคนที่รวยอันดับ 767 ของโลก จากการจัดอันดับของ Forbes

เรื่องราวของคุณ Herbert ได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่า แม้เราจะมีจุดอ่อน ที่เสียเปรียบคนอื่น อย่างในกรณีของคุณ Herbert คือการบกพร่องทางการเรียนรู้ จนไม่สามารถเข้ากับการเรียนในระบบได้ 

แต่ถ้าเรารู้จักหาวิธีใช้จุดแข็งของเราให้เป็นประโยชน์ ในที่ทางซึ่งเหมาะสมกับเรา ก็สามารถพาเราไปสู่ความสำเร็จได้ อย่างที่เราไม่คาดคิด

ดังเช่นที่คุณ Herbert ที่มีความถนัดในเรื่องของเครื่องยนต์กลไก และหลงใหลในการประดิษฐ์ ก็สามารถใช้ประสบการณ์และความรู้ความถนัดของตัวเอง มาสร้างเป็นธุรกิจ 

พร้อมทั้งช่วยตัดสินใจลงทุน จนได้พบกับหุ้นหลายตัว ที่เปลี่ยนชีวิตของเขา จากเด็กโง่ประจำชั้น สู่มหาเศรษฐีที่มีความมั่งคั่งติดอันดับโลกได้ในที่สุด..

#ลงทุน

#หลักการลงทุน

#คนปั้นพอร์ต

References

-https://www.forbes.com/sites/maddieberg/2019/02/19/the-greatest-investor-youve-never-heard-of-an-optometrist-who-beat-the-odds-to-become-a-billionaire/

-https://fbs.com/blog/a-story-of-an-80-year-old-who-have-made-billions-in-the-least-extravagant-way-129