
สรุป แนวคิดการลงทุน จาก 10 เซียนหุ้นที่ MONEY LAB ได้สัมภาษณ์
30 ธ.ค. 2025
ในช่วงเวลาประมาณ 2 ปีมานี้ หากใครที่ติดตาม MONEY LAB มาตลอด ก็คงจะเห็นซีรีส์บทความชุดหนึ่ง ที่ทำออกมาอย่างต่อเนื่อง
นั่นคือ “ซีรีส์บทความสัมภาษณ์พิเศษ” ที่ได้มาจากการสัมภาษณ์พี่ ๆ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งตอนนี้ทำออกมาถึง 10 บทความแล้ว
หากใครที่ได้อ่านกันจนจบทุกบทความ ก็คงจะสังเกตเห็นว่า พี่ ๆ นักลงทุนแต่ละท่าน ถึงแม้จะประสบความสำเร็จในการลงทุนได้เหมือนกัน
แต่หลักการที่พวกเขาใช้ในการลงทุน กลับไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียว แต่กลับมีความโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของพวกเขาเอง
นั่นก็เพราะเสน่ห์ของการลงทุนนั้น อยู่ที่หนทางสู่ความสำเร็จที่มีอยู่หลายสาย ให้เราเลือกเดิน
เราก็แค่ต้องหาวิธีการที่เหมาะสมกับเราให้เจอ และอยู่กับแนวทางนั้นไปให้นานพอ
แต่กว่าที่เราจะค้นพบกระบวนท่าในแบบฉบับของเราได้ เราก็จำเป็นจะต้องผ่านการเรียนรู้ถึงแนวคิดดี ๆ จากต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ เอาไว้ให้มากกันเสียก่อน
และถ้าหากสงสัยว่า หลักการของพี่ ๆ นักลงทุนเหล่านี้ ที่ใช้ฟันฝ่าในโลกการลงทุน จนประสบความสำเร็จมาได้ แต่ละท่านมีหลักคิดแบบไหนกันบ้าง ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
1. เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยหุ้นคุณภาพ
ในยุคเริ่มต้นปั้นพอร์ต คุณธนากร เล็กวิจิตรธาดา หรือพี่เซน จะชอบลงทุนในหุ้นที่สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยไม่ได้สนใจคุณภาพของธุรกิจมากนัก
แต่เมื่อพอร์ตใหญ่ขึ้น ก็ปรับเปลี่ยนแนวทาง มาเน้นลงทุนในธุรกิจคุณภาพสูงแทน
โดยนิยามของธุรกิจคุณภาพสูงในมุมมองของพี่เซน ประกอบด้วย
- บริษัทต้องมีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
- เมื่อจะขยายกิจการให้เติบโต จะใช้เงินลงทุนเพิ่มไม่เยอะ
- ธุรกิจมีโครงสร้างต้นทุนที่เอื้อให้เกิด Operating Leverage
คือมีต้นทุนคงที่ หรือ Fixed Cost เป็นสัดส่วนหลัก ทำให้เมื่อรายได้เติบโตขึ้น ต้นทุนนี้มักจะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก ทำให้กำไรจะเติบโตมากกว่ารายได้
- เงินลงทุนในการทำธุรกิจของบริษัท ต้องสร้างผลตอบแทนกลับมาในรูปของ Return on Invested Capital หรือ ROIC ได้สูง
บริษัทคุณภาพสูงแบบนี้ มักจะมีโอกาสเติบโตได้อีกหลายปี พร้อมทั้งสร้างมูลค่าในตัวเอง ให้เติบโตแบบทบต้นได้ยาวนาน
2. สร้างพอร์ตด้วยหุ้นวัฏจักร และรักษาด้วยหุ้นปันผล
คุณวราพรรณ วงศ์สารคาม หรือพี่นุช เริ่มต้นสร้างความมั่งคั่งในตลาดหุ้น ผ่านการลงทุนในหุ้นวัฏจักร
หุ้นวัฏจักร ถ้าเราสามารถคาดการณ์วัฏจักรของธุรกิจได้ถูกต้อง เราจะทำผลตอบแทนได้เป็นเงินจำนวนมหาศาล ภายในระยะเวลาสั้น ๆ
แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราคาดการณ์ผิดไป เราก็สามารถขาดทุนเป็นเงินจำนวนมาก ได้ในเวลาสั้น ๆ เช่นกัน
หุ้นประเภทนี้ มักจะไม่ได้มีโอกาสให้เราลงทุนได้ตลอดเวลา เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยมากมาย ตั้งแต่พื้นฐานของบริษัทเอง, ปริมาณความต้องการในตลาดโลก รวมไปถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกด้วย
และเมื่อพอสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นประเภทนี้มาได้ จนถึงจุดที่มีอิสรภาพทางการเงินแล้ว ประกอบกับโอกาสในการลงทุนแบบนี้ เหลือน้อยลง
พี่นุชก็ได้เลือกเปลี่ยนแนวทาง มาเน้นลงทุนในหุ้นปันผล เพื่อเน้นการสร้างกระแสเงินสดแทน
นั่นก็เพราะ เมื่อเรามีความมั่งคั่งถึงจุดที่พอแล้ว เราก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องทำอะไรที่เสี่ยงเกินไปอีกต่อไป
ปัจจุบันนี้ พี่นุชมีรายได้จากเงินปันผล ให้สามารถเอาไปใช้จ่ายได้อย่างเหลือเฟือ พร้อมทั้งยังเหลือเก็บออม เพื่อนำไปซื้อหุ้นปันผลเพิ่มขึ้นในทุกปี
สำหรับวิธีการหาหุ้นปันผลสไตล์พี่นุช จะมีอยู่ดังนี้
- บริษัทต้องมีกิจการที่แข็งแกร่ง มั่นคง เปลี่ยนแปลงได้ยาก สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ในระยะยาว
- มีคุณภาพรายได้และกำไรดี โดยต้องมีรายได้แบบ Recurring Income หรือเป็นธุรกิจที่มีรายได้ประเภท ที่ลูกค้าจะมีการมาซื้อสินค้าซ้ำบ่อย ๆ
- ต้องมีผู้บริหารที่น่าไว้ใจ
- บริษัทต้องมีหนี้น้อย และมีกระแสเงินสดที่ดี
- กำไรสุทธิต้องมีแนวโน้มเติบโต อย่างน้อย 5% ต่อปี
- อัตราการจ่ายเงินปันผล ต้องมากกว่า 5% ต่อปีขึ้นไป
3. มองหาหุ้นเติบโตได้ใน 10 ขั้นตอน
คุณกิตติศักดิ์ คงคา หรือพี่เบส เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก ลงทุนศาสตร์ ได้พัฒนาระบบการวิเคราะห์หุ้นของตัวเอง ออกมาเป็น 10 ขั้นตอน อยู่ในหนังสือ “STOCK LECTURE ลงทุนหุ้นได้ในเล่มเดียว”
หลักการนี้ เมื่อเรานำไปใช้ จะช่วยให้เราเข้าใจบริษัทได้ครบทุกมิติ จนมีความมั่นใจมากพอ จะตัดสินใจลงทุนได้เลย
- เริ่มจากการวิเคราะห์ปัจจัยมหภาค
- วิเคราะห์อุตสาหกรรม
- วิเคราะห์ธุรกิจเชิงคุณภาพ
- วิเคราะห์ธุรกิจเชิงปริมาณ
- วิเคราะห์ผู้บริหาร
- วิเคราะห์การเติบโต
- ประเมินมูลค่าหุ้น
- กำหนดกลยุทธ์การลงทุน
- จัดรูปแบบพอร์ตโฟลิโอ
- รับมือกับอารมณ์ และเข้าใจจิตวิทยาการลงทุนขั้นพื้นฐาน
4. ยอดวิชา “ตกปลาก้นบ่อ”
สไตล์การลงทุนแบบคุณสุธน สิงหสิทธางกูร หรือพี่เจ๊กกี้ จะนำแนวคิดหลักการพนัน ที่มองในเรื่อง Risk-Reward Ratio เป็นหลัก เข้ามาใช้กับการลงทุนหุ้น
Risk-Reward Ratio จะเปิดมุมมอง ให้เราเห็นโอกาส ผ่านการวิเคราะห์ใน 2 ด้าน ไปพร้อมกันได้
- โอกาสที่ราคาหุ้นจะร่วงลง (Downside)
- โอกาสที่เราจะได้รับผลตอบแทน (Upside)
แนวคิดนี้ ถือว่าเป็นรากฐานสำคัญต่อสไตล์การลงทุนแบบ “ตกปลาก้นบ่อ” ของพี่เจ๊กกี้
เพราะการลงทุนแบบตกปลาก้นบ่อ คือการลงทุนในหุ้นที่กำลังมีปัญหาระยะสั้น และคนส่วนใหญ่ต่างพากันมองข้าม ทำให้ในช่วงเวลาหนึ่ง หุ้นมีราคาที่ถูกมาก
คนที่จะลงทุนในบริษัทประเภทนี้ ให้ได้ผลตอบแทนมหาศาล นอกจากจะต้องมีความกล้าหาญทางจิตใจ คือเชื่อมั่นว่าบริษัทจะฟื้นกลับมาได้แล้ว
ยังจะต้องทำการบ้านมาอย่างดี จนมองเห็นคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในบริษัท ให้เฉียบขาดกว่านักลงทุนส่วนใหญ่ด้วย
การลงทุนด้วยวิธีนี้ หากเราคิดถูก เราก็จะได้ผลตอบแทนกลับมาคุ้มค่าความอดทนเป็นอย่างมาก ในระดับหลายร้อย ไปจนถึงหลายพันเปอร์เซ็นต์
สำหรับปรัชญาการลงทุนแบบตกปลาก้นบ่อ จะมีหลักคิดอยู่ 3 ข้อ
- ยึดมั่นในมูลค่าที่แท้จริงของกิจการเป็นหลัก ด้วยการโฟกัสที่ตัวเลขการเงินที่สำคัญของธุรกิจ
แม้ราคาหุ้นจะเปลี่ยนแปลงรุนแรง แต่มูลค่าจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมาก
- มองว่าในวิกฤติ มีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ เราจะรวยจากการลงทุน เราต้องซื้อหุ้นตอนที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมาก ๆ แล้วขายตอนที่ราคาแพงเกินมูลค่าไปมาก
- ให้ความสำคัญกับ Risk-Reward Ratio ในทุกการลงทุน
5. เคล็ดวิชา “การทบต้นใน”
วิธีการลงทุนในแบบของคุณอนุรักษ์ บุญแสวง หรือพี่โจ ลูกอีสาน ตั้งชื่อไว้ว่า “การทบต้นใน”
ใจความสำคัญก็คือ การเพิ่มพลังการทบต้น ให้เกิดขึ้นได้เร็วที่สุด ภายใต้ความเสี่ยงที่น้อยที่สุด
พี่โจเชื่อว่า วิธีแบบนี้ทำให้เขาเป็นนักลงทุนที่ทำผลตอบแทนได้สูง และในขณะเดียวกัน ก็จำกัดความเสี่ยงให้น้อยกว่านักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาด
โดยพี่โจจะถือหุ้นกระจายความเสี่ยงอยู่ในหลายบริษัท ที่ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง โดยจะไม่ได้ให้น้ำหนักกับบริษัทไหนมากเกินไป
เมื่อหุ้นบางตัวในพอร์ต ราคาเพิ่มขึ้นมาเยอะมาก ก็จะขายหุ้นตัวนั้นออกไป และนำเงินไปซื้อหุ้นตัวอื่นในพอร์ต ที่ราคายังไม่แพงแทน
หรือถ้าเกิดเจอหุ้นตัวใหม่ที่น่าสนใจมากกว่า ก็จะนำเงินไปซื้อหุ้นตัวนั้นเข้ามาในพอร์ตเพิ่มแทน
กระบวนท่านี้จะถูกทำซ้ำ หมุนวนไปเรื่อย ๆ เพื่อให้พลังแห่งการทบต้น ทำงานได้ต่อเนื่อง
6. ไม่ต้องลาออกจากงาน ก็เป็นนักลงทุนที่มั่งคั่งได้
คุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ เจ้าของตำนาน “ตะแกรงร่อนหุ้น” อันโด่งดัง และคุณกิตติศักดิ์ โควินท์ทวีวัฒน์ หรือพี่โต เจ้าของเพจ Billionaire VI
เป็นตัวอย่างของนักลงทุน ที่แสดงให้เราเห็นว่า ถึงจะไม่ลาออกจากงานประจำ เพื่อมาเป็นนักลงทุนเต็มตัว เราก็สามารถสร้างความมั่งคั่งจากการลงทุนในตลาดหุ้นได้เหมือนกัน
นั่นก็เพราะ หากเราเลือกเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า ที่มองการลงทุนในหุ้น เหมือนกับการลงทุนในธุรกิจจริง ๆ ที่มีผู้บริหารเก่ง ๆ คอยดูแลกิจการของเรา ให้เติบโตอยู่ในทุกวัน
เราก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องลาออกมา เพื่อทุ่มเทให้กับการลงทุนตลอดเวลาเลย
เพราะแก่นของการลงทุนตามแนวทางนี้ ก็คือการเข้าใจในธุรกิจที่เราจะลงทุน และรอเข้าซื้อหุ้น ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ตอนราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงแค่นั้นเอง
และนอกจากนี้ การทำงานประจำก็ยังทำให้เรามีรายได้ที่มั่นคง
หากเรามีเงินเหลือออมอยู่ในแต่ละเดือน เราก็ยังสามารถนำมาลงทุน เพื่อเพิ่มพลังการทบต้น ให้รุนแรงยิ่งขึ้น ได้อีกด้วย
ซึ่งทั้ง 2 ท่านที่กล่าวมานี้ ก็มีหลักการลงทุน ที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน โดยของพี่วิบูลย์ จะอยู่ในข้อที่ 7 และส่วนของพี่โต ก็จะอยู่ที่ข้อ 8
7. หาหุ้นดีจากสิ่งรอบตัว วิเคราะห์ให้ละเอียด และทำใจให้สงบ
พี่วิบูลย์ จะมองหาหุ้นที่น่าลงทุน ผ่านการนำวิธีของคุณ Peter Lynch ผู้จัดการกองทุนในตำนานมาใช้ กล่าวคือ
- เริ่มจากการสังเกตสิ่งรอบตัว เพื่อดูว่า ผลิตภัณฑ์และบริการของเจ้าไหน ขายดีบ้าง
- เมื่อเจอแล้ว ก็จะไปติดตามต่อว่า มีหุ้นอยู่ในตลาดหรือไม่
- ถ้ามีก็จะไปวิเคราะห์กิจการต่อจนมีความเข้าใจ พร้อมทั้งประเมินหามูลค่าที่แท้จริงออกมา
- หากหุ้นของบริษัทราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ก็จะเข้าซื้อ และเลือกถือยาวไปเรื่อย ๆ โดยจะพยายามควบคุมจิตใจของตัวเองให้นิ่ง เพื่อไม่ให้ตนเองเข้าไปซื้อหรือขายหุ้นบ่อย ๆ
8. แกนหลักทั้ง 4 แห่งการลงทุน
สำหรับหลักการลงทุนของพี่โต ที่เรียกว่า “แกนหลักทั้ง 4” จะมีส่วนประกอบดังต่อไปนี้
แกนที่ 1 : เข้าใจ Business Model
คือการทำความเข้าใจรูปแบบการทำธุรกิจของบริษัท
- บริษัททำธุรกิจอะไร ?
- มีวิธีในการหาเงินอย่างไร ?
- ลูกค้าของบริษัทเป็นใคร ?
- มีรูปแบบในการจัดจำหน่าย สินค้าและบริการอย่างไร ?
แกนที่ 2 : เข้าใจ “คูเมือง (Moat) ของบริษัท”
คือการวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของบริษัท
- บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันมากแค่ไหน ?
- ใครเป็นคู่แข่งคนสำคัญบ้าง ?
- และใครมีโอกาสจะเป็นผู้ชนะที่แท้จริง ?
แกนที่ 3 : เข้าใจวิธีการประเมินมูลค่า พร้อมทั้งมี Margin of Safety เสมอ
คือการประเมินมูลค่าที่แท้จริง เพื่อหาโอกาสในการซื้อหุ้น โดยพี่โตจะใช้วิธีเดียวกันกับในหนังสือ Buffettology
- เริ่มต้นจาก คาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้นของบริษัท
- นำกำไรต่อหุ้นในอนาคต ที่เราคำนวณมาได้ คูณกับ P/E ที่เหมาะสม เราก็จะได้ราคาหุ้นในอนาคต
- คิดลดราคาหุ้นในอนาคต กลับมาเป็นราคาหุ้นในปัจจุบัน ด้วยผลตอบแทนที่คาดหวัง ประมาณ 10-15% เราจะได้มูลค่าที่แท้จริงต่อหุ้นในปัจจุบัน
- เพิ่มส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย หรือ Margin of Safety เข้าไป จะได้ระดับราคาหุ้นที่เราไม่ควรซื้อเกินราคานี้เด็ดขาด
แกนที่ 4 : เข้าใจผู้บริหาร
คือการตรวจสอบว่า ผู้บริหารที่ดูแลบริษัทอยู่ มีความน่าไว้วางใจแค่ไหน
ผู้บริหารที่ดี จะต้องมีความสามารถ, มีวิสัยทัศน์ และมีกลยุทธ์ที่เหมาะสม ที่จะพาให้บริษัทเติบโตไปได้ไกล
9. มองหาธุรกิจคุณภาพสูงผ่าน “ทฤษฎีขนมชั้น”
คุณเฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ หรือพี่เชาว์ ได้คิดค้นหลักการวิเคราะห์หุ้น ในแบบของตัวเอง เพื่อใช้มองบริษัทคุณภาพดี ที่เราสามารถถือลงทุนไปได้ยาว ๆ เป็นเวลาอีกหลายปี
หลักการนี้ชื่อว่า “ทฤษฎีขนมชั้น”
ทฤษฎีนี้ เราจะใช้เพื่อมองหาบริษัทคุณภาพสูง ที่มีความสามารถในการสร้างฐานรายได้ใหม่ ให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้เรื่อย ๆ เปรียบเสมือนขนมชั้น ที่มีอยู่หลาย ๆ ชั้น ซ้อนทับกันขึ้นไป
ซึ่งคุณสมบัติของบริษัท ที่ผ่านเกณฑ์ของทฤษฎีนี้ ต้องประกอบด้วย
- มีผลิตภัณฑ์ ที่ลูกค้าชื่นชอบ ขาดไม่ได้ ต้องใช้งานอยู่เป็นประจำ
- เมื่อบริษัทออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็น สินค้าใหม่จากแบรนด์เดิม หรือสร้างแบรนด์ใหม่เลย ก็จะสามารถยกระดับฐานของผลประกอบการ ให้สูงขึ้นได้ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงการเติบโตที่มีคุณภาพ
- คุณภาพของผลประกอบการ จะต้องเติบโตได้แบบยาวนาน สร้างรายได้ประจำ และสามารถคาดการณ์ได้
10. ยอดหลักคิด “นักลงทุนนับ 1”
แนวคิด “นักลงทุนนับ 1” หรือ “Day 1’s Investor” เป็นสิ่งที่คอยสอนให้คุณมานะชัย ตันติกาญจนากุล หรือพี่ตู้ ต้องหมั่นเตือนตนเอง ให้อ่อนน้อมถ่อมตนตลอดเวลา
ความสำคัญของแนวคิดนี้ คือการหล่อหลอมให้เรา เป็นคนที่มี Growth Mindset ที่ไม่ได้ยึดติดต่อความสำเร็จเดิม ๆ และทำให้เรามองทุกวัน เหมือนเป็นวันแรกอยู่เสมอ
เพราะในวันแรก คือวันที่เรายังมักจะไม่รู้อะไร ทำให้ต้องตื่นตัว พร้อมเรียนรู้ และพร้อมปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดตลอดเวลา
แนวคิดนี้จึงเป็นอีกเรื่องที่สำคัญมาก ต่อการนำมาใช้ในการลงทุน เพื่อให้เราสามารถเป็นนักลงทุน ที่จะเอาตัวรอดได้ ไม่ว่าบริบทในอนาคตของโลกการลงทุน จะเป็นอย่างไร
เพราะในโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดที่จะจีรังยั่งยืน และเมื่อสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นแล้ว สักวันก็จะต้องผ่านพ้นไป
สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด จึงไม่ใช่การฝืนกระแสของการเปลี่ยนแปลง แต่เป็นการเปิดใจ เรียนรู้เพื่อจะอยู่กับโลกที่เปลี่ยนไปให้ได้
11. ลอตเตอรี่หุ้น 10 เด้ง
คุณอลงกฎ มโนรุ่งเรืองรัตน์ หรือพี่มาร์ช เจ้าของเพจ เทรนด์ลงทุน เป็นนักลงทุนอีกท่านที่ผ่านการเรียนรู้ และได้ใช้เวลาลองผิดลองถูกมานานหลายปี
ผลจากการเรียนรู้ซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ ก็ยิ่งช่วยตอกย้ำ ให้เขามีพื้นฐานความรู้ในการลงทุน ที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น
จนในที่สุด เขาได้ค้นพบหลักการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อทำให้พอร์ตเติบโตได้ ด้วยอัตราผลตอบแทนที่ดี
หลักการนี้ เรียกว่า “ลอตเตอรี่หุ้น 10 เด้ง”
ประกอบไปด้วย 3 ข้อสำคัญ
ข้อ 1 บริษัทต้องเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ
- มีหนทางในการเติบโตอีกยาวไกล
- มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน อันจะนำมาซึ่งอำนาจในการต่อรอง
- มีอำนาจในการกำหนดราคา เพราะมีอำนาจในการต่อรองที่ดี
- มีความเหนียวแน่นของลูกค้าสูง เมื่อลูกค้าได้ใช้แล้วจะติดใจ จนลูกค้าไม่อยากเปลี่ยนไปใช้บริการของคู่แข่งเจ้าอื่น
ข้อ 2 รูปแบบการเติบโตต้องดี
- บริษัทต้องสามารถสร้างกระแสเงินสดได้ดี
เพราะบริษัทที่คุณภาพดีจริง ควรจะต้องเป็นเครื่องจักรผลิตเงินสดให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล
- อัตราการทำกำไร ต้องสามารถพัฒนาขึ้นได้
บริษัทแบบนี้จะต้องมีโครงสร้างการทำธุรกิจ ที่เอื้อให้เกิด Operating Leverage ขึ้น
- มีการเติบโตแบบเร่งตัว ที่จะสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับนักลงทุนได้
บริษัทประเภทนี้ ในช่วงเวลาหนึ่ง จะถูกนักลงทุนส่วนใหญ่มองข้าม เพราะมีสาเหตุอย่างเช่น บริษัทกำลังมีปัญหาชั่วคราว หรือนักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่น
ในช่วงเวลาแบบนี้ ราคาหุ้นของบริษัท จะยังไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับมูลค่าที่แท้จริง
หากเรามองถูก แล้วเข้าไปซื้อหุ้น จากนั้นอดทนถือไปจนถึงวันที่บริษัทสร้างเซอร์ไพรส์ได้จริง เราก็จะทำกำไรได้มหาศาล
ข้อ 3 กระจายความเสี่ยง ด้วยการถือแต่หุ้นดี
หากเราได้ทำการบ้านมาอย่างดี การจัดพอร์ตหุ้น ด้วยการถือแต่หุ้นคุณภาพดี ที่มีศักยภาพจะเป็นหุ้น 10 เด้ง สัก 10 ตัว โดยถือตัวละ 10%
แค่นี้ก็ถือว่าเราได้จัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงออกมาอย่างดีพอ เพื่อช่วยให้เราได้รับผลตอบแทนที่ดี ในระยะยาวแล้ว
และทั้งหมดนี้ ก็คือสรุปแนวคิดการลงทุน ที่กลั่นออกมาจากประสบการณ์ตรง จากพี่ ๆ นักลงทุนทั้ง 10 ท่าน ที่เต็มใจถ่ายทอด ให้ทุกคนได้เรียนรู้กัน
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณพี่ ๆ ทุกท่านอีกครั้ง ที่ยินดีสละเวลาอันมีค่า มาให้สัมภาษณ์กับทาง MONEY LAB และขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคน ที่ตั้งใจอ่านกันมาจนจบ
ถึงตรงนี้ MONEY LAB เชื่อว่า หลักการลงทุนจากบทความนี้ จะเป็นอีกแรงบันดาลใจ ที่ช่วยนำทางพวกเรา ให้ก้าวเดินต่อไปบนโลกของการลงทุน ได้อย่างมั่นคง
และถ้าหากในอนาคตเพื่อน ๆ คนใดที่เคยอ่านบทความเหล่านี้ ได้ค้นพบเคล็ดวิชาในแบบของตัวเอง จนประสบความสำเร็จในเรื่องการลงทุนบ้าง
MONEY LAB ก็หวังว่าเพื่อน ๆ จะยินดีมาถ่ายทอดให้กับนักลงทุนรุ่นหลัง ได้เรียนรู้กันต่อไป
เฉกเช่นเดียวกับที่พี่ ๆ เซียนหุ้นเหล่านี้ และบรรดานักลงทุนอีกมากมายก่อนหน้า ตั้งใจให้ความรู้แก่คนรุ่นหลัง มาตลอดช่วงเวลาอันแสนยาวนานของโลกการลงทุนนี้..