สรุป Time Value of Money หลักการที่ช่วยให้เรา ใช้เงินได้อย่างชาญฉลาด ในโพสต์เดียว

สรุป Time Value of Money หลักการที่ช่วยให้เรา ใช้เงินได้อย่างชาญฉลาด ในโพสต์เดียว

5 ส.ค. 2025
“เงิน 1 บาทก็มีราคา 1 บาท ซื้อก๋วยเตี๋ยวได้เสมอ” คือสิ่งที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยเมื่อ 80 กว่าปีก่อน เคยกล่าวเอาไว้
แต่ถ้าคนไทยในตอนนั้น ทะลุเวลามาโผล่ในปัจจุบัน เงิน 1 บาทของเขา ณ วันนี้ ก็แทบจะซื้ออะไรไม่ได้แล้ว
สิ่งนี้เองสะท้อนให้เห็นว่ามูลค่าของเงินที่เรามีในวันนี้ กลับไม่ได้มีค่าเท่าเดิมอีกแล้ว ในหลาย ๆ ปีข้างหน้า 
ทำให้การทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานอย่าง Time Value of Money หรือ มูลค่าเงินตามเวลา จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ 
แล้วหลักการนี้คืออะไร และทำไมถึงสามารถช่วยให้เราเลือกใช้เงินอย่างชาญฉลาดมากขึ้นได้ ? 
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
เงินในวันนี้ มีค่ามากกว่า เงินในอนาคต คือหัวใจหลักของหลักการ Time Value of Money 
ซึ่งสิ่งที่ทำให้เงินในวันนี้มีค่ามากกว่าเงินในอนาคต หลัก ๆ แล้วก็คือการที่มีเงินเฟ้อคอยกัดกินมูลค่าเงินของเราในอนาคต เหมือนอย่างที่กล่าวไปตอนต้น
เพราะฉะนั้น การเก็บเงินไว้เฉย ๆ แม้จะดูปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้ช่วยรักษาความมั่งคั่งของเราในอนาคต 
และในอีกมุมหนึ่งก็คือ การที่เราสามารถนำเงินที่มีในวันนี้ไปลงทุนให้งอกเงยได้เลย การรอที่จะได้เงินในอนาคต ก็จะทำให้เราเสียโอกาสนี้ไป
เพราะฉะนั้นหลักการ Time Value of Money จึงสามารถนำมาช่วยในการตัดสินใจคร่าว ๆ ได้ ว่าเราควรจะใช้จ่ายเงินอย่างไรดี ให้คุ้มกับค่าเสียโอกาสนั้น 
แต่การจะเอามูลค่าเงินในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ให้กลับมาอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อให้เราเปรียบเทียบสำหรับตัดสินใจได้ 
ถ้าเป็นการแปลงมูลค่าเงินในอนาคต มาเทียบกับมูลค่าเงินในปัจจุบัน จะเรียกว่าการหามูลค่าปัจจุบัน หรือ Present Value (PV) ก็จะต้องพึ่งสมการต่อไปนี้
PV = FV / (1+r)ⁿ   
โดยมูลค่าของเงินที่เราจะได้รับ หรือจ่ายไปในอนาคต ก็คือ Future Value (FV) 
n นั้นก็คือ จำนวนระยะเวลา 
ส่วน r คือ อัตราคิดลด ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้ง อัตราเงินเฟ้อ และตัวแทนค่าเสียโอกาส อย่างเช่น อัตราดอกเบี้ย หรือ ผลตอบแทนจากการเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่น
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะคิดว่าหลักการ Time Value of Money เป็นความรู้ขึ้นหิ้ง เอามาใช้ในชีวิตจริงไม่ได้ เหมือนหลาย ๆ เรื่องที่เรียนมา
แต่อันที่จริงแล้ว หลักการนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสิ่งที่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด เช่น การเลือกระหว่างซื้อสดกับซื้อผ่อน 
สมมติให้คุณ A กำลังเลือกระหว่าง 
1. ผ่อนโทรศัพท์มือถือราคา 30,000 บาท ด้วยโปรโมชันผ่อน 0% เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะต้องจ่ายเงินเดือนละ 5,000 บาท 
2. จ่ายสดเป็นเงิน 30,000 บาท ไปเลยทีเดียวจบ
โดยทางเลือกในการนำเงิน 30,000 บาทนี้ไปใช้ของคุณ A ก็คือ การนำไปฝากประจำ 6 เดือนกับธนาคาร ที่ได้ดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี หรือคิดเป็น 0.125% ต่อเดือน 
ตรงนี้วิธีตัดสินใจของคุณ A ก็คือ การคำนวณ PV ของการผ่อน แล้วนำมาเทียบว่ามากกว่าหรือน้อยกว่า การจ่ายเงินสดไปเลยทีเดียว 30,000 บาท 
โดยที่ FV คือ เงินงวดละ 5,000 บาท ที่จ่ายไปทุกเดือน 
n คือ จำนวนเวลาที่ใช้ในการคำนวณก็คือ 6 เดือน 
ส่วน r หรือ อัตราคิดลด ก็คือดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร 0.125% ต่อเดือน เพื่อให้ตรงกันกับจำนวนเวลาที่เราใช้ในการคำนวณ ซึ่งเป็นเดือน 
ทำให้เราจะหา PV ของเงินที่คุณ A ผ่อนโทรศัพท์มือถือไปแต่ละงวดได้ 
- PV งวดที่ 1 = 5,000 / (1 + 0.125%)¹ = 4,993.75 บาท
- PV งวดที่ 2 = 5,000 / (1 + 0.125%)² = 4,987.52 บาท 
- PV งวดที่ 3 = 5,000 / (1 + 0.125%)³ = 4,981.29 บาท 
- PV งวดที่ 4 = 5,000 / (1 + 0.125%)⁴ = 4,975.07 บาท 
- PV งวดที่ 5 = 5,000 / (1 + 0.125%)⁵ = 4,968.86 บาท 
- PV งวดที่ 6 = 5,000 / (1 + 0.125%)⁶ = 4,962.66 บาท 
จากนั้นก็บวก PV ของเงินที่ผ่อนโทรศัพท์มือถือทั้งหมด 6 เดือนเข้ามาเป็นก้อนเดียว ซึ่งจะได้เท่ากับ 29,869.15 บาท
ตรงนี้เองจะเห็นได้ว่า มูลค่าปัจจุบันของการผ่อน 0% เป็นเวลา 6 เดือนนั้น น้อยกว่า 30,000 บาท 
ทำให้สำหรับคุณ A แล้ว การผ่อนโทรศัพท์มือถือ 0% เป็นเวลา 6 เดือน แล้วเอาเงินสดไปฝากธนาคารกินดอกเบี้ย 
ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการจ่ายสด แล้วเสียเงินไปเลย 30,000 บาท 
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่าคุณ A จะมีวินัยทางการเงินดีพอ ที่จะชำระบัตรเครดิตผ่อน 0% ให้ครบทั้งจำนวนโดยไม่ล่าช้าเลย ไปตลอด 6 เดือนได้ไหม
เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว คุณ A จะต้องเผชิญกับดอกเบี้ยมหาโหดของบัตรเครดิตซึ่งโดยเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 16% ต่อปี ที่คิดดอกเบี้ยจากหนี้ของคุณ A เป็นรายวัน
และถ้าหากเราอยากจะรู้ต่อไปอีกว่า เงิน 30,000 บาท ที่คุณ A เอาไปฝากธนาคารไว้ 6 เดือน จะกลายเป็นเงินเท่าไร 
ก็สามารถคำนวณได้ด้วยการใช้สมการหามูลค่าในอนาคต นั่นก็คือ FV = PV(1+r)ⁿ 
ซึ่งจากข้อมูลก่อนหน้า ก็จะทำให้เงิน 30,000 บาท ที่คุณ A เอาไปฝากธนาคารไว้ 6 เดือน จะกลายเป็น

FV = 30,000 x (1 + 0.125%)⁶ = 30,225.70 บาท นั่นเอง
จากทั้งหมดนี้เราก็จะได้เห็นแล้วว่า หลักการพื้นฐานของศาสตร์แห่งการเงินอย่าง Time Value of Money  
ไม่ได้สงวนการใช้งานไว้แค่กับคนในแวดวงการเงินการลงทุน อย่างที่หลายคนเข้าใจ
แต่หลักการนี้ สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ได้ตั้งแต่เรื่องง่าย ๆ อย่างเช่น จะเลือกซื้อของด้วยการผ่อนหรือจ่ายสดดี หรือฝากเงินด้วยอัตราดอกเบี้ยเท่านี้ สิ้นปีเงินจะกลายเป็นเท่าไร
ไปจนถึงช่วยตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิต เช่น 
- อยากมีเงินเกษียณ 50 ล้านบาท ต้องเก็บเงินปีละเท่าไร
- คำนวณหาเงินบำนาญที่จะได้ตอนเกษียณ 
- ตัดสินความคุ้มค่าในการลงทุนทำธุรกิจ
ซึ่งก็ต้องอาศัยสูตรคำนวณที่พลิกแพลงมาจากหลักการพื้นฐานอย่าง Time Value of Money เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ Time Value of Money ไม่เพียงช่วยทำให้เราเข้าใจ ว่าการเก็บเงินไว้เฉย ๆ ไม่ได้เพียงแค่ทำให้ถูกเงินเฟ้อกัดกินจนด้อยค่าเท่านั้น 
แต่ยังย้ำเตือนให้เราเริ่มใช้เงินอย่างชาญฉลาด ให้คุ้มกับค่าเสียโอกาสของเราตั้งแต่วันนี้.. 
#วางแผนการเงิน
#หลักวางแผนการเงิน
#มูลค่าเงินตามเวลา
References 
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.