ปีนี้ไม่ได้มีแค่เพื่อน ๆ ผู้อ่านของเราเพียงคนเดียว ที่ต้องก้าวออกจาก Comfort Zone ของตัวเองอย่างเลี่ยงไม่ได้

ทั้งการมาถึงของ AI และสภาพเศรษฐกิจกับตลาดหุ้นไทยที่ค่อนข้างแย่ ก็ทำให้ตลอดปีนี้ทาง MONEY LAB ก็ถูกผลักให้ก้าวออกจาก Comfort Zone ของตัวเองไม่ต่างกัน

แต่ท่ามกลางหลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปีนี้ บางครั้งเราอาจจะต้องพักหายใจ หยุดเพื่อใช้ความคิด และตั้งคำถามให้ดีว่า 

แล้วอะไรล่ะคือสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนไปบ้าง ?

เพราะความรู้ที่เป็นแก่นแท้ อันสำคัญต่อชีวิตของเรามากจริง ๆ ที่จะนำทางให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ไปในระยะยาว ก็ดูจะมีแค่ไม่กี่เรื่องเท่านั้น

และน่าจะเป็นหนึ่งในอีกหลายสิ่งที่ควรได้ไปต่อในปี 2026 หรือแม้แต่ในอีกหลาย ๆ ปีข้างหน้าได้เช่นกัน

1. ใช้ให้น้อยกว่าที่หามาได้ แก่นแท้ไม่มีวันตาย ของการสร้างความมั่งคั่ง

หลักการในการวางแผนทางการเงิน เพื่อให้ชีวิตของเรามีความมั่นคงนั้น แท้จริงแล้ว แก่นของมันก็สามารถสรุปออกมาได้ไม่กี่คำ

นั่นคือ “การใช้ให้น้อยกว่าที่หามาได้ และนำเงินที่เก็บออมได้ไปต่อยอดให้มันงอกเงย”

เพราะไม่ว่าบทความไหนของ MONEY LAB ที่ยกตัวอย่างบุคคลที่ประสบความสำเร็จ จนมีอิสรภาพทางการเงิน ทั้งตั้งแต่อายุน้อย ตอนอายุมาก หรืออยู่ที่ก็ตามของโลก

ก็จะนำมาสู่แก่นแท้สุดเรียบง่ายที่สรุปได้ในข้างต้น โดยไม่จำเป็นต้องทำอะไรยุ่งยากมากมายเลย 

ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพการออม ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ค่าใช้จ่ายประจำวันเท่านั้น แต่ยังมีค่าใช้จ่ายที่บริหารได้อย่าง “ภาษีเงินได้” 

ที่ทาง MONEY LAB ก็มีคอนเทนต์ เทคนิคในการวางแผนภาษี รวมถึงการใช้ประกันและกองทุนรวมลดหย่อน แบบเข้าใจง่าย ๆ ให้กับเพื่อน ๆ อยู่เสมอ  

และถ้าหากเราเก็บออมได้มาก แล้วทำความเข้าใจเครื่องมือการลงทุนหลากหลาย ที่เอาไว้รับมือได้ในทุกสภาพตลาดอย่างเช่น TFEX, Options และ DR ที่ MONEY LAB ได้พูดถึงเช่นกันในปีนี้

ก็จะติดปีกให้กับพอร์ตการลงทุนของเรา จนนำไปสู่ความมั่งคั่งและอิสรภาพทางการเงินได้ในท้ายที่สุด

2. บทเรียนอันมีค่า ไม่จำเป็นต้องมาจากบาดแผลของเราเอง 

นอกจากความรู้เรื่องการลงทุนที่เข้มข้นแล้ว ปีนี้ทาง  MONEY LAB ก็ยังได้ถอดบทเรียนการเงิน จากเหตุการณ์จริงและประเด็นร้อนในสังคมมากมาย

ไม่ว่าจะเป็นดรามาการผ่อนบ้านกับเจ้าของ หนี้สินจากการทำธุรกิจเกินตัวของดาราดัง และการถูกฟ้องร้องขอแบ่งทรัพย์สิน แม้ในวันที่ไม่ได้รักกันแล้ว 

ซึ่งเราก็หยิบเรื่องราวเหล่านี้มาเล่าโดยมีเจตนา เพื่อต้องการที่จะเปลี่ยนประเด็นดรามาในสังคม ให้กลายเป็นบทเรียนและเป็นภูมิคุ้มกันทางการเงินสำหรับทุกคน 

เพราะอย่างที่เราเห็นจากเรื่องราวเหล่านี้ว่า ตั้งแต่คนธรรมดาไปจนถึงดาราดัง ก็สามารถมีปัญหาเรื่องเงินได้อย่างเท่าเทียมกัน หากไม่มีความรู้ทางการเงินที่ถูกต้อง

การเรียนรู้จากกรณีศึกษา และไม่เดินไปตามเส้นทางเหล่านั้น จึงย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่ามาก 

3. ไม่มีสไตล์การลงทุนใด ดีไปกว่าสไตล์ที่เหมาะสมกับเรา

จากประสบการณ์ที่ MONEY LAB ได้คลุกคลีอยู่กับโลกการลงทุนมาหลายปี พร้อมกันกับความโชคดี ที่ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พี่ ๆ นักลงทุนเก่ง ๆ ของไทยมากมาย

MONEY LAB ก็ได้ตกผลึกอะไรบางอย่าง สำหรับการลงทุนนั่นก็คือ

ไม่ว่าเราจะใช้วิธีในการลงทุนสไตล์ไหนก็ตาม แต่หากเราฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ ในวิธีการนั้นมากจริง ๆ เราก็สามารถใช้ทำกำไร จนสร้างความมั่งคั่งได้เหมือนกัน

เพราะทั้งนักลงทุนสายปัจจัยพื้นฐาน, สายเทคนิค หรือกระทั่งสาย Quant ที่นำสมการทางคณิตศาสตร์มาวางแผนในการลงทุน

ขอแค่เรารู้และเชี่ยวชาญจริง ๆ ในแนวทางนั้น จากการเคี่ยวกรำตัวเองมาอย่างหนัก อย่างไม่ยอมท้อถอย

วิธีการที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบของเราเหล่านี้ ในท้ายที่สุดแล้ว ก็จะช่วยทำให้เรากลายเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน

เฉกเช่นเดียวกับบรรดาพี่ ๆ นักลงทุนที่เสียสละเวลามาให้สัมภาษณ์กับทาง MONEY LAB

ที่แต่ละคน แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าเหมือนกัน แต่มีวิธีการในการเลือกหุ้น และประเภทหุ้นที่ตนเองชอบ ไม่เหมือนกันเลย

ตัวอย่างเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่า แม้คนที่ได้ร่ำเรียนมาจากตำราเล่มเดียวกัน แต่นิสัยและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน สุดท้ายก็ตกผลึก และต่อยอดวิชาเหล่านั้น จนก้าวสู่ความสำเร็จ ในแบบฉบับของตน

ดังนั้นแล้ว ก็มีคำแนะนำสำหรับเพื่อน ๆ นักลงทุนที่ลงทุนมานานแล้ว แต่อาจจะยังไม่ประสบความสำเร็จตามที่ใจฝัน และนักลงทุนหน้าใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาในตลาด แต่ในใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน อยู่เหมือนกัน

นั่นคือ อย่าเพิ่งถอดใจยอมแพ้ไปเสียก่อน ลองกลับมาเริ่มต้นเรียนรู้กันใหม่ และลองค้นหาอาจารย์ที่คิดว่าเหมาะสมกับเราดูก่อน

ใน 2 ปีที่ผ่านมา MONEY LAB ได้สัมภาษณ์พี่ ๆ นักลงทุนมาถึง 10 ท่านแล้ว ซึ่งแต่ละท่าน ก็มีวิธีการ พร้อมทั้งความเชี่ยวชาญ ที่แตกต่างกันออกไป

MONEY LAB เชื่อว่า คงน่าจะต้องมีสักท่านหนึ่ง ที่มีแก่นความคิด และประสบการณ์อันทรงคุณค่า ที่เหมาะสมกับเรา และจะช่วยนำทางเราสำหรับการก้าวเดินต่อไปบนโลกการลงทุน ต่อจากนี้ได้

แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับบทความสัมภาษณ์นั้น ก็จะยังไม่ได้สิ้นสุดลงแค่นี้เท่านั้น เพราะในอนาคต ก็จะยังมีพี่ ๆ ใจดีท่านอื่น ๆ เสียสละเวลามาให้สัมภาษณ์อีกเช่นกัน

แต่จะเป็นใครในปีหน้าบ้างนั้น เดี๋ยวเรามาคอยติดตามกันต่อไป แต่รับรองว่า บรรดาพี่ ๆ เหล่านี้ ก็จะมอบความรู้ที่เป็นประโยชน์มาก ๆ ให้กับเรา ไม่แพ้ท่านอื่น ๆ แน่นอน

4. การลงทุนคือการเรียนรู้ธุรกิจ ไม่ใช่เพียงการยึดติดกับตัวเลขบนงบการเงิน 

MONEY LAB ก็ไม่ต่างจากเพื่อน ๆ ทุกคนที่ถูกบีบให้ต้องขยายกรอบความรู้ของตัวเอง ให้กว้างไกลไปกว่าตลาดหุ้นไทย จากสภาพตลาดหุ้นไทยในปีนี้ 

ปีนี้ทางเพจจึงมีการเขียนบทความแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม นั่นคือ การเขียนเจาะลึกเรื่องราว และตำนานของสุดยอดบริษัท ที่ซุกซ่อนอยู่ในทุกพื้นที่ในโลก รอคอยให้มีใครสักคนไปค้นพบ

เรื่องราวเบื้องหลังของบริษัทเหล่านี้ มีเสน่ห์เป็นอย่างมาก เพราะเบื้องลึกเบื้องหลังของธุรกิจ ไม่ใช่แค่ตัวเลขงบการเงิน หรือผลประกอบการเท่านั้น

แต่จริง ๆ แล้ว กลับเต็มไปด้วย ความมุ่งมั่นของผู้ก่อตั้งเป็นจุดเริ่มต้น วัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เหมือนใคร และรวมถึงกลยุทธ์ธุรกิจ ที่ทำให้บริษัทสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านนั้น ๆ ได้

ที่ไม่เพียงช่วยให้เราได้เรียนรู้ว่า บริษัทคุณภาพดีที่บางครั้งสามารถถือไปได้ตลอดชีวิตนั้น มีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ยังช่วยขยายขอบเขตความรู้ในเรื่องการวิเคราะห์ธุรกิจให้กับตัวเราเองด้วย 

ในปี 2025 ที่ผ่านมา MONEY LAB ได้เล่าเรื่องราวของบริษัทอย่างเช่น

- Constellation Software

- S&P Global

- Axon Enterprise

- Gilead Sciences

- Palantir Technologies

- Costco Wholesale

และยังมีบริษัทอีกมากมายที่เจ๋งไม่แพ้กัน ที่ทางเพจของเรายังไม่ได้เขียนถึง ซึ่งรับรองว่า องค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาบริษัทเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกคนอย่างแน่นอน

5. AI คือผู้ช่วยลงทุน ตัวคุณคือผู้ตัดสินใจ

ความก้าวหน้าของ AI เทียบไม่ได้เลยกับเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพราะมาวันนี้ AI สามารถเข้ามาช่วยเราทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงการเข้ามาเป็นผู้ช่วยการลงทุนให้กับเราด้วยเช่นกัน 

เหมือนอย่าง MONEY LAB เอง ก็ได้มีการลองใช้ ก่อนจะนำไปแบ่งปันกับเพื่อน ๆ ทุกคน ผ่านคอนเทนต์ที่แนะนำ วิธีใช้เครื่องมือ AI หลากหลายตัวในปีนี้

ทั้งที่ตอนนี้ อาจจะเป็นแค่ยุคเริ่มต้นของ AI ด้วยซ้ำ เพราะยังมีโอกาสอีกมาก ที่ AI จะก้าวหน้าไปได้ไกลมากกว่านี้

คนที่ไม่ยอมปรับตัวให้อยู่ร่วมกับ AI ได้ จึงเหมือนคนที่ยอมทนเดินเท้า ในขณะที่มีรถให้นั่งฟรี ๆ 

และคงจะใช้ชีวิตต่อไป บนโลกที่ดูจะไม่มีความแน่นอนเหลืออยู่แล้วแห่งนี้ อย่างยากลำบากเป็นแน่

แต่ก็เหมือนคำพูดอมตะของคุณ Charles Darwin ว่า

“คนที่จะอยู่รอด ไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุด หรือฉลาดที่สุด แต่คือคนที่ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุด”

การผสาน AI ให้มาช่วยงานแบกหามทางความคิด ในเรื่องของการลงทุน 

ไม่ว่าจะเป็น การอ่านรายงานประจำปีหลาย 100 หน้า, นั่งฟัง Opp Day หรือ Earning Call ยาวเป็นชั่วโมง รวมถึงการตามข่าวจากหลากหลายแหล่ง 

แล้วตัวเราเองใช้ทักษะในการวิเคราะห์ และเชื่อมโยงความรู้ความเชี่ยวชาญในหัวที่เรามี ก่อนตัดสินใจ 

จะทำให้เราได้ประโยชน์มากกว่าการหลับหูหลับตาใช้ AI โดยไม่ได้คิดวิเคราะห์ และแยกแยะว่าข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์ สำหรับการลงทุนของเราจริง ๆ 

สุดท้ายอีกสิ่งหนึ่งที่ได้ไปต่อสำหรับ MONEY LAB ในปี 2026 ที่จะถึงนี้ 

คือการนำเสนอความรู้การเงิน การลงทุน และธุรกิจดี ๆ ที่ตั้งใจถ่ายทอดให้กับเพื่อน ๆ ตั้งแต่ตัวอักษรตัวแรก จนถึงตัวอักษรสุดท้าย ของทุก ๆ บทความ อยู่เสมอไม่เปลี่ยนไป

และไม่ว่าตลาดหุ้นจะรุ่งหรือจะร่วง AI จะฉลาดขึ้นอีกมากแค่ไหน หรือจะมีวิกฤติเศรษฐกิจใหญ่คืบคลานเข้ามา

MONEY LAB ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะได้เป็นกัลยาณมิตรที่ทุกคนนึกถึง ในวันที่ต้องการกำลังใจ ในเส้นทางแห่งการสร้างความมั่งคั่งอันแสนยาวนาน..