เคล็ดลับเกษียณเร็ว วัย 38 ปี ของ (อดีต) มนุษย์เงินเดือน ชาวสิงคโปร์ ที่ย้ายมาใช้ชีวิตในไทย

เคล็ดลับเกษียณเร็ว วัย 38 ปี ของ (อดีต) มนุษย์เงินเดือน ชาวสิงคโปร์ ที่ย้ายมาใช้ชีวิตในไทย

16 ธ.ค. 2025
ลองนึกภาพว่า เราทำงานเพียงสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง แต่ยังมีรายได้มากพอสำหรับดูแลตัวเองและครอบครัว แบบไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป
ฟังดูเหมือนฝัน แต่นี่คือเรื่องราวชีวิตจริงของคุณ Shao Chun Chen มนุษย์เงินเดือนชาวสิงคโปร์ ที่ทำงานประจำมา 14 ปี ใช้ชีวิตอย่างประหยัด เก็บเงินไปลงทุน จนพอร์ตการลงทุนเติบโต มากพอที่จะเกษียณได้
ทำให้ในวันที่เขาถูกเลิกจ้าง ในใจของเขากลับไม่ได้มองว่านี่คือวิกฤติ แต่กลับกลายเป็นโอกาสให้เขาเริ่มต้นเส้นทางใหม่ในชีวิต
แล้วเขามีเคล็ดลับในการบริหารเงินอย่างไร ?
ถึงสามารถเก็บเงินได้มากพอรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และยังเกษียณได้ก่อนอายุ 40 ปีด้วย
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ 
คุณ Shao Chun Chen เติบโตมาในครอบครัวที่มีปัญหาการเงิน 
ภาพฝังใจที่เขาจำได้ไม่ลืม คือวันที่กลับบ้านมาแล้วเห็นแม่ร้องไห้ เพราะเจ้าหนี้มาติดสติกเกอร์ประเมินมูลค่าข้าวของในบ้านเพื่อยึดทรัพย์  
เหตุการณ์นั้นกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญ ทำให้เขาตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าชีวิตของเขาจะต้องไม่กลับไปอยู่ในจุดนั้นอีก
เขาทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างเต็มที่ จนสามารถสอบเข้า สาขาการเงินที่ Nanyang Technological University มหาวิทยาลัยชั้นนำของสิงคโปร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกได้
และเมื่อเรียนจบ เขาก็เริ่มต้นทำงานกับสถาบันการเงินระดับโลก อย่าง Merrill Lynch ก่อนจะย้ายไปทำงานที่ JP Morgan
รายได้ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในวัยเพียง 27 ปี เขามีรายได้กว่า 4.8 ล้านบาทต่อปี หรือเฉลี่ยเดือนละประมาณ 400,000 บาทเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังผลตอบแทนที่สูงขนาดนี้
ต้องแลกมาด้วยเวลาทั้งหมดของเขา
เขาทำงานเฉลี่ยสัปดาห์ละ 100 ชั่วโมง ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความกดดัน โดยไม่มีแม้กระทั่งเวลาไปกินข้าว ได้แค่นั่งกินแซนด์วิชเย็น ๆ ที่โต๊ะทำงาน 
ด้วยชั่วโมงการทำงานที่โหดร้ายและสภาพแวดล้อมที่เคร่งเครียดนี้เอง ที่ทำให้ความรู้สึกหมดไฟค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น
และฟางเส้นสุดท้ายในชีวิตการทำงานของเขา 
ก็คือ เมื่อแม่เสียชีวิตอย่างกะทันหัน 
เขาคิดได้ทันทีเลยว่า ต้นทุนที่แท้จริงของความสำเร็จที่ผ่านมาของตัวเอง คือการสูญเสียโอกาสที่จะได้ใช้เวลากับครอบครัว
และนั่นทำให้เขาตัดสินใจลาออกทันที..
หลังจากลาออก เขาตัดสินใจเบนเข็มเส้นทางการทำงานใหม่ออกจากสายการเงินไปยังสายเทคโนโลยี โดยยอมลดรายได้ลงกว่าครึ่งเพื่อเข้าทำงานกับบริษัท LinkedIn แลกกับชีวิตการทำงานที่จัดการเวลาได้มากขึ้น
จากนั้นเขาก็ย้ายไปร่วมงานกับ Google ในช่วงที่อุตสาหกรรมเทคกำลังเฟื่องฟู และทำงานที่นั่นนานเกือบ 8 ปี ก่อนจะเผชิญกับคลื่นการปลดพนักงานครั้งใหญ่ในช่วงต้นปี 2024
อย่างไรก็ตาม จากการที่เขามีวินัยในการลงทุน ตลอดระยะเวลาการทำงานกว่า 14 ปี
พอร์ตการลงทุนของเขาเติบโตจนมีมูลค่าราว 63 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากพอให้เขามีอิสรภาพทางการเงิน และวางแผนใช้ชีวิตหลังเกษียณได้โดยไม่ต้องพึ่งรายได้จากงานประจำอีกต่อไป
ปัจจุบันนี้คุณ Shao Chun Chen ทำงานเป็นอาจารย์พิเศษ รวมถึงรับบรรยาย ให้กับมหาวิทยาลัยชั้นนำในสิงคโปร์ พร้อมกับการทำคลิปยูทูบใน Channel ของตัวเอง
โดยเขาเองก็ได้ออกมาแชร์ 3 หลักคิดสำคัญในการสร้างอิสรภาพทางการเงินที่เขาใช้มาตลอด นั่นคือ
1. Active ใน Active Income
ความหมายง่าย ๆ คือ ทำทุกอย่างเพื่อให้รายได้จากงานประจำโตเร็วที่สุด
เพราะสำหรับเขา เงินเดือนเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงหลักของการลงทุน เพราะตลอด 14 ปีที่ทำงาน เขาจะแบ่งเงินเดือนถึงครึ่งหนึ่งไปเติมพอร์ตทุก ๆ เดือน
ดังนั้น ยิ่งเงินเดือนมากขึ้น เงินที่นำไปลงทุนก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น ทำให้มูลค่าพอร์ตการลงทุนเติบโตเร็วขึ้นตามไปด้วย
โดยเขาตั้งเป้าให้เงินเดือนเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% ทุกปี
และสิ่งที่เขาทำอย่างสม่ำเสมอ คือ
การแสดงความกระตือรือร้นด้วยการอาสาทำโปรเจกต์ใหม่ ๆ ที่อยู่นอกเหนือขอบเขตงาน พร้อมกับการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเอง
นอกจากนี้ เขายังบังคับตัวเองให้ไปสัมภาษณ์งานอย่างน้อยทุก 6 เดือนแม้ว่าจะยังพอใจกับงานปัจจุบันอยู่ก็ตาม เพื่อเป็นการเช็กมูลค่าตลาดของตัวเองอยู่เสมอ
โดยแรงผลักดันการทำแบบนี้มาจากบทเรียนราคาแพงของแม่ของเขา ที่ทำงานในบริษัทเดียวมานานถึง 30 ปี แต่กลับได้ขึ้นเงินเดือนไม่ถึง 5 ครั้ง
เขาจึงตั้งใจว่า จะไม่ยอมให้เส้นทางการทำงานของตัวเองซ้ำรอยแม่ของเขาเด็ดขาด
2. Passive ใน Passive Income
ความหมายง่าย ๆ คือ ให้เงินทำงานด้วยวิธีที่เรียบง่าย และน่าเบื่อที่สุด
แนวคิดนี้เขาตกผลึกจากการสังเกตสมัยที่ทำงานสายการเงินที่พบว่า คนที่ลงทุนเสี่ยงสูง เทรดบ่อย ๆ หรือเลือกหุ้นรายตัว มักจะได้ผลตอบแทนน้อยกว่าคนที่ลงทุนเชิงรับในระยะยาว
และการพยายามเลือกหุ้นรายตัว หรือเก็งกำไรรายวันเป็นการลงทุนที่เครียดและมีความเสี่ยงสูงมากเกินไป
ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจแบ่งเงินกว่าครึ่งหนึ่งของเงินเดือนแต่ละเดือน ไปลงทุนในกองทุน ETF อิงดัชนี S&P 500 เป็นหลัก เพื่อกระจายความเสี่ยง และลดการพึ่งพาฝีมือในการเลือกหุ้นรายตัว
โดยในพอร์ตของเขามีหุ้นรายตัวเพียงแค่ตัวเดียวคือ Google ที่ได้มาจากส่วนหนึ่งของค่าตอบแทนตอนทำงาน 
และอีกประมาณ 5% ของพอร์ตเป็นสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำและ Bitcoin ที่มีไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม เขาตัดสินใจที่จะไม่ลงทุนอสังหาริมทรัพย์เลย เพราะการซื้อบ้านในสิงคโปร์มักจะมาพร้อมกับการกู้ระยะเวลา 30 ปี
เขาคิดว่ามันเปรียบเสมือนการมัดมือชกให้ต้องทำงานใช้หนี้ต่อไปอีกนานถึง 30 ปี ซึ่งขัดแย้งกับเป้าหมายอิสรภาพทางการเงินของเขาเองโดยสิ้นเชิง
3. หลีกเลี่ยงความผิดพลาดของชนชั้นกลาง
ความหมายง่าย ๆ คือ การอุดรอยรั่วทางการเงิน ไม่ให้เงินที่หามาได้หมดไปกับคำว่า “ของมันต้องมี”
แนวคิดนี้คือ การระวังกับดักยอดฮิตที่คนส่วนใหญ่มักจะพลาดกัน นั่นคือการปล่อยให้รายจ่ายโตตามรายได้ 
พอเงินเดือนขึ้นปุ๊บ ก็อัปเกรดชีวิตปั๊บ ซื้อรถใหม่ ซื้อบ้านใหญ่ขึ้น ใช้ของแบรนด์เนมเพื่อสร้างภาพลักษณ์สวยหรู
เขามองว่า การทำแบบนั้นคือ รูรั่วขนาดใหญ่ที่ทำให้เป้าหมายอิสรภาพทางการเงินไกลออกไปเรื่อย ๆ 
ดังนั้นเขาจึงเน้นให้ความสำคัญกับการอุดรอยรั่ว ด้วยการควบคุมต้นทุนชีวิต ผ่านการเข้าใจอัตราการเผาผลาญเงิน (Burn Rate) ของตัวเอง
พูดง่าย ๆ ก็คือ ต้องเข้าใจก่อนว่า เงินแต่ละเดือนของตัวเองหายไปกับอะไรมากที่สุด โดยให้โฟกัสไปที่รายจ่ายใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรก แล้วหาทางลดมันลงอย่างจริงจัง
ซึ่งหนึ่งในวิธีที่เขาใช้เพื่อลด Burn Rate ของตัวเอง
ก็คือกลยุทธ์ Geo-Arbitrage 
นั่นคือ การย้ายที่อยู่จากประเทศค่าครองชีพสูงอย่างสิงคโปร์ มาใช้ชีวิตอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย กับภรรยา 
แล้วใช้วิธีนั่งเครื่องบินไปกลับสิงคโปร์แทน เมื่อต้องกลับไปทำงาน เพื่อลดต้นทุนในการใช้ชีวิตลง
ทั้งหมดนี้ก็คือ เรื่องราวการสร้างอิสรภาพทางการเงิน ที่สะท้อนผลลัพธ์ของวินัยการเงินตลอด 14 ปีของคุณ Shao Chun Chen จนทำให้เขามีพอร์ตการลงทุนมูลค่ากว่า 63 ล้านบาท
ซึ่งจะเห็นได้ว่า มันไม่เพียงช่วยเป็นเกราะป้องกันจากการถูกเลิกจ้างให้เขาเจ็บตัวน้อยที่สุดเท่านั้น แต่ยังทำให้เขามีอิสระในการใช้ชีวิตหลังเกษียณในแบบที่อยากทำจริง ๆ 
เพราะทุกวันนี้ แม้เขาไม่ได้ทำงานประจำแล้ว แต่รายได้จากการบินกลับไปเป็นอาจารย์พิเศษที่สิงคโปร์เพียงสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง ซึ่งได้รับเงินเป็นดอลลาร์สิงคโปร์ 
แต่เมื่อถูกนำกลับมาใช้จ่ายเป็นเงินบาท รายได้จากการทำงานสั้น ๆ นี้จึงครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดของครอบครัวเขาได้สบาย ๆ
ทำให้เงินลงทุนของเขาได้ทำงานสร้างความมั่งคั่งอย่างต่อเนื่องจริง ๆ ไม่ต้องถูกรบกวนด้วยการถอนออกมาใช้จ่ายก่อน นั่นเอง..
#วางแผนการเงิน
#หลักวางแผนการเงิน
#เกษียณเร็ว
References
-Shao Chun : Retiring As A 38 Year Old with USD 2 Million in Singapore | My Step by Step FIRE Guide
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.