มีคนจำนวนมาก ก้าวขาเข้ามาในโลกการลงทุน เพราะเชื่อว่านี่จะเป็นหนทาง พาเราไปสู่ความร่ำรวยได้แบบง่าย ๆ

แต่ความจริงแล้ว หนทางนี้กลับไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะมีคนอยู่เป็นจำนวนเพียงน้อยนิดเท่านั้น ที่สามารถเอาตัวรอดจากตลาดหุ้น จนสร้างความมั่งคั่งได้ในที่สุด

เพราะความยากนี้เอง จึงทำให้มีคนหลายคน เข้ามาลงทุนได้ไม่นาน ก็เลือกยกธงขาวยอมแพ้ เดินออกจากตลาดหุ้นไป อย่างที่ไม่เคยคิดจะหวนกลับเข้ามาอีก

ถึงแม้หนทางนี้จะดูยากลำบาก แต่ก็มีนักลงทุนอยู่ท่านหนึ่ง ไม่เคยคิดจะยอมแพ้

ต่อให้เขาจะต้องเรียนรู้เรื่องเดิม ๆ ทบทวนซ้ำไปซ้ำมา มากกว่าคนอื่น แต่ถ้านั่นคือการเพิ่มโอกาส เพื่อให้เขาประสบความสำเร็จในการลงทุนได้อีกสักนิด เขาก็ยินดีทำ

เรากำลังพูดกันถึง คุณอลงกฎ มโนรุ่งเรืองรัตน์ หรือพี่มาร์ช นักลงทุนเน้นคุณค่า และเจ้าของเพจเทรนด์ลงทุน

ซึ่ง MONEY LAB ได้มีโอกาสสัมภาษณ์กับเขา ที่มาช่วยถ่ายทอดบทเรียนอันทรงคุณค่า และให้คำแนะนำดี ๆ อีกมากมายด้วย

โดยสามารถสรุปประเด็นสำคัญออกมาได้ดังนี้

อาจารย์ที่เปลี่ยนชีวิต อาจจะไม่ได้มีแค่คนเดียว

พี่มาร์ชมีอาจารย์ด้านการลงทุนที่มีอิทธิพลอยู่หลายท่าน ที่มีทั้งความรู้ และสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนาน

อาจารย์เหล่านี้ นอกจากจะเป็นแรงบันดาลใจในการลงทุนแล้ว ก็ยังช่วยหล่อหลอมให้พี่มาร์ช มีความเข้าใจอันลึกซึ้งครอบคลุมในหลายด้าน

ตั้งแต่ การประเมินมูลค่า, การวิเคราะห์คุณภาพธุรกิจในเชิงลึก ไปจนถึงการเข้าใจเรื่องวัฏจักรการผันแปร ในตลาดหุ้นด้วย

โดยมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 ท่าน แบ่งเป็นนักลงทุนต่างชาติ 4 ท่าน และนักลงทุนชาวไทย 3 ท่าน ประกอบด้วย

คุณ Aswath Damodaranคุณ Howard Marksคุณ Warren Buffettคุณ Charlie Mungerดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากรคุณคเชนทร์ เบญจกุลและคุณชาย มโนภาส

หนังสือดี จะช่วยเปิดโลกใบใหม่ ให้กับเรา

แม้บนโลกนี้ จะมีหนังสือดี ๆ อยู่ตั้งมากมาย แต่เล่มที่จะมีอิทธิพลต่อวิธีคิด และหลักการดำเนินชีวิตของคนคนหนึ่ง คงจะมีอยู่ไม่มากนัก

สำหรับพี่มาร์ชแล้ว มีอยู่ด้วยกัน 6 เล่ม ครอบคลุมด้านการลงทุน, เรื่องราวของธุรกิจ และความมหัศจรรย์ของโชค ที่มีผลต่อชีวิตของคนเรา

หนังสือ Mastering the Market Cycle ของคุณ Howard Marksหนังสือ Narrative and Numbers ของคุณ Aswath Damodaranหนังสือ The Snowball: Warren Buffett and the Business of Life ของคุณ Alice Schroederหนังสือ What You Do Is Who You Are: How to Create Your Business Culture ของคุณ Ben Horowitzหนังสือ Good Luck โชคดีสร้างได้ด้วยตัวเอง ของคุณ Alex Rovira และคุณ Fernando Trias de Besหนังสือ Good to Great ของคุณ Jim Collins

เรียนรู้ เรียนรู้ และเรียนรู้ อย่างไม่หยุดหย่อน

อริสโตเติล นักปรัชญากรีกโบราณเคยกล่าวไว้ว่า

“การศึกษา รากของมันนั้นขม แต่ผลของมันนั้นหวาน”

พี่มาร์ชเองก็ผ่านกระบวนการในการเรียนรู้มาอย่างหนัก ไม่ต่างกับประโยคดังกล่าวเลย

เพราะแม้เขาจะเข้าตลาดหุ้นตั้งแต่ปี 2550 แต่กว่าจะเริ่มจับจุด จนได้พบกับแนวทางการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง ก็ใช้เวลาฝึกฝนอยู่นานหลายปี

ผ่านการลองผิดลองถูก เจอกับความล้มเหลว จนต้องหันกลับมาทบทวนตัวเอง อยู่นับครั้งไม่ถ้วน

เพราะบนเส้นทางของการก้าวสู่การเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จนี้ ก็เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไปไม่ได้เลย ที่จะต้องอดทนเรียนรู้ตลอดเวลา

ถึงต่อให้ในบางวัน การเรียนรู้ของเราอาจจะช้า หรืออาจจะเร็วไปบ้าง ก็ไม่ได้สำคัญเท่าไรนัก เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการอดทนเรียนรู้ เพื่อทำให้เราเก่งขึ้นได้ ในทุกวัน

และในอนาคต ความมหัศจรรย์ของการทบต้นจากความพยายามของเรา ก็จะออกดอกออกผล จนเปลี่ยนชีวิตของเราได้ ไม่ต่างจากคำกล่าวของอริสโตเติลเลย

แพ้ได้ ผิดพลาดได้ แต่อย่ายอมแพ้

ขึ้นชื่อว่าเป็นนักลงทุน นอกจากคำว่ากำไรแล้ว การขาดทุนก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่มักจะมาเป็นของคู่กัน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

พี่มาร์ชเคยเจอกับช่วงที่พอร์ตติดลบหนักถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นการเลือกหุ้นผิดพลาด และครั้งที่ 2 คือช่วงที่ FED ขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรง เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อในช่วงปี 2564-2565

แต่ถึงแม้จะเจ็บปวดอย่างไรก็ตาม ชีวิตก็ยังต้องไปต่อ เพราะพี่มาร์ชมีความคิดหนึ่ง ที่เขายึดถือมาตลอดว่า

“เกมนี้ จะไม่ใช่เกมสุดท้ายที่เขาเล่น ถ้าเขาล้มเลิกตอนนี้ เขาก็จะแพ้ไปตลอดกาล

ถึงในบางครั้งเขาจะแพ้ไปบ้าง แต่เขาจะไม่ยอมแพ้ และออกจากตลาดหุ้นเด็ดขาด”

พอคิดได้แบบนี้ ก็ช่วยให้พี่มาร์ช ได้ทบทวน จนยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ และตัดขาดทุนหุ้นเหล่านั้นไป

พร้อมทั้งเปลี่ยนไปถือหุ้นที่มีคุณภาพดี เหมาะสมจะถือลงทุนไปในระยะยาวแทน

สุดท้าย บทเรียนที่แสนจะเจ็บปวด แต่ทรงคุณค่าเหล่านี้ ก็ได้ทำให้พี่มาร์ชตกผลึกได้ว่า

การมีหลักการลงทุนที่ดี เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และหลักการนี้ จะต้องช่วยให้เราลงทุนแล้วมีความสบายใจในทุกวันได้

ผลลัพธ์ ไม่ได้สำคัญเท่ากับการมีกระบวนการที่ถูกต้อง

หลังจากผ่านพ้นวิกฤติต่าง ๆ พร้อมทั้งสั่งสมประสบการณ์ลงทุนมาหลายปี ในวันนี้ พี่มาร์ชได้ค้นพบหลักการที่เหมาะสมกับเขาเองแล้ว

หลักการนี้ เรียกว่า “ลอตเตอรี่หุ้น 10 เด้ง” สามารถสรุปออกมาได้เป็น 3 ข้อ

ข้อ 1 บริษัทต้องเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ

มีหนทางในการเติบโตอีกยาวไกลมีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน อันจะนำมาซึ่งอำนาจในการต่อรองมีอำนาจในการกำหนดราคา เพราะมีอำนาจในการต่อรองมีความเหนียวแน่นของลูกค้าสูง ลูกค้าได้ใช้แล้วติดใจ จนลูกค้าไม่อยากเปลี่ยนไปใช้บริการของคู่แข่งเจ้าอื่น

ข้อ 2 รูปแบบการเติบโต ต้องดี

บริษัทต้องสามารถสร้างกระแสเงินสดได้ดี

เพราะบริษัทที่คุณภาพดีจริง ควรจะต้องเป็นเครื่องจักรผลิตเงินสดให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล

อัตราการทำกำไร ต้องสามารถพัฒนาขึ้นได้

บริษัทแบบนี้ จะต้องมีโครงสร้างการทำธุรกิจ ที่เอื้อให้เกิด Operating Leverage ขึ้น

Operating Leverage จะเกิดกับบริษัทที่มีต้นทุนในการทำธุรกิจส่วนใหญ่ เป็นต้นทุนคงที่ หรือ Fixed Cost

กล่าวคือ เมื่อรายได้เติบโตแล้ว ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นตามน้อยมาก ทำให้เราเห็นกำไรสามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดด แม้ตัวรายได้จะเพิ่มขึ้นไม่มากเท่าไรก็ตาม

บริษัทกำลังจะสร้างการเติบโตแบบเร่งตัว ที่จะสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับนักลงทุนได้

บริษัทแบบนี้ คือบริษัทคุณภาพดี ที่ตอนนี้นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่ เลือกมองข้าม อาจจะเป็นเพราะบริษัทมีปัญหาชั่วคราว หรือนักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่น

ในช่วงเวลาที่นักลงทุนยังเลือกมองข้าม และไม่ได้คาดหวังอะไรกับบริษัทเลยแบบนี้ จะทำให้ราคาหุ้นของบริษัท ยังไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับมูลค่าที่แท้จริง

หากเรามองถูก โดยเลือกซื้อหุ้นในจังหวะนี้ อดทนถือไปจนวันที่บริษัทสร้างเซอร์ไพรส์ได้จริง เราก็จะได้กำไรมหาศาล

ข้อ 3 กระจายความเสี่ยง ด้วยการถือแต่หุ้นดี

พี่มาร์ชมองว่า ถ้าเราทำการบ้านมาอย่างดี โดยเลือกให้หุ้นทุกตัวที่จะเข้ามาอยู่ในพอร์ต มีศักยภาพที่จะเป็นหุ้น 10 เด้งได้แบบนี้

การถือหุ้น 10 ตัว โดยกระจายความเสี่ยง ให้น้ำหนักแต่ละตัวแค่ 10% ในพอร์ต ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

เพราะพี่มาร์ชเชื่อว่า การสร้างโอกาสในการลงทุนที่จะให้ผลตอบแทนสูง ผ่านการจัดให้ในพอร์ตมีแต่บริษัทคุณภาพสูงนั้น สำคัญกว่าการลงน้ำหนักในหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง มากเกินไปเสียอีก

ตลาดหุ้นที่ดี คือตลาดที่เราลงทุนแล้วมีกำไร

แม้ตลาดหุ้นแต่ละแห่ง จะมีความยากง่าย และวิธีการในการลงทุนไม่เหมือนกัน แต่พี่มาร์ชก็เลือกจะไม่ปิดโอกาสในการลงทุนของตัวเอง

เพราะมองว่า ในตลาดหุ้นทั้งโลกนี้ มีโอกาสดี ๆ ซ่อนอยู่ หน้าที่เราสำหรับการเป็นนักลงทุน ก็คือการพยายามหาโอกาสเหล่านั้นให้เจอ

เพราะไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นไหน เราก็สามารถทำกำไรได้เหมือนกัน ถ้าเราศึกษาให้เข้าใจดีพอ จนวางกลยุทธ์การลงทุนสำหรับแต่ละตลาด ได้อย่างเหมาะสม

อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราน่าจะเข้าใจถึงหลักการ และประสบการณ์การลงทุน ที่ผ่านพ้นเหตุการณ์มาตั้งมากมาย จนตกผลึกได้ ในแบบของ คุณอลงกฎ มโนรุ่งเรืองรัตน์ หรือพี่มาร์ช กันดีขึ้นแล้ว

แต่ก่อนจะจบบทความนี้ลง ทาง MONEY LAB ก็ได้มีคำถามปิดท้ายเหมือนกับทุกที ถามกับพี่ ๆ นักลงทุนทุกท่าน

คำถามนี้มีอยู่ว่า

“ถ้าวันหนึ่งในอนาคต พี่มาร์ชไม่ได้ส่งต่อความมั่งคั่งให้กับทายาท แต่ส่งต่อเป็นหลักการในการจัดการด้านการเงินและการลงทุนแทน พี่มาร์ชจะมีคำแนะนำอย่างไร ?”

พี่มาร์ชได้ตอบคำถามนี้ ผ่านคำแนะนำถึง 3 ข้อ

อย่าหยุดเรียนรู้

การเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญ ที่มนุษย์เราจะต้องทำไปตลอดชีวิต เพราะจากประสบการณ์ตรงของพี่มาร์ชเอง กว่าจะเดินมาถึงวันนี้ได้ ก็เพราะการไม่หยุดเรียนรู้ และล้มเลิกไปเสียก่อน

การจัดการเงินที่ดีที่สุด คือการทำให้เงินมีมูลค่าเพิ่มขึ้น

การใช้เงินให้น้อยกว่าที่หามาได้ และมีวินัยในการเก็บออม เป็นเรื่องที่ดี แต่ยังไม่ดีพอ เพราะถ้าเราเก็บออมไว้เฉย ๆ เราก็จะโดนผลของเงินเฟ้อกัดกินมูลค่าไปเรื่อย ๆ

วิธีการที่ดีกว่านั้น คือการพยายามทำให้เงินออมของเรา มีมูลค่าเพิ่มขึ้น มากกว่าเงินเฟ้อ

การลงทุนที่ดี คือลงทุนในสิ่งที่มีคุณภาพ

หลังจากได้ใช้เวลาศึกษาเรื่องการลงทุนอย่างเข้มข้น เป็นเวลานานหลายปี พี่มาร์ชก็สัมผัสได้ว่า คุณ Warren Buffett เป็นนักลงทุนที่เก่งมากจริง ๆ

และหลักการของเขา ก็คือสิ่งที่นักลงทุนควรนำไปใช้ ถ้าอยากจะสร้างความมั่งคั่งให้เติบโตได้อย่างมั่นคง ในระยะยาว นั่นคือ

การลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสมตระหนักไว้เสมอว่า คุณภาพสำคัญกว่าความถูกของราคาทำเหตุปัจจัยในการลงทุนของเราให้ดี มากกว่าจะไปกังวลที่ผลลัพธ์ ผ่านการลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจ ภายในขอบเขตของความเชี่ยวชาญของเราเองสุดท้ายก็คือ ลงทุนในสิ่งที่เรามี Passion และรักในสิ่งที่เราทำ

เพราะคนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ไม่มีใครประสบความสำเร็จจากงานที่ตนทำ แล้วรู้สึกทรมาน

และทั้งหมดนี้ก็คือถ้อยคำแห่งปัญญา รวมทั้งคมความคิด ที่ MONEY LAB สรุปมาให้ จากการได้สัมภาษณ์กับพี่มาร์ชในครั้งนี้

ก็หวังเป็นอย่างยิ่งเหมือนเช่นเคยว่า บทความนี้น่าจะช่วยกระตุกต่อมคิด และสนับสนุนให้ทุกคนที่อ่านกันมาจนจบ

ได้เป็นนักลงทุนที่ดีขึ้น และมีความสุขในการลงทุนทุกวันต่อจากนี้ ไม่มากก็น้อย..

สุดท้ายนี้ ทาง MONEY LAB ก็อยากขอขอบคุณพี่มาร์ช หรือคุณอลงกฎ มโนรุ่งเรืองรัตน์ ในการให้โอกาสสัมภาษณ์ ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

Reference

สัมภาษณ์พิเศษ คุณอลงกฎ มโนรุ่งเรืองรัตน์ เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2568