
สัมภาษณ์พิเศษ คุณเฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ อดีตนายก Thai VI กับยอดวิชา “ทฤษฎีขนมชั้น”
30 ก.ค. 2025
นับตั้งแต่เมื่อเกือบ 30 ปีก่อน ที่แนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า เริ่มลงหลักปักฐานในตลาดหุ้นไทย
ก็ได้มีนักลงทุนอยู่หลายคน ใช้วิธีนี้ ในการสร้างความมั่งคั่ง จนประสบความสำเร็จเป็นถึงระดับเซียนหุ้นได้
โดยมีนักลงทุนอยู่คนหนึ่ง ใช้แนวทางนี้ จนประสบความสำเร็จในการลงทุน เจอหุ้นเป็น 100 เด้ง และสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นต่อปี เอาชนะตลาดไปได้หลายเท่า..
นักลงทุนท่านนี้คือ คุณเฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ หรือพี่เชาว์ อดีตนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) หรือ Thai VI
ซึ่ง MONEY LAB ก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ขอความรู้จากพี่เชาว์ด้วย โดยสามารถสรุปออกมาเป็นประเด็นที่สำคัญได้ดังนี้
1. เลือกอาจารย์ถูกคน เส้นทางการลงทุนราบรื่น
เราคงพอจะเคยได้ยินคำกล่าวนี้มาบ้างว่า “เราคือค่าเฉลี่ยของสังคมที่เราอยู่ด้วย”
เรื่องนี้สามารถนำมาใช้ได้กับการเลือกอาจารย์ด้านการลงทุนเหมือนกัน
เพราะถ้าหากเราเลือกอาจารย์ผิดคน ที่ไม่เหมาะสมจะมาเป็นต้นแบบของเรา เราก็มักจะได้เรียนรู้ในเรื่องที่ผิด ๆ แถมยังจะนำมาซึ่งปัญหาชีวิต ให้กับเราด้วย
สำหรับอาจารย์ที่พี่เชาว์เลือก ก็ล้วนแต่เป็นสุดยอดนักลงทุนมากฝีมือ ที่ฝากผลงานการลงทุน ไว้เป็นที่ประจักษ์กันมาแล้ว ประกอบด้วย
- คุณ Jim Rogers นักลงทุนในตำนาน เจ้าของฉายาอินเดียน่า โจนส์ แห่งวอลล์สตรีต
- คุณ Peter Lynch ผู้จัดการกองทุนในตำนานที่อยู่เหนือกว่าวอลล์สตรีต
- คุณ Warren Buffett ตำนานนักลงทุนเอกอุของโลก
- คุณ Mohnish Pabrai ผู้จัดการกองทุนชื่อดัง เจ้าของแนวคิดการลงทุนแบบดันโด
- ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร บิดาการลงทุนแบบเน้นคุณค่าของประเทศไทย
2. ตำราการลงทุนทรงคุณค่า หล่อหลอมปรัชญาการลงทุน
มีคำกล่าวว่า หนังสือดี ๆ บางเล่ม สามารถช่วยมอบหนทางสู่อิสรภาพให้กับชีวิตเราได้ และคงจะเป็นโชคดีกับพวกเราไม่น้อยเลย ถ้าในช่วงชีวิตนี้ เราได้อ่านหนังสือเหล่านั้นบ้าง
สำหรับพี่เชาว์เอง ก็ได้เจอกับหนังสือเหล่านั้นอยู่บ้าง ที่ช่วยแผ้วถางเส้นทาง สู่การเป็นเซียนหุ้นในแบบที่พี่เชาว์เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้
หนังสือเหล่านี้มีอยู่ด้วยกัน 5 เล่ม
- One Up on Wall Street ของคุณ Peter Lynch
- Common Stocks and Uncommon Profits ของคุณ Philip Fisher
- The Dhandho Investor ของคุณ Mohnish Pabrai
- Sapiens ของคุณ Yuval Noah Harari
- Investment Biker ของคุณ Jim Rogers
3. ระวังในเรื่องที่คนส่วนใหญ่มักผิดพลาด
ในมุมมองของพี่เชาว์ เชื่อว่า ถ้าเราอยากจะประสบความสำเร็จในการลงทุนแบบระยะยาวได้ เราจะต้องทำสิ่งที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ ที่มักจะทำผิดไปตาม ๆ กัน เช่น
- การมองสั้นเกินไป
เราต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า เราเป็นนักลงทุนประเภทไหน
ถ้าเราบอกว่าตัวเองเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า แต่เรายังมามัวเก็งงบการเงินระยะสั้น และอยากลงทุนแล้วได้กำไรแบบเร็ว ๆ
แบบนั้นก็ถือว่า จริง ๆ แล้ว เราไม่ได้เป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าเลย
เพราะแก่นแท้ของการลงทุนสไตล์นี้ คือการอดทนถือหุ้นคุณภาพดี ที่มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน สามารถเติบโตได้ยาวนาน ในอีกหลายปีข้างหน้า
ถ้าเราถือหุ้นลงทุนได้แบบนี้ ในระยะยาว เราก็ไม่จำเป็นจะต้องมาซื้อ-ขาย เปลี่ยนหุ้นบ่อย ๆ และแถมสักวัน ถ้าเราอดทนถือหุ้นดีได้นานพอ เงินปันผลก็จะสะสมมากขึ้น จนคืนทุนเงินต้นที่เราลงทุนไปได้ ในที่สุด
- ระวังการไม่เข้าใจในธุรกิจจริง ๆ
อีกเรื่องคือ การเข้าไปลงทุนโดยที่เราไม่ได้มีความเข้าใจในเรื่องของคุณภาพธุรกิจจริง ๆ ทำให้มองไม่เห็นความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ และไม่สามารถคาดการณ์อนาคตของบริษัทได้
การลงทุนแบบนี้ ก็เหมือนกับเรากำลังปิดตาของตัวเอง แล้วเดินข้ามถนนอยู่ อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ก็ล้วนขึ้นอยู่กับดวง
ถ้าได้กำไรก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าขาดทุนขึ้นมา เราก็จะไปโทษใครไม่ได้ เพราะเราเป็นคนเลือกลงทุนในหุ้นตัวนั้นเอง
4. ยึดจับหลักการไว้ให้แน่น
นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นลงทุน พี่เชาว์ก็เลือกใช้แนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่ามาตั้งแต่แรก โดยชื่นชอบสไตล์ของคุณ Philip Fisher เป็นพิเศษ
แนวทางของคุณ Philip Fisher คือการเน้นลงทุนในหุ้นแค่ไม่กี่ตัว ที่เขามีความเข้าใจในธุรกิจเป็นอย่างดี
โดยจะต้องเป็นบริษัทคุณภาพดี ที่มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน และจะเติบโตไปได้ยาวนาน เป็นอีก 10 ปี
ซึ่งแนวทางนี้ เราจะต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในคุณภาพของบริษัท และต้องมีความเชื่อมั่น เพื่ออดทนถือหุ้น ผ่านวัฏจักรของตลาดหุ้น ที่มีขึ้นมีลง ไปให้ได้
ถ้าเราทำได้แบบนี้ ความอดทนของเรา ก็อาจจะสามารถทำให้เราได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ระดับหลายสิบเด้ง หรือถึง 100 เด้ง แบบพี่เชาว์เลยก็ได้
5. อย่าหยุดที่จะเรียนรู้
เส้นทางสู่ความสำเร็จในโลกการลงทุนนั้น ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ต้องผ่านบททดสอบมากมาย ให้นักลงทุนต้องเรียนรู้กันต่อไปเรื่อย ๆ
ซึ่งพี่เชาว์เอง ก็เป็นอีกคนหนึ่ง ที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เป็นอย่างมาก โดยมีคำแนะนำแบบนี้
- เรียนรู้ทุกสิ่งในโลกไปเรื่อย ๆ
ถ้าหากเรามีความรักในการเรียนรู้ และสนุกกับการเรียนรู้ในทุกวัน สักวันหนึ่ง เรื่องต่าง ๆ ที่เราได้เรียนรู้มา เราก็สามารถนำมาเชื่อมโยงต่อกัน เป็นองค์ความรู้ และความเข้าใจ ในแบบของเรา
ซึ่งในอนาคต เราก็อาจจะนำทักษะเหล่านี้ มาใช้ในการวิเคราะห์ธุรกิจ เพื่อหาหุ้นลงทุน ได้อย่างเฉียบคมก็ได้
- ทำความเข้าใจ พฤติกรรมมนุษย์ ให้ลึกซึ้ง
นอกจากเรื่องการหาความรู้ในแต่ละด้านไปเรื่อย ๆ แล้ว อีกเรื่องที่เราควรใส่ใจ ซึ่งมีความสำคัญต่อการลงทุน ไม่แพ้กัน ก็คือ การเข้าใจถึงพฤติกรรมของมนุษย์
ถ้าเราเข้าใจเรื่องนี้ เราก็จะสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับ การคาดการณ์อนาคตของธุรกิจ และคาดเดาพฤติกรรมของผู้บริหารได้ด้วย
เพราะเรื่องเหล่านี้ แท้จริงแล้ว ล้วนเป็นเรื่องของพฤติกรรมมนุษย์ ที่ถูกหล่อหลอมมาจากยีนทั้งนั้นเลย
6. สุดยอดวิชา “ทฤษฎีขนมชั้น”
ขึ้นชื่อว่าเป็นเซียนหุ้น ก็ย่อมหมายความว่า แต่ละคนมักจะต้องมีท่าไม้ตาย ในการลงทุนแบบของตัวเอง
พี่เชาว์เองก็มีเช่นกัน โดยได้ตั้งชื่อหลักการลงทุนในแบบของตัวเองว่า “ทฤษฎีขนมชั้น”
ทฤษฎีขนมชั้น คือหลักการในการวิเคราะห์ เพื่อมองหาบริษัทคุณภาพสูง ที่มีความสามารถในการสร้างฐานรายได้ใหม่ ให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้เรื่อย ๆ เปรียบเสมือนขนมชั้น ที่มีอยู่หลาย ๆ ชั้น ซ้อนทับกันขึ้นไป
โดยคุณสมบัติของบริษัทที่ผ่านเกณฑ์ทฤษฎีขนมชั้น จะต้องเป็นดังนี้
- มีผลิตภัณฑ์ ที่ลูกค้าชื่นชอบ ขาดไม่ได้ ต้องใช้งานอยู่เป็นประจำ
- เมื่อบริษัทออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็น สินค้าใหม่จากแบรนด์เดิม หรือสร้างแบรนด์ใหม่เลย ก็จะสามารถยกระดับฐานของผลประกอบการ ให้สูงขึ้นได้ ซึ่งจะเป็นการเติบโตที่มีคุณภาพ
- คุณภาพของผลประกอบการ จะต้องเติบโตได้แบบยาวนาน สร้างรายได้ประจำ และสามารถคาดการณ์ได้
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราน่าจะเข้าใจถึงคมความคิดในแบบของคุณเฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ เซียนหุ้นผู้มีแนวทางการลงทุนที่ชัดเจน และอดีตนายกตัวตึงแห่งสมาคม Thai VI กันดีขึ้นแล้ว
แต่ก่อนจะจบบทความนี้ ทาง MONEY LAB ก็ได้มีคำถามสำคัญข้อสุดท้าย ถามกับพี่เชาว์ เหมือนกับพี่ ๆ นักลงทุนท่านอื่นเช่นกัน
คำถามมีอยู่ว่า
“ถ้าวันหนึ่งในอนาคต พี่เชาว์ไม่ได้ส่งต่อความมั่งคั่งให้กับทายาท แต่ส่งต่อเป็นหลักการในการจัดการด้านการเงินและการลงทุนแทน พี่เชาว์จะมีคำแนะนำอย่างไร ?”
สำหรับคำตอบของพี่เชาว์ จะครอบคลุมทุกเรื่อง ที่ทำให้เรามีชีวิตที่มีความสุขได้ เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย
- ทำในสิ่งที่เรารัก มีความหลงใหลที่จะทำมัน และทำสิ่งนั้นให้ดี จนเชี่ยวชาญ
ถ้าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่มีคุณค่า และเป็นประโยชน์ต่อสังคม เราก็อาจจะสามารถสร้างรายได้จากตรงนั้นได้
- สำหรับหลักการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งนั้น ที่จริงแล้ว แก่นแท้ก็ไม่ได้ซับซ้อนเลย
คือการเก็บออมเงิน, ลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจ และปล่อยให้เงินทำงาน ด้วยการเติบโตทบต้นไปเรื่อย ๆ
- และสุดท้ายก็คือ ใช้ชีวิตทุกวันให้มีความสุข อย่าไปเครียดมาก เพราะชีวิตนั้น จริง ๆ แล้วมันสั้นนัก และเวลาก็จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว
และทั้งหมดนี้ก็คือ เนื้อหาสำคัญที่ทาง MONEY LAB ได้สรุปมาให้จากการสัมภาษณ์กับพี่เชาว์ในครั้งนี้
ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งบทความ ที่จะช่วยเราสร้างแรงบันดาลใจ และพัฒนาทักษะความคิดในการลงทุนให้กับเรา ได้ไม่มากก็น้อยเลย
สุดท้ายนี้ ทาง MONEY LAB ก็อยากขอขอบคุณ คุณเฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ ในการให้โอกาสสัมภาษณ์ ไว้ ณ ที่นี้ด้วย..
Reference
- สัมภาษณ์พิเศษ คุณเฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2568