
สัมภาษณ์พิเศษ คุณสุธน สิงหสิทธางกูร เซียนหุ้น 1,000 ล้าน กับยอดวิชา “ตกปลาก้นบ่อ”
25 มิ.ย. 2025
ในช่วงเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา มีนักลงทุนชาวไทยอยู่หลายคน ที่สามารถสร้างความมั่งคั่ง ให้เติบโตขึ้นได้แบบก้าวกระโดด
จนผู้คนรุ่นหลัง ต่างพากันยกย่องให้เป็น “เซียนหุ้น..”
ซึ่งในบรรดาเซียนเหล่านี้ แต่ละคนก็จะไม่ได้มีสไตล์การลงทุนที่เหมือนกันแบบเป๊ะ ๆ
อย่างเช่น เซียนหุ้นชาวไทยคนหนึ่ง ที่มีวิธีคิด และแนวทางการลงทุนอันโดดเด่น ไม่เหมือนใคร เพราะเขาสามารถผสมผสานรูปแบบการลงทุนแบบเน้นปัจจัยพื้นฐาน และหลักคิดทางคณิตศาสตร์ ได้อย่างลงตัว
เรากำลังพูดกันถึง คุณสุธน สิงหสิทธางกูร หรือพี่เจ๊กกี้ เซียนหุ้น 1,000 ล้าน เจ้าของกลยุทธ์ “Bottom Fishing”
หรือ “กลยุทธ์การลงทุนแบบตกปลาก้นบ่อ” ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่กำลังเจอกับวิกฤติ
ซึ่ง MONEY LAB ก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์กับพี่เจ๊กกี้ ที่มาบอกเล่าเรื่องหลักคิดทางการเงินและแนวทางการลงทุนดี ๆ เพื่อแบ่งปันให้กับเพื่อน ๆ ทุกคน
โดยสามารถสรุปออกมาเป็นประเด็นที่สำคัญได้ดังนี้
1. มองหาต้นแบบการลงทุนที่เหมาะกับเรา
อาจารย์ด้านการลงทุน ที่เราเลือกจะเป็นดั่งแสงนำทาง ที่ช่วยพาเราให้ไปถึงจุดหมายปลายทาง ได้เร็วขึ้น
โดยอาจารย์ที่มีอิทธิพลต่อพี่เจ๊กกี้เป็นอย่างมาก จะมีทั้งอาจารย์ที่เด่นในด้านการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และด้านการวิเคราะห์ด้วยหลักคิดทางคณิตศาสตร์
อาจารย์เหล่านี้ประกอบด้วย
- ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร บิดาการลงทุนแบบเน้นคุณค่าชาวไทย
- คุณทิวา ชินธาดาพงศ์ หรือพี่มี่ นายกสมาคมนักลงทุนประเทศไทย
- คุณ Jim Simons ตำนานนักลงทุนสายควอนต์ของโลก
- คุณ Masayoshi Son ผู้ก่อตั้งบริษัท SoftBank ผู้ได้รับผลตอบแทนจากหุ้นบริษัท Alibaba ถึง 5,000 เด้ง
- คุณ Edward O. Thorp ผู้ประสบความสำเร็จทั้งในด้านการเป็น นักคณิตศาสตร์, ผู้จัดการกองทุน และนักพนัน
2. หนังสือการลงทุนแนะนำ ที่หล่อหลอมวิธีคิดของพี่เจ๊กกี้
หนังสือการลงทุนดี ๆ ในโลกนี้ มีอยู่มากมาย แต่เล่มที่จะช่วยหล่อหลอมความคิดของเรา ให้เป็นเราได้ในปัจจุบัน คงจะมีอยู่เพียงไม่กี่เล่ม
ซึ่งหนังสือที่หล่อหลอมวิธีคิดด้านการเงิน และแนวทางการลงทุนแบบพี่เจ๊กกี้ในปัจจุบัน ก็มีอยู่ 5 เล่มดังนี้
- พ่อรวยสอนลูก ของคุณ Robert Kiyosaki
- Bringing Down the House ของคุณ Ben Mezrich
- ตีแตก ของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- หลักการพนัน : มองการพนันผ่านหลักของความน่าจะเป็น ของคุณนรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
- The Changing World Order ของคุณ Ray Dalio
3. หาแนวทางที่เหมาะกับเราให้เจอ
ในตอนที่เพิ่งเข้ามาตลาดหุ้นช่วงแรก พี่เจ๊กกี้ก็ยังใช้กลยุทธ์แบบที่คนส่วนใหญ่มักจะใช้กัน นั่นคือ เน้นลงทุนในหุ้นที่ P/E และ P/BV ต่ำ
แต่พอได้รับผลตอบแทนจากหุ้น 10 เด้งตัวแรกในชีวิต ก็มีความหลงใหลอยากจะได้หุ้น 10 เด้งแบบนี้ ไปเรื่อย ๆ
นั่นจึงทำให้พี่เจ๊กกี้เปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุน มาเน้นหาหุ้นของบริษัทที่กำลังเจอกับปัญหาระยะสั้น ซึ่งทำให้ราคาหุ้นตกลงมาเยอะ แต่บริษัทมีโอกาสที่จะผ่านเหตุการณ์นั้นไปได้สูง
เพราะถ้าสุดท้ายแล้ว บริษัทผ่านพ้นเหตุการณ์ไปได้ และผลประกอบการฟื้นตัวกลับมา เราก็จะได้ผลตอบแทนสูงมาก จนถึงหลาย 10 เด้งเลย
ซึ่งหลักการในการเลือกหุ้นประเภทนี้มาลงทุน พี่เจ๊กกี้จะใช้การวิเคราะห์ผ่านการดู Risk-Reward Ratio เป็นหลัก ผสมผสานกับการกระจายความเสี่ยง อย่างเหมาะสม
โดยการวิเคราะห์ด้วย Risk-Reward Ratio จะเป็นการมองทั้ง 2 ด้านไปพร้อม ๆ กัน คือ
โอกาสที่ราคาหุ้นจะร่วงลง (Downside) และโอกาสที่เราจะได้รับผลตอบแทน (Upside) มีมากขนาดไหน
ถ้าประเมินแล้วพบว่า Risk-Reward Ratio ของหุ้นตัวนั้น คุ้มค่า คือต่อให้คิดผิด ก็จะเสียเงินแค่นิดเดียว แต่ถ้าคิดถูก ก็จะได้เงินเยอะมาก แบบนี้ก็ถือว่าลงทุนได้
นอกจากนี้ พี่เจ๊กกี้ยังมีการมองหาหุ้นเติบโตขนาดเล็ก ที่มีโอกาสจะกลายเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในอนาคตด้วย
พี่เจ๊กกี้บอกว่า หากเราเจอหุ้นแบบนี้ในช่วงที่บริษัทยังมีขนาดเล็กมากอยู่ โดยที่คนส่วนใหญ่ยังไม่มีความเชื่อมั่นกับบริษัทนี้มากนัก แล้วอดทนถือหุ้นได้นานพอ เราก็จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงมาก คุ้มค่ากับความอดทน
4. สิ่งที่เราต้องระวัง
การลงทุนในชีวิตจริง ก็ไม่ได้มีแค่ด้านที่สวยหรู จากการทำผลตอบแทนได้เยอะ จนเปลี่ยนชีวิตเพียงเท่านั้น แต่ยังมีด้านมืดที่น่ากลัวอยู่ด้วย
เพราะถ้าเราไม่ระมัดระวังให้ดี ก็มีโอกาสที่จะสูญเสียเงินทองที่หามาได้อย่างยากลำบาก ไปได้เลย
สำหรับพี่เจ๊กกี้ มีคำแนะนำถึงสิ่งที่นักลงทุนต้องระวังดังนี้
- ระวังการออกนอก Circle of Competence ของตัวเอง ด้วยการแห่ไปตามกระแสของคนส่วนใหญ่
การลงทุนในสิ่งที่เราไม่มีความเข้าใจ ก็เหมือนเรากำลังออกห่างไปจากเกมที่เรามีความเชี่ยวชาญ นั่นจะทำให้โอกาสที่เราจะผิดพลาด มีสูงขึ้น
แถมหุ้นที่คนส่วนใหญ่ชอบกัน หากเราสังเกตดูให้ดี ก็จะพบว่า ราคาหุ้นมักจะแพงอยู่ตลอด
ถ้าเราเข้าไปลงทุนในหุ้นประเภทนี้ โอกาสที่เราจะทำกำไรได้เยอะ ๆ ก็น่าจะมีเหลือไม่มากนัก
- ระวังผู้บริหารขี้โกง ที่ตั้งใจมาหลอกเอาเงินจากนักลงทุน
- ระวังการใช้เงินกู้มาร์จิน เพราะถ้าเรารับมือได้ไม่ดี ก็มีโอกาสที่เราจะไปถึงขั้นหมดเนื้อหมดตัวได้เลย
- ระวังเรื่องการ All-in ในหุ้นตัวเดียว โดยเราควรจะมีการกระจายความเสี่ยงเอาไว้เสมอ
- ระวังการไม่อดทนถือหุ้นดี ที่มี Risk-Reward Ratio คุ้มค่า ได้นานพอ
บางครั้งเราอาจจะได้ลงทุนในหุ้นที่เราคิดว่าน่าสนใจมาก แต่พอถือหุ้นไปแล้ว ราคาไม่ไปไหนเลย จนเราหมดความอดทน และขายหุ้นตัวนั้นทิ้งไป
แต่พอหลังจากขายหุ้นไปแล้ว อีกไม่นาน ราคาของหุ้นตัวนั้น กลับเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่า ทำให้เราปล่อยโอกาสดี ๆ แบบนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
- ระวังการโดนราคาชี้นำอารมณ์
เราจะต้องคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ราคาหุ้น และมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นนั้น ไม่ใช่สิ่งเดียวกันเลย
ในช่วงที่ราคาหุ้นตกลงมามาก ก็มักจะมีนักลงทุนหลายคนพากันคิดว่า บริษัทนี้คงจะไม่ดีอีกต่อไปแล้ว ไม่งั้นราคาก็คงจะไม่ร่วงมาขนาดนี้
ซึ่งพี่เจ๊กกี้ เรียกนักลงทุนประเภทนี้ว่า “Price Investor” คือนักลงทุนที่ปล่อยให้ราคาหุ้น มาชี้นำคุณภาพกิจการ
ถ้าเราเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือ Value Investor ที่แท้จริง สิ่งที่เราจะต้องโฟกัสในการมองหุ้นตัวหนึ่ง ไม่ใช่ราคาหุ้นในปัจจุบัน แต่คือมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทนั้น
ซึ่งตัวชี้วัดของมูลค่า ก็คือผลประกอบการที่บริษัท สามารถทำได้นั่นเอง
เมื่อราคาหุ้นตกลงมาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ถ้าเราเป็นนักลงทุนที่มีเหตุผล เราก็ควรจะต้องซื้อหุ้นเพิ่ม ไม่ใช่ขายหนี ตอนที่ผู้คนส่วนใหญ่ พากันทิ้งหุ้น
โดยพี่เจ๊กกี้ ก็มีคำแนะนำที่เราควรจดจำไว้เสมอ นั่นคือ
“ความสวยงามของตลาดหุ้นคือ ราคาหุ้นจะสามารถลงไปได้เกินกว่าที่เราจะคาดคิดเสมอ”
5. ขยายกรอบความรู้ของตัวเอง ให้เพิ่มขึ้นในทุกวัน
กว่าจะมีพอร์ตการลงทุนขนาดใหญ่ และประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ในแบบทุกวันนี้ พี่เจ๊กกี้เองก็ต้องผ่านพ้นการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน เหมือนกับคนอื่น
ซึ่งวิธีการเรียนรู้ ที่พี่เจ๊กกี้อยากแบ่งปัน ก็คือ เราต้องติดตามหุ้นที่เราลงทุนอยู่อย่างใกล้ชิด และค่อย ๆ ขยายกรอบความรู้ในเรื่องการเงิน การลงทุน ธุรกิจ และเศรษฐกิจ ให้มากขึ้นในทุกวัน
เรื่องนี้สามารถนำไปใช้หาหุ้นต่างประเทศได้เหมือนกัน เพราะอย่างตอนที่พี่เจ๊กกี้เริ่มลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม ก็ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจมากนัก
สิ่งที่พี่เจ๊กกี้ทำ ก็คือ การเลือกอุตสาหกรรมที่สนใจ แล้วเข้าไปอ่านดูว่า มีบริษัทอะไรบ้าง โดยอ่านทุกตัว ไปทีละตัวเรื่อย ๆ สะสมไปทุกวัน
วันหนึ่งก็จะมีความรู้มากพอ จนเชื่อมโยงข้อมูล และเห็นภาพใหญ่ของตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่กำลังลงทุนอยู่ ได้ชัดเจนมากขึ้น
6. สุดยอดวิชาการสวนกระแส
สไตล์การลงทุนแบบพี่เจ๊กกี้ เป็นการลงทุนที่ถือว่าสวนกระแสกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะทำ เพราะเป็นการเข้าซื้อหุ้น ในตอนที่คนส่วนใหญ่กำลังขาย หรือเป็นการซื้อหุ้น ที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่สนใจ
แม้ว่าจะเป็นวิธีการที่ดูทำตามได้ยาก แต่จริง ๆ แล้ว กลยุทธ์การสวนกระแสแบบนี้ ก็มีหลักการอยู่เหมือนกัน โดยพี่เจ๊กกี้แนะนำดังนี้
- ยึดมั่นในมูลค่าที่แท้จริงของกิจการเป็นหลัก ด้วยการโฟกัสที่ตัวเลขการเงินที่สำคัญของธุรกิจ แม้ราคาหุ้นจะเปลี่ยนแปลงรุนแรง แต่มูลค่าจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมาก
- มองว่าในวิกฤติ มีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ เราจะรวยจากการลงทุน เราต้องซื้อหุ้นตอนที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมาก ๆ แล้วขายตอนที่ราคาแพงเกินมูลค่าไปมาก
- นักลงทุนที่เหนือชั้น จะให้ความสำคัญกับ Risk-Reward Ratio
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราน่าจะเข้าใจถึงวิธีคิดการลงทุนในแบบของ คุณสุธน สิงหสิทธางกูร เซียนหุ้น 1,000 ล้าน กันดีขึ้นแล้ว
แต่ก่อนจะจบบทความนี้ ทาง MONEY LAB ก็ได้มีคำถามสุดท้าย ซึ่งมักจะถามกับพี่ ๆ นักลงทุนเก่ง ๆ อยู่เสมอ
คำถามมีอยู่ว่า
“ถ้าวันหนึ่งในอนาคต พี่เจ๊กกี้ไม่ได้ส่งต่อความมั่งคั่งให้กับทายาท แต่ส่งต่อเป็นหลักการในการจัดการด้านการเงินและการลงทุนแทน พี่เจ็กกี้จะมีคำแนะนำอย่างไร ?”
คำตอบของพี่เจ๊กกี้ สามารถสรุปออกมาได้ดังนี้
- ให้ซื้อของที่จำเป็น เมื่อจะซื้อของชิ้นใหญ่ ให้เราลองคิดดูว่า ถ้าเราจะต้องขายมันในอีก 5-20 ปีข้างหน้า มูลค่าของสิ่งนั้น จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง
แล้วถ้ามูลค่าลดลง เรายินดีจะเสียเงินก้อนนั้นไปไหม ? ถ้าคำตอบคือใช่ ก็สามารถซื้อได้
- ถ้าความรู้เรื่องการลงทุนยังมีไม่มาก ก็เน้นซื้อหุ้นปันผลและกองทุนอิงดัชนีไปก่อน พอมีความรู้มากขึ้นแล้ว ก็ค่อยเปลี่ยนไปลงทุนพวกหุ้นเติบโตแทนก็ได้
- ชะลอการซื้อของที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน โดยพยายามเก็บออมเงินที่ได้ ไปซื้อหุ้น แล้วสักวันหนึ่ง เมื่อเงินปันผลมากพอ ก็ค่อยนำเอาเงินปันผลไปซื้อของที่ไม่จำเป็น
และทั้งหมดนี้ คือประเด็นสำคัญที่ทาง MONEY LAB ได้สรุปมาให้ จากการสัมภาษณ์กับคุณสุธน สิงหสิทธางกูร
ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้ น่าจะมอบแนวคิดการลงทุนที่เป็นประโยชน์ ให้เรานำมาประยุกต์ใช้กับการลงทุนของเราเองได้ไปตลอดชีวิตเลย
สุดท้ายนี้ ทาง MONEY LAB ก็อยากขอขอบคุณพี่เจ๊กกี้ หรือคุณสุธน สิงหสิทธางกูร ในการให้โอกาสสัมภาษณ์ ไว้ ณ ที่นี้ด้วย..
Reference
- สัมภาษณ์พิเศษ คุณสุธน สิงหสิทธางกูร เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2568