S&P Global Inc. ตำนานหุ้น 226 เด้ง เสือนอนกิน ที่ทำดัชนีหุ้น ให้กองทุนเอาไปใช้

S&P Global Inc. ตำนานหุ้น 226 เด้ง เสือนอนกิน ที่ทำดัชนีหุ้น ให้กองทุนเอาไปใช้

3 ก.ค. 2025
ตลอดประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นบนโลกใบนี้ มีตำนานของหุ้น 100 เด้ง หรือก็คือบริษัทที่ราคาหุ้นขึ้นไปได้ถึง 100 เท่า อยู่มากมาย
บริษัทเหล่านี้ แม้จะมีโมเดลธุรกิจที่ไม่เหมือนกัน แต่ก็ล้วนมีความสามารถในการแข่งขันที่สูง ยืนหยัด และเติบโตมาได้ยาวนาน
จนถึงวันหนึ่ง ราคาหุ้นก็เพิ่มขึ้นมาได้ มากกว่า 100 เท่า เมื่อเทียบกับราคาตอนที่หุ้นตัวนั้นเข้าตลาดมาในวันแรก..
ซึ่งก็มีหุ้นของบริษัทหนึ่ง ที่หากเราถือหุ้นไว้เฉย ๆ ประมาณ 40 ปี เราจะมีผลตอบแทนถึง 226 เด้ง
คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นที่ 14.51% ต่อปี
บริษัทที่ว่านี้ก็คือ S&P Global Inc. ซึ่งมีหนึ่งในธุรกิจที่น่าสนใจ อย่างการจัดทำดัชนีหุ้นชื่อดังหลายตัว 
เช่น ดัชนีที่นักลงทุนระดับโลกเล่าลือกันว่า เอาชนะยากที่สุดในโลกอย่าง “S&P 500” รวมถึงดัชนี Dow Jones Industrial Average ในปัจจุบันด้วย 
หากสงสัยว่า ธุรกิจนี้ของ S&P Global Inc. เป็นเสือนอนกิน ที่สร้างกำไรได้มหาศาล สมกับชื่อบทความจริงไหม ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ธุรกิจจัดทำดัชนีหุ้น เป็นเพียงหนึ่งในธุรกิจของบริษัท S&P Global Inc. ทำให้ธุรกิจจัดทำดัชนีหุ้น อยู่ภายใต้บริษัทลูกอย่าง S&P Dow Jones Indices 
แต่ก่อนจะไปเจาะลึกที่ธุรกิจจัดทำดัชนีหุ้นที่เป็นตัวชูโรงของบทความ เรามาทำความรู้จักกับ S&P Global Inc. กันคร่าว ๆ ก่อน โดยจะขอเรียกบริษัทนี้แบบย่อ ๆ ว่า SPGI
หากจะให้เรียงไทม์ไลน์การเติบโตของบริษัท จะเป็นดังนี้
- ปี 1860 คุณ Henry Varnum Poor ได้จัดพิมพ์หนังสือชื่อ “History of the Railroads and Canals of the United States of America” เพื่อรวบรวมข้อมูลด้านการเงินของบริษัททางรถไฟต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา
ซึ่งต่อมาเขาและลูกชาย ก็ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัท H.V. and H.W. Poor Co. เพื่อพัฒนางานนี้ให้กลายเป็น การบริการข้อมูลทางการเงิน สำหรับนักลงทุนโดยตรง
- ปี 1906 ก็ได้มีอีกบริษัทหนึ่ง ที่ให้บริการด้านข้อมูลของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ยกเว้นอุตสาหกรรมทางรถไฟ ก่อตั้งขึ้นมา ชื่อว่า Standard Statistics Bureau
- ปี 1941 ทั้ง 2 บริษัทนี้ได้ควบรวมกัน เกิดเป็นบริษัท Standard & Poor’s หรือ S&P
- ปี 1966 McGraw Hill บริษัทสำนักพิมพ์หนังสือเรียนชื่อดัง อยากจะเข้าสู่ธุรกิจบริการข้อมูลทางการเงิน จึงได้ซื้อ S&P
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ธุรกิจดั้งเดิมคือทำหนังสือเรียน ผลประกอบการเริ่มตกต่ำลง ทำให้ในปี 2012 บริษัทจึงได้ขายธุรกิจในส่วนนี้ออกไป และมุ่งเน้นแค่ด้านให้บริการข้อมูลเท่านั้น
และในปี 2016 บริษัทก็ได้เปลี่ยนชื่อกลายเป็น “S&P Global Inc.” และก็ยังใช้ชื่อนี้ มาจนถึงปัจจุบัน
โดย SPGI จะมีธุรกิจหลัก ๆ อยู่ 5 หมวดด้วยกัน ประกอบด้วย
1. S&P Global Market Intelligence ให้บริการข้อมูล และเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์การลงทุน แบบครบวงจร
2. S&P Global Ratings ให้บริการจัดทำ Credit Rating หุ้นกู้และพันธบัตร แก่ลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลก
ซึ่งคู่แข่งที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกเช่นเดียวกัน มีเพียงแค่ไม่กี่เจ้า อย่าง Moody’s และ Fitch เท่านั้น
3. S&P Global Commodity Insights ให้บริการข้อมูลสินค้าโภคภัณฑ์ของทั้งโลกแบบครบวงจร เพื่อช่วยให้ทั้งนักลงทุนและผู้ประกอบการ สามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. S&P Global Mobility ให้บริการข้อมูลอุตสาหกรรมยานยนต์แบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ข้อมูลการขึ้นทะเบียนรถ, การคาดการณ์ยอดขาย และการเปลี่ยนแปลง
โดยในส่วนนี้ จะมีลูกค้าเป็นผู้ผลิตรถยนต์, ตัวแทนจำหน่าย, บริษัทประกัน, ธนาคาร จนถึงหน่วยงานรัฐ
5. ธุรกิจที่เราเรียกว่า เป็นเสือนอนกินที่แท้จริง โดยหมวดนี้ชื่อว่า S&P Dow Jones Indices
เป็นการจัดทำดัชนีหุ้น เพื่อให้บรรดากองทุนต่าง ๆ ทั่วโลก เอาไปใช้งานได้ โดยมีดัชนีชื่อดังอย่าง S&P 500 และ Dow Jones Industrial Average หรือ DJIA
ซึ่งลูกค้าของบริษัท คือบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลก ที่ให้บริการกองทุนรวมแก่นักลงทุน เช่น
- Vanguard Group เจ้าของกองทุน Vanguard S&P 500 ETF
- BlackRock เจ้าของกองทุน iShares Core S&P 500 ETF
- State Street Global Advisors เจ้าของกองทุน SPDR S&P 500 ETF Trust
แล้วทำไมธุรกิจนี้ ถึงถูกมองว่า เป็นเสือนอนกิน ?
นั่นก็เพราะว่า รายได้ของบริษัท คือรายได้ลิขสิทธิ์ ที่จะได้รับเป็นประจำทุกปี
โดยคิดเป็นส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์ จากมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การจัดการ หรือ AUM ของแต่ละกองทุน ที่ใช้ดัชนีของบริษัท
เช่น ทาง Vanguard Group เจ้าของกองทุน Vanguard S&P 500 ETF มี AUM รวม 22,000,000 ล้านบาท และทาง SPGI จะคิดค่าธรรมเนียมการนำดัชนี S&P 500 ไปใช้งาน เฉลี่ยอยู่ที่ 0.03% ของ AUM
เท่ากับว่า ในแต่ละปี ทาง Vanguard Group จะต้องจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ดัชนี S&P 500 ให้กับ SPGI ปีละ 6,600 ล้านบาท..
แต่บริษัทที่ทำกองทุนอิงดัชนี S&P 500 ไม่ได้มีแค่ Vanguard Group แค่เจ้าเดียว แต่ยังมีผู้ให้บริการอีกหลายเจ้า แถม SPGI ก็ยังมีดัชนีหุ้นอีกหลายตัว ให้บรรดากองทุนเลือกเอาไปใช้งานด้วย
การทำดัชนีหุ้นออกมาแบบนี้ ต้นทุนในการจัดทำส่วนใหญ่ก็คือต้นทุนคงที่ ซึ่งหลัก ๆ แล้วก็คือเงินเดือนของพนักงาน
ทำให้ถ้ามีลูกค้ามาใช้งานดัชนีของ SPGI เป็นจำนวนมาก ต้นทุนในการทำธุรกิจส่วนดัชนีต่อหน่วยก็จะลดลง 
สวนทางกับรายได้ที่เติบโตขึ้นไปได้เรื่อย ๆ ทั้งจากการที่กองทุนเดิมมี AUM มากขึ้น และมีกองทุนใหม่ นำลิขสิทธิ์ดัชนีที่ SPGI จัดทำไปใช้ 
ซึ่งนั่นจะยิ่งทำให้บริษัท มีความสามารถในการทำกำไร ได้ดีขึ้นอีกด้วย..
ทีนี้เรามาดู ผลประกอบการ และ AUM เฉลี่ยในส่วนของหมวด S&P Dow Jones Indices กันโดยเฉพาะ บ้างดีกว่า
ในปี 2024 บริษัทมี
- AUM เฉลี่ยอยู่ที่ 124,000,000 ล้านบาท
- รายได้ค่าธรรมเนียมที่เชื่อมโยงกับ AUM อยู่ที่ 34,000 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 0.027% ของ AUM
- รายได้รวมส่วนธุรกิจ S&P Dow Jones Indices อยู่ที่ 53,000 ล้านบาท
โดยรายได้ส่วนนี้ จะเป็นการรวมรายได้จาก ค่าธรรมเนียมซึ่งเป็นส่วนแบ่งจาก AUM, ค่าสมาชิก และค่าลิขสิทธิ์ตามจำนวนสัญญา นั่นเอง
- กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้ว อยู่ที่ 37,200 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ 70%
ซึ่งอัตรากำไรจากการดำเนินงานระดับนี้ ถือว่าสูงกว่าบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจ แบบเสือนอนกินเหมือนกันอย่าง Visa, Mastercard และคู่แข่งธุรกิจจัดทำดัชนีหุ้นอย่าง MSCI เสียอีก
อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็น่าจะเข้าใจกันดีขึ้นแล้วว่า ธุรกิจทำดัชนีหุ้นของบริษัท S&P Global Inc. มีโมเดลในการสร้างรายได้ และความสามารถในการทำกำไร ดีขนาดไหน
เพราะด้วยโมเดลการทำธุรกิจแบบนี้ ที่เน้นการสร้างทรัพย์สินทางปัญญา ให้กับลูกค้าเอาไปใช้งาน ประกอบกับความน่าเชื่อถือของตัวบริษัท S&P ที่อยู่คู่กับโลกการเงินมาเกือบจะ 100 ปี
นอกจากจะเป็นการเสริมสร้างเกราะป้องกัน ไม่ให้มีคู่แข่งมาทำธุรกิจลอกเลียนแบบบริษัทได้แล้ว ก็ยังสามารถสร้างกำไรอันมหาศาล ให้กับบริษัทได้ทุกปีอีกด้วย
ซึ่งด้วยแนวโน้มการเติบโตของ AUM กองทุนอิงดัชนีที่แซงหน้ากองทุนที่บริหารแบบเชิงรุกไปแล้ว และยังมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อไปได้อีกในอนาคต
ก็น่าสนใจว่าธุรกิจจัดทำดัชนีนี้ จะยังส่งผลให้บริษัทเติบโตต่อไปแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน หรือจะมีระบบระเบียบ รวมถึงคู่แข่งใหม่ ๆ ที่จะขึ้นมาท้าทาย SPGI ในอนาคต..
#ลงทุน
#หุ้นนอก
#หุ้น100เด้ง
References
-รายงานประจำปี 2024 บริษัท S&P Global Inc.
-10-K ปี 2024 บริษัท S&P Global Inc.
-ประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 4 ปี 2024 บริษัท S&P Global Inc.
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.