ถ้าใครได้ติดตามข่าวสารในวงการอสังหาริมทรัพย์ของไทย น่าจะคุ้นเคยกับความร่วมมือทางธุรกิจ ระหว่าง เอพี ไทยแลนด์ กับมิตซูบิชิ เอสเตท ซึ่งเป็นสองบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย และญี่ปุ่น

โดยในปีนี้ เป็นปีที่ความร่วมมือของทั้งสองบริษัท ครบรอบ 10 ปี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว..

เรื่องที่น่าสนใจก็คือ อะไรคือ “เบื้องหลัง” ที่ทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ของทั้งสองประเทศ ต้องจับมือในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ

และอะไร ที่ทำให้ความร่วมมือระหว่าง เอพี ไทยแลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท

กลายเป็นความร่วมมือในประวัติศาสตร์รายแรก และรายเดียว ที่จับมือกันมาอย่างยาวนานร่วม 10 ปี

ในโพสต์นี้ MONEY LAB จะพาไปหาคำตอบกัน..

ก่อนอื่น ต้องอธิบายกันก่อนว่า เอพี ไทยแลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท เป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายแรก และรายเดียว ที่มีโมเดลร่วมทุน จัดตั้งบริษัทร่วมทุนในไทย โดยใช้ชื่อว่า บริษัท พรีเมี่ยม เรสซิเดนซ์ จำกัด

โดย เอพี ไทยแลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท ถือหุ้นในสัดส่วน 51:49 และปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนมากกว่า 12,000 ล้านบาท

ด้วยทุนจดทะเบียนที่มากขนาดนี้ ทำให้เกิดเป็น “ศักยภาพ” ในการขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทย ผ่านโรดแม็ป ที่ชื่อว่า “FROM STRENGTH TO STRENGTH”

ที่ เอพี ไทยแลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท เตรียมขยายการลงทุน พัฒนาคอนโดมิเนียมในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการฟื้นตัวของตลาดคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง ตามแนวรถไฟฟ้า ที่กำลังเติบโตอีกครั้ง

คุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอพี ไทยแลนด์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือของทั้งสองบริษัท ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง ความสามารถในการแข่งขัน และศักยภาพการเติบโต ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยของประเทศไทย ที่เทียบเคียงนานาประเทศ

นอกจากนี้ เม็ดเงินการลงทุน ที่เกิดจากความร่วมมือของทั้งสองบริษัท ยังทำให้เกิดการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวม และนำไปสู่การจ้างงานกับบริษัทคู่ค้า มากกว่า 100 แห่ง

และที่สำคัญก็คือ มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ ระหว่างกัน

โดยที่เอพี ไทยแลนด์ มีความเชี่ยวชาญ และแข็งแกร่ง ในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ในประเทศไทย

ในขณะที่ มิตซูบิชิ เอสเตท มีความเชี่ยวชาญในด้าน System Process และเทคโนโลยีนวัตกรรมระดับโลก

เกิดเป็นการแบ่งปันทรัพยากรที่แข็งแกร่ง ยกระดับการพัฒนาศักยภาพ และนวัตกรรมการออกแบบใหม่ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าผู้บริโภค และอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของไทย ก็จะได้รับประโยชน์ตามไปด้วย

และสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากความร่วมมือของทั้งสองบริษัท เกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ หรือการทำงานร่วมกันเพียงรายโครงการ

เมื่ออ่านมาจนถึงจุดนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า อะไรคือ “เบื้องหลัง” ที่ทำให้ความร่วมมือของทั้งสองบริษัท ดำเนินต่อเนื่องมานานถึง 10 ปี..

เรื่องนี้ คุณอะซึชิ นากาจิมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ระบุว่า สิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ก็คือ “ความเข้าใจ” และ “ความเชื่อมั่น” ที่ทั้งสองบริษัทมีให้กัน

ในการทำงานร่วมกันอย่างลึกซึ้ง ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และแนวทางในการบริหารจัดการธุรกิจ ผ่านมุมมองระยะยาว

โดยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ความร่วมมือระหว่าง เอพี ไทยแลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท มีการพัฒนาคอนโดมิเนียม มาแล้วมากถึง 24 โครงการ

คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 116,300 ล้านบาท เจาะตลาดคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง ติดรถไฟฟ้า โดยเฉพาะ

ส่วนในอนาคต เราจะได้เห็น ความร่วมมือของทั้งสองบริษัท ที่จะขยายการลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมเพิ่มเติมอีกมาก

ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ ผลงานที่เกิดจากความร่วมมือของทั้งสองบริษัท ที่เราจะได้เห็นกัน คือ โครงการคอนโดมิเนียม THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี โครงการคอนโดมิเนียมระดับ Masterpiece มูลค่าโครงการกว่า 8,600 ล้านบาท บนทำเล 150 เมตร จาก BTS ราชเทวี ที่เตรียมเปิดให้โอนกรรมสิทธิ์ และเข้าอยู่ ได้ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้

และอีกโครงการ คือ RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค บนที่ดินขนาด 4 ไร่ ริมถนนเจริญนคร ตรงข้ามไอคอนสยาม มูลค่าโครงการกว่า 4,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมที่ออกแบบภายใต้แนวคิด Super Condominium ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในระดับไฮเอนด์โดยเฉพาะ

เมื่ออ่านมาจนถึงจุดนี้ จะเห็นได้ว่า ความร่วมมือระหว่าง เอพี ไทยแลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท ไม่ใช่เป็นเพียงความร่วมมือ เพื่อผลตอบแทนทางธุรกิจ แต่เป็นความร่วมมือ ที่ให้ความสำคัญกับความเชื่อใจซึ่งกันและกัน

นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมที่อยู่อาศัย เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของไทย ในภาพรวม