ปีใหม่นี้ ใช้ AI ช่วยตั้งเป้าอย่างไร ให้ชีวิตดีตลอดปี 2026 โดย อ.นภดล ร่มโพธิ์ Nopadol’s Story

ปีใหม่นี้ ใช้ AI ช่วยตั้งเป้าอย่างไร ให้ชีวิตดีตลอดปี 2026 โดย อ.นภดล ร่มโพธิ์ Nopadol’s Story

26 ธ.ค. 2025
ในช่วงระหว่างสิ้นปีจนถึงต้นปี ของทุกปี 
หลาย ๆ คน น่าจะตั้งเป้าหมายชีวิตในปีใหม่กัน
เช่น บางคนอยากจะมีเงินเก็บเยอะ ๆ บางคนอยากลดน้ำหนักให้ได้ หรือบางคนก็อยากจะมีความก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน
ที่ผ่านมา บางคนอาจจะสามารถทำเป้าหมายได้สำเร็จ และคงมีอีกหลายคนที่ทำไม่ได้
โดยเหตุผลหลักที่ทำให้คนหลายคน ทำเป้าหมายได้ไม่สำเร็จ ก็มักจะมาจากการถอดใจ และล้มเลิกไปกลางคัน
ซึ่งปัญหาการถอดใจกลางคันนี้ ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการมีเกณฑ์การวัด ที่ชี้ให้เราเห็นถึงความก้าวหน้าของเราในแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยผลักดัน ให้เราสามารถอดทน จนบรรลุเป้าหมายต่อไปได้ 
ในบทความนี้จะพูดถึงเกณฑ์การวัดที่น่าสนใจวิธีหนึ่ง
นั่นคือ หลักการใช้ OKRs กับชีวิตส่วนตัว
รู้หรือไม่ว่า ในประเทศไทย มีผู้เชี่ยวชาญด้าน OKRs ที่คอยแนะนำวิธีการดี ๆ นี้มาตลอด อยู่เหมือนกัน
เรากำลังพูดถึง ศ.ดร.นภดล ร่มโพธิ์
อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
และยังเป็นเจ้าของเพจดังอย่าง Nopadol’s Story ด้วย
แล้วอาจารย์นภดล มีคำแนะนำในการประยุกต์ใช้ OKRs อย่างไร เพื่อให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ตลอดปี ?
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการวางแผนชีวิตที่ดี ให้เข้าใจ
OKRs ย่อมาจาก Objectives and Key Results
โดย..
- Objectives คือ วัตถุประสงค์หลัก หรือก็คือจุดมุ่งหมายของชีวิต ที่เราอยากจะทำให้สำเร็จ
- Key Results คือ ผลลัพธ์หลัก เป็นสิ่งชี้วัดที่จะบอกเราว่า เราสามารถทำ Objective หรือเป้าหมาย ได้สำเร็จหรือไม่
สำหรับหลักการในการตั้ง OKRs ที่ดีแบบอาจารย์นภดล สามารถสรุปออกมาได้ดังนี้
1. หา Your Words of the Year
อาจารย์นภดลแนะนำว่า ให้เราเลือกคำที่เราชอบ มาสัก 5 คำ ที่จะมีความหมายกับชีวิตของเรามากที่สุดในปีนี้
โดยคำเหล่านั้นจะต้องเป็นคำที่บ่งบอกความเป็นตัวเรา  และความปรารถนาของเรา มากที่สุด
และเป็นคำที่เวลาเราจะทำสิ่งใดก็ตาม เราจะต้องนึกถึงคำนี้อยู่ตลอด
ตัวอย่างเช่น เราอาจจะเลือกคำว่า
- สุขภาพ (Health)
- ความมั่งคั่ง (Wealth)
- ความสุข (Happiness)
- ความเป็นครอบครัว (Family)
- ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism)
2. กำหนด Objective หรือเป้าหมายของชีวิต
หลังจากที่ได้ Your Words of the Year จากข้อแรกมาแล้ว เราก็จะต้องนำคำเหล่านี้ มากำหนด Objective ของชีวิต ที่สอดคล้องไปด้วยกัน
โดย Objective ของชีวิตในแต่ละปี จะต้องเป็นข้อความที่สร้างแรงบันดาลใจ และไม่ควรมีเกิน 3 ข้อ
เพราะการมีเป้าหมายหลายข้อเกินไป จะทำให้เราไม่สามารถโฟกัสกับเป้าหมายในแต่ละข้อ และทำให้สำเร็จลุล่วง ได้ยาก
ในการกำหนด Objective นั้น ก็มีข้อควรระวังคือ เราจะต้องไม่กำหนด Objective ที่ง่ายเกินไป เพราะหากทำสำเร็จได้ง่ายเกินไป ก็จะไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเรามีความก้าวหน้ามากขึ้นสักเท่าไรนัก
3. กำหนด Key Results
Key Results จะเป็นตัวชี้วัดว่า ใน Objective แต่ละข้อนั้น เราสามารถทำจนประสบความสำเร็จ ได้จริงหรือเปล่า
ซึ่งเราจะวัด Key Results โดยกำหนดเป็นตัวเลขเป้าหมายที่ชัดเจนไปเลยว่า เราจะต้องทำอะไร เป็นจำนวนเท่าไร จึงจะถือว่าทำ Objective สำเร็จ
โดย Objective 1 ข้อ จะต้องกำหนด Key Results ไม่เกิน 3 ข้อ
4. นำ AI มาช่วยวางแผน OKRs ให้กับชีวิตเรา
เมื่อเราเข้าใจถึงหลักการตั้ง OKRs กันแล้ว แต่ก็อาจจะมีบางคนที่ไม่รู้ว่า แล้วเราควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี นึกภาพยังไม่ออก
ในยุคนี้ เราก็สามารถนำเครื่องมืออย่าง AI มาช่วยเราวางแผนได้เหมือนกัน
โดยเราจะเอา AI ตัวไหนมาใช้ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT, Gemini หรือ Claude ขึ้นอยู่กับความสะดวกของเราเลย
สิ่งที่เราต้องทำ ก็มีเพียงแค่ นำชุดคำสั่ง หรือ Prompt นี้ไปใช้ ประกอบกับการเลือกคำที่เราชอบ 5 คำมา เดี๋ยว AI ก็จะให้แนวทางการกำหนด OKRs กับเราได้แล้ว
“ให้สร้าง OKRs รายปีสำหรับ Personal Life ให้ไม่เกิน 3 ข้อ โดยใน 1 Objective ให้มี Key Results ไม่เกิน 3 ข้อ สำหรับคนที่มี Personal Values ดังนี้
สุขภาพ (Health) ความมั่งคั่ง (Wealth) ความสุข (Happiness) ความเป็นครอบครัว (Family) ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism)”
คำตอบที่เราได้รับจาก AI จะมีหน้าตาประมาณนี้
Objective 1 : มีสุขภาพกาย–ใจ ที่แข็งแรงและยั่งยืน (Health + Happiness)
Key Results :
- ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 ครั้งต่อปี (เฉลี่ย ≥ 3 ครั้งต่อสัปดาห์)
- นอนหลับเฉลี่ย ≥ 8 ชั่วโมงต่อคืน อย่างน้อย 80% ของวันทั้งปี
- มี “กิจกรรมฟื้นฟูใจ” (เช่น เดินเล่น, อ่านหนังสือ, เขียนบันทึก, สมาธิ) อย่างน้อย 10 นาทีต่อวัน ≥ 300 วันต่อปี
Objective 2 : สร้างความมั่นคงทางการเงินควบคู่ความเป็นมืออาชีพ (Wealth + Professionalism)
Key Results :
- เงินออม หรือเงินลงทุนสุทธิ เพิ่มขึ้นอย่างน้อย X% หรือ X บาท ภายในสิ้นปี
- พัฒนาทักษะเชิงลึกหรือความรู้เฉพาะทางอย่างน้อย 2 เรื่องสำคัญ (อ่านหนังสือ, เรียนคอร์ส, ทำโปรเจกต์จริง)
- สร้างผลงานที่วัดผลได้ชัดเจนอย่างน้อย 1 ชิ้น (เช่น รายงาน, บทความ, โปรเจกต์, พอร์ต)
Objective 3 : มีชีวิตที่อบอุ่น มีความหมาย และมีคนสำคัญร่วมทาง (Family + Happiness)
Key Results :
- ใช้เวลา “คุณภาพ” กับครอบครัวอย่างน้อย 1 กิจกรรมต่อสัปดาห์ (รวม ≥ 50 ครั้งต่อปี)
- วางแผนหรือทริปพิเศษกับครอบครัวอย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี
- สื่อสารความรู้สึกเชิงบวก (ขอบคุณ, ชื่นชม, รับฟัง) กับคนในครอบครัวอย่างตั้งใจอย่างน้อย 100 ครั้งต่อปี
คำตอบที่ได้รับออกมา อาจจะยังไม่ได้เหมาะสมกับเรา 100% นัก
ต่อไปเราก็ปรับแต่งตัว Objective และ Key Result ให้เหมาะสมกับบริบทชีวิตของเรา เราก็จะได้ OKRs ของเราสำหรับปีนี้กัน เสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้งานแล้ว
4. แปลง Key Results มาเป็นคะแนนที่สามารถวัดผลได้
หลังจากกำหนด Key Results ออกมาแล้ว เราก็จะต้องแปลง Key Results ออกมาเป็นคะแนน เพื่อที่จะใช้วัดผล
โดยคะแนนจะอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1 คะแนน
ถ้าทำทุกอย่างที่กำหนดไว้ใน Key Results ได้หมดเลย เราก็จะได้ 1 คะแนน แต่ถ้าทำไม่ได้เลย เราก็จะได้ 0 คะแนน
โดยอาจารย์นภดล แนะนำว่า คะแนนที่สมเหตุสมผล ควรอยู่ระหว่าง 0.6 ถึง 0.7 คะแนน เพราะหมายความว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้ มีความยากและความท้าทาย ที่เหมาะสมกับเรา
เพราะหากได้ 1 คะแนนเต็มในทุก Key Results ก็หมายความว่า เป้าหมายนั้นง่ายเกินไป เราจึงควรกำหนดเป้าหมายที่ยากกว่านี้ เพื่อทำให้เรามีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้
5. อัปเดตผล OKRs เป็นระยะ
อาจารย์นภดล แนะนำว่า OKRs ที่ดี จะต้องมีความยืดหยุ่น และสามารถปรับเปลี่ยนได้รวดเร็ว
ดังนั้น เราจึงควรแบ่ง OKRs ออกเป็น 2 ระยะเวลา 
คือ รายปี และ รายไตรมาส
โดยจะต้องกำหนด OKRs รายปีออกมาก่อน แล้วค่อยกำหนด OKRs รายไตรมาส ที่สอดคล้องไปด้วยกันกับรายปี
ตัวอย่างเช่น OKRs รายปีของ Objective หนึ่งคือ
การมีความรู้มากขึ้น
และเราก็ได้มีการกำหนด Key Results รายปีของ Objective ข้อนี้ไปแล้ว เช่น
- อ่านหนังสือ ให้จบปีละ 30 เล่ม
- อ่านบทความ ให้จบปีละ 100 บทความ
- เรียนคอร์สออนไลน์ ให้ได้ 10 คอร์สต่อปี
ต่อไป เราก็จำเป็นต้องกำหนด Key Results รายไตรมาสออกมาด้วย โดยเริ่มจากไตรมาสที่ 1 ก่อน เช่น
- อ่านหนังสือ ให้จบ 8 เล่ม
- อ่านบทความ ให้จบ 25 บทความ
- เรียนคอร์สออนไลน์ ให้ได้ 3 คอร์ส
เมื่อเราได้เริ่มทำสิ่งที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ เราก็จะต้องอัปเดต OKRs ทุกสัปดาห์ เพื่อเช็กความก้าวหน้า
นอกจากนี้ ขั้นตอนนี้ ก็ยังเป็นการเตือนเรา ให้ยังโฟกัสกับเป้าหมายต่อไปได้ด้วย
และเมื่อทุกสิ้นไตรมาสมาถึง ก็ให้เราตั้ง OKRs ใหม่อีกครั้ง เพื่ออัปเดตว่า มีข้อไหนที่เรายังต้องทำต่อไป หรือมีข้อไหน ที่เราต้องเปลี่ยนแผนบ้าง
สุดท้าย เมื่อถึงสิ้นปี ก็ให้เราเริ่มต้นใหม่แบบนี้ ไปเรื่อย ๆ คือ
- หา Your Words of The Year
- ตั้ง OKRs รายปีและรายไตรมาส 
- อัปเดตผลที่ทำได้ เป็นระยะ ๆ เพื่อตรวจสอบตัวเอง
และทั้งหมดนี้ คือ หลักการในการตั้ง OKRs เพื่อการมีชีวิตในปีใหม่ที่ดีขึ้น ของ ศ.ดร.นภดล ร่มโพธิ์ แห่งเพจ Nopadol’s Story
ซึ่งหากได้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ ไปเรื่อย ๆ
ไม่ว่าสุดท้ายแล้ว เราจะทำสำเร็จหรือไม่ก็ตาม
ชีวิตของเรา ไม่ว่าจะทั้งด้านการเงิน และแต่ละด้านที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ ในทุก ๆ ปี ต่อจากนี้ ก็น่าจะดีขึ้น ไม่มากก็น้อย..
แต่ก่อนจะจบบทความนี้ลง ก็มีคำแนะนำดี ๆ มาให้เหมือนกัน สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือก Your Words of The Year เป็นคำไหนดี
ทาง MONEY LAB ได้รวมคำยอดฮิต 50 คำ มาให้แล้ว อยู่ที่ช่องคอมเมนต์
ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี ก็ลองหยิบคำเหล่านี้สัก 5 คำไปลองใช้ดูก่อนได้เลย
Reference
- MBA Thammasat Talk ครั้งที่ 11 : ตั้งเป้าหมายอย่างไรให้มีความสุข โดย ศาสตราจารย์ ดร.นภดล ร่มโพธิ์ ณ วันที่ 20/12/2568
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.