ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ตลาดหุ้นเงียบเหงา แต่รายได้มากกว่าตลาดหลักทรัพย์ไทยเกือบ 5 เท่า

ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ตลาดหุ้นเงียบเหงา แต่รายได้มากกว่าตลาดหลักทรัพย์ไทยเกือบ 5 เท่า

25 ธ.ค. 2025
หลายคนคงรู้กันอยู่แล้วว่า สิงคโปร์ เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการเงินที่สำคัญของโลก ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเรานัก 
แต่รู้ไหมว่าตลาดหุ้นของเขานั้น เงียบเหงากว่าตลาดหุ้นบ้านเรา ที่ปีนี้นักลงทุนพากันบ่นไม่หยุด ว่าสภาพคล่องเหือดหายเสียอีก 
เพราะในปี 2567 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์มีมูลค่าซื้อขายโดยเฉลี่ยต่อวันเพียง 24,000 ล้านบาท น้อยกว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีมูลค่าซื้อขายโดยเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 46,000 ล้านบาท ประมาณ 2 เท่า
อีกทั้งตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 8 บริษัท คิดเป็นมูลค่าการระดมทุนทั้งหมดเพียง 2,900 ล้านบาทเท่านั้น ในปี 2567
ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ ช่วงเวลาเดียวกัน มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 34 บริษัท คิดเป็นมูลค่าการระดมทุนทั้งหมด 162,000 ล้านบาท
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า รายได้ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องมากกว่ารายได้ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์หลายเท่า
แต่ความเป็นจริงแล้วตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ กลับมีรายได้และผลกำไรมากกว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เพราะในปี 2567 ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์มีรายได้รวม 32,200 ล้านบาท 
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยมีรายได้รวมเพียง 6,678 ล้านบาทเท่านั้น
แล้วตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ มีกลยุทธ์อย่างไรในการบริหารธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ แม้นักลงทุนจะไม่นิยมซื้อหุ้น และมีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนน้อยมาก ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า ตลาดหลักทรัพย์ในหลายประเทศ ถูกบริหารจัดการโดยบริษัทเอกชน และถูกจัดให้เป็นธุรกิจรูปแบบหนึ่ง
ซึ่งบริษัทเอกชนที่เป็นเจ้าของตลาดหลักทรัพย์ในหลายประเทศ ก็เป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่ตัวเองเป็นเจ้าของอีกด้วย
เช่น SGX บริษัทเจ้าของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์
หรือ HKEX บริษัทเจ้าของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
ซึ่งโมเดลการหารายได้ของธุรกิจตลาดหลักทรัพย์โดยส่วนใหญ่ จะมาจาก
- ค่าธรรมเนียมหลักทรัพย์จดทะเบียน โดยตลาดหลักทรัพย์จะได้รับรายได้จากส่วนนี้ ก็ต่อเมื่อมีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาด
- ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ รายได้ส่วนนี้จะเรียกเก็บจากนักลงทุนเมื่อมีการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาด
- ค่าธรรมเนียมงานนายทะเบียนหลักทรัพย์ คือรายได้ที่เรียกเก็บจากการให้บริการเก็บข้อมูลหลักทรัพย์
- รายได้อื่น ๆ เช่น บริการจัดทำดัชนีทางการเงิน หรือการขายข้อมูล และให้เช่าเครือข่ายเชื่อมต่อ
ภาพในหัวของใครหลายคน อาจจะนึกว่าตลาดหลักทรัพย์น่าจะมีรายได้หลักมาจากการเปิดให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายหุ้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะตลาดหลักทรัพย์ สามารถเปิดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหลายสินทรัพย์ นอกเหนือจากหุ้น เช่น ตราสารหนี้ หรือตราสารอนุพันธ์ 
และหากเราดูจากสัดส่วนรายได้ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ หรือ SGX ก็จะพบว่า SGX มีรายได้มาจากหลายสินทรัพย์ดังนี้
- รายได้จากตราสารทุน 30% 
- ตราสารอนุพันธ์ที่อ้างอิงตราสารทุน 27% 
- ตราสารหนี้ ค่าเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์ 25% 
- รายได้จากธุรกิจแพลตฟอร์มและอื่น ๆ 18%
โดยรายได้ในส่วนสุดท้ายนี้ก็อย่างเช่น รายได้จากการจัดทำดัชนีตลาด รายได้จากการขายข้อมูลทางการเงิน 
รวมถึงรายได้จากการให้เช่าเครือข่ายเชื่อมต่อกับ SGX ที่จำเป็นมาก ๆ สำหรับกองทุนที่ใช้กลยุทธ์ HFT หรือ High Frequency Trading ที่ต้องเฉือนกันหลักมิลลิวินาที
เมื่อมองจากโครงสร้างรายได้ของ SGX แล้ว จะเห็นได้ว่า SGX มีรายได้ที่ค่อนข้างกระจายตัว ไม่ได้พึ่งพาการหารายได้จากสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมากจนเกินไป
พอเป็นแบบนี้ ก็ทำให้แม้มูลค่าการซื้อขายหุ้นจะน้อยกว่าตลาดหุ้นไทย แต่ก็ยังพอมีแหล่งรายได้จากสินทรัพย์อื่น เป็นเครื่องจักรผลิตรายได้ให้ SGX
โดยเฉพาะการเป็นศูนย์กลางการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ และศูนย์กลางการซื้อขายค่าเงินในแถบเอเชีย 
แม้ว่าสินค้าโภคภัณฑ์และค่าเงิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็มีให้ซื้อขายเหมือนกัน ในรูปแบบของสัญญา Futures และ Options ในตลาด TFEX 
แต่ตลาด​ SGX ของสิงคโปร์นั้น สามารถสร้างโมเดลธุรกิจที่หารายได้จากทั้ง 2 สิ่งนี้เพิ่มเติมได้
โดยในส่วนของสินค้าโภคภัณฑ์ หลายคนอาจจะรู้จักว่าสิงคโปร์เป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปรายใหญ่ของโลก จากการนำเข้าน้ำมันดิบมากลั่นแล้วส่งออก 
แต่สินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นพระเอกตัวจริงในตลาด SGX คือแร่เหล็กที่เป็นสินทรัพย์ที่มีการซื้อขายกันอย่างมาก เพราะ SGX เป็นตลาดแรก ๆ ที่มีการพัฒนาเครื่องมือทางการเงินให้รองรับการซื้อขายแร่เหล็ก
ทำให้ทางสิงคโปร์สามารถพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ของตัวเองให้กลายเป็นคนกลางในการชำระสัญญาระหว่างผู้ซื้อขายทั้งน้ำมันและแร่เหล็กระหว่างประเทศได้
ทำให้แทนที่ผู้ซื้อขายน้ำมันหรือแร่เหล็กจะไปตกลงราคากันเอง แล้วต้องลุ้นว่าอีกฝ่ายจะเบี้ยวสัญญาไหม 
ก็เปลี่ยนมาเป็นการชำระสัญญากันผ่านตลาด SGX แทน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ แลกกับที่ทาง SGX ก็จะได้ค่าธรรมเนียมตรงนี้ไป 
ส่วนในด้านค่าเงิน SGX ก็ดึงการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ทั้งแบบแลกเปลี่ยนทันที หรือที่เรียกว่า Spot หรือ การซื้อขายแลกเปลี่ยนล่วงหน้า หรือ Forward ขึ้นมาซื้อขายบนกระดานของ SGX 
รวมถึงสร้างแพลตฟอร์มการซื้อขายค่าเงินให้ธนาคารใหญ่ ๆ ระดับโลกมาซื้อขายกันด้วย 
โดยสกุลเงินที่มีความนิยมในการซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์คือ ค่าเงินรูปี และค่าเงินหยวน อันสะท้อนให้เห็นถึงการเป็นศูนย์กลางทางการเงินของสิงคโปร์ ที่เชื่อมทั้ง 2 มหาอำนาจแห่งเอเชียเข้าด้วยกันได้ 
ด้วยการเปิดให้ซื้อขายค่าเงินครบทุกรูปแบบ และเป็นตัวกลางรับชำระสัญญาของสินค้าโภคภัณฑ์แบบนี้ 
ก็ทำให้ SGX มีโมเดลรายได้ที่เพิ่มเติม มากกว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ปัจจุบันยังมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากตราสารทุน และตราสารอนุพันธ์
ซึ่ง SGX ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะล่าสุด ก็มีการจับมือข้ามซีกโลกกับตลาดหลักทรัพย์บราซิล เพื่อเปิดโอกาสให้มีการซื้อขายค่าเงินในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในแถบภูมิภาคอเมริกาใต้
กลยุทธ์นี้ของ SGX แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของธุรกิจการซื้อขายค่าเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์ ที่เป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของ SGX อย่างมาก
อีกทั้ง SGX ก็ไม่ได้มองแค่การเป็นศูนย์กลางทางการเงินของเอเชียอีกต่อไป แต่ยังอยากเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกอีกด้วย
โมเดลการหารายได้ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ จึงเป็นกรณีศึกษาชั้นดี ที่ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า แม้ตลาดหุ้นจะเงียบเหงาแค่ไหน
แต่การไม่หยุดมองหาโอกาสใหม่ ๆ ไม่ยอมให้สิ่งภายนอกอย่างสภาพตลาดที่ควบคุมไม่ได้ มาเป็นตัวกำหนดความอยู่รอดของตัวเอง
อย่างเช่นที่ SGX สามารถพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ให้กลายเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายสินทรัพย์อื่น ๆ นอกจากหุ้น จนสุดท้ายก็สร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ 
แถมยังทำให้ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ไม่ได้พึ่งพารายได้จากสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมากเกินไป แต่มีการกระจายความเสี่ยงผ่านสัดส่วนรายได้ที่มาจากแต่ละแหล่งอย่างเหมาะสมอีกด้วย 
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ ถ้าเราอยากซื้อหุ้น SGX หรือตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เราไม่ต้องไปเปิดบัญชีลงทุนหุ้นต่างประเทศให้ยุ่งยาก
เพราะตอนนี้เราสามารถซื้อหุ้น SGX ได้ในตลาดหุ้นไทยแล้ว ด้วยเครื่องมือ DR ที่ชื่อว่า SGX19
หมายเหตุ : บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
#ลงทุน
#DR
#DRวันละตัว
References
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.