40 ปี แสนสิริ มุ่งสู่ “RESILIENT GROWTH” เปิดตัว 46 โครงการใหม่ มูลค่า 61,000 ล้านบาท

40 ปี แสนสิริ มุ่งสู่ “RESILIENT GROWTH” เปิดตัว 46 โครงการใหม่ มูลค่า 61,000 ล้านบาท

26 ม.ค. 2024
แสนสิริ x MONEY LAB
ถ้าพูดถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึง “แสนสิริ”
บริษัทที่ก่อตั้งมานานกว่า 40 ปี และยังคงครองใจคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา แสนสิริสามารถสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็น ยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง หรือกำไรสุทธิของปี 2566 ที่น่าจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์
แล้วอะไรคือ เคล็ดลับความสำเร็จ ของแสนสิริ ?
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน ให้เข้าใจ
ถึงแม้ว่าปี 2566 การเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยจะชะลอตัว จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย หรือสงครามระหว่างประเทศมหาอำนาจก็ตาม
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทาย แสนสิริยังคงพัฒนาธุรกิจให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และการคิดค้นกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด
ส่งผลให้ปี 2566 เป็นอีกหนึ่งปีแห่งความสำเร็จของแสนสิริ ด้วยยอดขายรวมที่ 49,000 ล้านบาท และยอดโอนที่ 39,000 ล้านบาท
ที่น่าสนใจคือ 9 เดือนของปี 2566 แสนสิริ มีรายได้รวมอยู่ที่ 28,047 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,760 ล้านบาท
โดยเฉพาะกำไรสุทธิรอบ 9 เดือน พุ่งสูงกว่ากำไรสุทธิของทั้งปีก่อนหน้าไปแล้ว
เท่ากับว่า ตัวเลขกำไรสุทธิทั้งปี กำลังจะทุบสถิตินิวไฮเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเลยทีเดียว
ซึ่งเบื้องหลังปัจจัยแห่งความสำเร็จของแสนสิริ มาจาก 3 กลยุทธ์หลัก คือ
1. SPEED TO MARKET
ปรับตัวเร็ว รองรับทุกสถานการณ์ พร้อมรับทุกความต้องการของผู้บริโภค
ส่งผลให้ในปี 2566 แสนสิริรเปิดตัวโครงการไปทั้งสิ้นถึง 44 โครงการ มูลค่ารวม 65,000 ล้านบาท
2. ATTENTION TO DETAIL
แสนสิริใส่ใจในทุกรายละเอียดการพัฒนาในทุกโครงการของแสนสิริ ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง การบริการหลังการขาย
รวมไปถึงยกระดับการพัฒนา ที่ไม่ได้เป็นแค่โครงการที่อยู่อาศัย ขยายสู่สังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ
ด้วยการสร้าง Sansiri Community เพื่อผู้บริโภคจะได้รับประสบการณ์อยู่อาศัยและสังคมที่ดีที่สุด
3. WORK FROM HEART
มุ่งมั่นที่จะสร้างความสุขให้กับลูกค้าและสังคมอย่างยั่งยืน โดยดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
เช่น โครงการ “Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน” จับมือกับกองทุน เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเป็นเวลา 3 ปี สนับสนุนเงินทุน 100 ล้านบาท ตั้งเป้าช่วยเด็กหลุดจากระบบการศึกษาเป็นศูนย์
นอกจากนี้ แสนสิริยังเป็นอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทย ที่ตั้งเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ภายในปี 2593
แล้วโรดแม็ปปี 2567 ของแสนสิริ น่าสนใจอย่างไร ?
ปี 2567 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีทองของแสนสิริ เพราะบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่มากกว่าเดิม รวมทั้งสิ้น 46 โครงการ มูลค่ารวม 61,000 ล้านบาท แบ่งเป็น
- แนวราบ 26 โครงการ มูลค่ารวม 35,000 ล้านบาท
- คอนโดมิเนียม 20 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท
โดยตัวอย่างโครงการใหม่ที่น่าสนใจของแสนสิริในปี 2567 ได้แก่
- โครงการบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี นาราสิริ บางนา กม. 10 มูลค่า 3,800 ล้านบาท
- โครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี เศรษฐสิริ วัชรพล-เทพรักษ์ มูลค่า 2,700 ล้านบาท
- โครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเด้นซ์ หัวหิน มูลค่า 4,500 ล้านบาท
ซึ่งแสนสิริมองว่า ตลาดบ้านลักชัวรีในไทย มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความต้องการที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพและการบริการ
โดยในปี 2567 แสนสิริตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายรวมที่ 52,000 ล้านบาท และยอดโอนที่ 43,000 ล้านบาท
จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งและกลยุทธ์ที่ชัดเจน จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่หลายคนจะมองว่า แสนสิริเป็นหนึ่งในหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว และยังเป็นหุ้นปันผลที่น่าสนใจ ด้วยอัตราปันผลในปี 2566 อยู่ที่ 12.6%
พอดูข้อมูลเหล่านี้แล้ว เหมือนว่าอนาคตของแสนสิริในปีนี้จะดูสดใส
และมากกว่าความสำเร็จ แสนสิริยังมองไกลถึงการเติบโตที่ยั่งยืน
จึงได้เดินหน้าไปพร้อมกับ 3 กลยุทธ์สำคัญเพื่อขับเคลื่อนองค์กร ได้แก่
1. รักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ
โดยเพิ่มสัดส่วนการเปิดตัวโครงการให้มากขึ้น โดยเฉพาะโครงการแนวราบ
และใช้เงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงรักษาสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่สูง
ซึ่งกำไร 9 เดือนแรกของปี 2566 ก็ได้สะท้อนถึงการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพของบริษัท
โดยนับเป็นผลการดำเนินงานที่เติบโตตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้
2. บริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขาย ให้กระจายไปในหลากหลายทำเล
เพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขันที่มากกว่า ผ่านการควบคุมระดับสินค้าในแต่ละระดับราคาให้เหมาะสม
โดยก่อนพิจารณาเปิดโครงการใหม่ในแต่ละครั้ง
บริษัทจะเน้นเรื่องวินัยในการลงทุนมากกว่าคว้าทุกโอกาสที่เข้ามา
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อรวมโครงการเปิดใหม่ในปีนี้ แสนสิริจะมียูนิตพร้อมขายทั่วประเทศ รวมมูลค่า 146,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้แสนสิริจะมีรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องใน 3 ปีข้างหน้า
และภายใต้กลยุทธ์นี้ แสนสิริ พร้อมขยายโอกาสในการลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ ๆ
เพื่อพัฒนาโครงการร่วมกัน ตลอดจนกลับไปรุกหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน
โดยวางแผนจะเปิดตัวโครงการในต่างจังหวัดทั้งหมด 13 โครงการ มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาท โตกว่าปีก่อนหน้าถึง 170%
พร้อมสานต่อโมเดล Sansiri Community ในแต่ละทำเลที่แสนสิริเข้าไปพัฒนาโครงการ ให้เป็นสังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบอีก 4 คอมมูนิตี้
3. ยกระดับคุณภาพของสินค้า บริการ และความยั่งยืน ให้เป็นเบอร์ 1 ในกลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัย
ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของแสนสิริ เพื่อรักษามาตรฐานเบอร์ 1 ของวงการอสังหาริมทรัพย์ในทุกมิติ
โดยแสนสิริมั่นใจในคุณภาพของการบริหารจัดการที่อยู่อาศัย
เพราะมีทีมงานที่มืออาชีพอย่าง บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่คอยตอบโจทย์ทุกการดูแล
พร้อมส่งมอบคุณภาพการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง
สุดท้ายแล้ว เราคงพอสรุปได้ว่า ความสำเร็จที่ผ่านมาและโอกาสข้างหน้าของแสนสิริ เกิดจากปัจจัยหลาย ๆ ส่วน ทั้งคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ดีไซน์ การบริการหลังการขายที่โดดเด่น กลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ และผู้นำที่มีวิสัยทัศน์
เลยส่งผลให้ แสนสิริ สามารถครองใจคนไทยมายาวนานกว่า 40 ปี และยังคงเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย นั่นเอง
สำหรับใครที่สนใจสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/sansirifamily/posts/pfbid0MHVDiNKGaHfd6o9hgj7JLmgGak3V9qtvLkQiZppZD8Ewfv2PvavPSQoMKKffoMq5l
References:
-ข่าวประชาสัมพันธ์ Sansiri Business Direction 2024
-https://www.set.or.th/th/market/product/stock/quote/SIRI/financial-statement/company-highlights
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.