
ทำบุญผิดวิธี ลดหย่อนภาษีไม่ได้สักบาท สรุป 3 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนบริจาค ให้ได้ประโยชน์ทั้งชาตินี้และชาติหน้า
13 พ.ย. 2025
ไทยเป็นประเทศสายบุญ ติด Top 10 ของโลกในด้านการบริจาคเงิน
สอดคล้องกับตัวเลขการประมาณการว่า ตลาดการกุศลของไทยในปีนี้มีมูลค่าทะลุ 150,000 ล้านบาท
แต่รู้หรือไม่ว่า เงินทำบุญที่เราบริจาคกันทุกปี ไม่ใช่แค่ได้บุญ แต่ยังช่วยลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 2 เท่า
อย่างไรก็ตาม การบริจาคจะเกิดประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย ก็ต่อเมื่อเราทำถูกกติกาของกรมสรรพากรด้วย
แล้วการบริจาคแบบไหน ถึงจะได้ประโยชน์ 2 เด้ง
ได้ทั้งบุญและได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีไปพร้อมกัน ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
บทเรียนภาษีที่เราต้องรู้ ก่อนจะบริจาคครั้งต่อไป
เพื่อให้ได้ประโยชน์ 2 เด้ง มีด้วยกัน 3 ข้อหลัก ๆ คือ
1. บริจาคผิดที่ได้บุญ แต่ลดหย่อนภาษีไม่ได้
หลายคนอาจคิดว่าบริจาคที่ไหนก็ลดหย่อนภาษีได้
แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่ทุกการบริจาคที่กรมสรรพากรยอมรับ
ถ้าอยากนำเงินบริจาคไปลดหย่อนภาษี จะต้องบริจาค ให้กับมูลนิธิ สมาคม หรือสถานสาธารณกุศล ที่อยู่ในรายชื่อที่กรมสรรพากรให้การรับรองเท่านั้น
ที่สำคัญ การบริจาคแต่ละที่ก็ใช้สิทธิลดหย่อนได้ไม่เท่ากัน
ถ้าอยากลดหย่อนได้ 2 เท่า ก็ต้องบริจาคให้โรงพยาบาลรัฐ หรือบริจาคเพื่อการศึกษาและพัฒนาสังคม
ส่วนการบริจาคทั่ว ๆ ไป จะลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงเท่านั้น
2. บริจาคสิ่งของลดหย่อนไม่ได้ ต้องบริจาคเป็นเงินเท่านั้น
อีกเรื่องที่หลายคนไม่รู้คือ สำหรับบุคคลธรรมดา การบริจาคที่นำมาลดหย่อนได้ต้องเป็นการบริจาคเป็นเงินเท่านั้น
ของที่บริจาค เช่น อาหาร เสื้อผ้า หรือสิ่งของอื่น ๆ ถึงจะได้บุญเหมือนกัน แต่ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
รวมถึงการบริจาคต้องทำผ่านระบบ e-Donation หรือ บริจาคเงินแล้วขอหลักฐานอย่างใบเสร็จ หรือใบอนุโมทนาที่มีรายละเอียดครบถ้วน
จุดที่หลายคนมักพลาดตรงนี้คือ เวลาไปทำบุญกับเพื่อน แล้วใส่ชื่อหลายคนร่วมกันในใบเดียว
เวลานำไปลดหย่อนภาษี กรมสรรพากรจะถือว่าบริจาคคนละเท่า ๆ กัน และหารสิทธิลดหย่อนภาษีของแต่ละคน ให้ได้เท่า ๆ กันตามไปด้วย ทำให้ลดหย่อนภาษีได้น้อยลง
อย่างไรก็ตาม ปีภาษี 2568 ที่ต้องยื่นช่วงต้นปี 2569 จะเป็นปีสุดท้ายที่กรมสรรพากรยอมรับใบอนุโมทนา แบบกระดาษ หลังจากนี้ไปจะบริจาคให้วัดต้องผ่าน e-Donation เท่านั้น
พูดง่าย ๆ คือ ปีหน้าบริจาคเงินที่วัดได้บุญเหมือนเดิม
แต่ถ้าอยากได้ทั้งบุญและลดหย่อนภาษีด้วย ต้องบริจาคผ่าน e-Donation เท่านั้น
3. เงินบริจาคลดหย่อนได้แค่ 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนอื่น ๆ
แม้ว่าการบริจาคจะช่วยลดหย่อนภาษีได้ แต่ก็ใช่ว่าจะหักได้ไม่จำกัด เพราะกรมสรรพากรกำหนดเพดานไว้ชัดเจนว่า
เงินบริจาคสามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ค่าบริจาค
โดยเวลาคำนวณสิทธิลดหย่อน เราจะเริ่มจากการคำนวณค่าลดหย่อนเงินบริจาคกลุ่ม 2 เท่าก่อน และถ้ามีส่วนที่เกินเพดานตรงนั้นก็สามารถย้ายไปใช้สิทธิแบบ 1 เท่าได้อีก
แต่ถ้าไม่มีเงินบริจาคกลุ่ม 2 เท่า ก็ให้เริ่มคำนวณสิทธิลดหย่อนจากกลุ่ม 1 เท่าได้เลย
เราลองมาดูตัวอย่างง่าย ๆ ไปพร้อมกัน..
คุณ A เป็นพนักงานบริษัท มีรายได้ทั้งปี 600,000 บาท
ซึ่งบริจาคให้โรงพยาบาลรัฐไป 30,000 บาท
หลังหักค่าใช้จ่าย 100,000 บาท และค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท กับประกันสังคมอีก 9,000 บาท
จะเหลือเงินได้สุทธิก่อนหักเงินบริจาคอยู่ 600,000 - 100,000 - 60,000 - 9,000 = 431,000 บาท
การบริจาคให้โรงพยาบาลรัฐนั้น อยู่ในกลุ่มเงินบริจาค 2 เท่า สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 10% ของเงินได้สุทธิก่อนหักเงินบริจาค 2 เท่า
ดังนั้น 10% ของ 431,000 = 43,100 บาท
หมายความว่า จากเงินบริจาค 30,000 บาทของคุณ A จะคิดเป็นเงินบริจาคส่วน 2 เท่า แค่ 21,550 บาท
เพราะด้วยการบริจาคแล้วได้ลดหย่อน 2 เท่า จะทำให้ค่าลดหย่อน อยู่ที่ 21,550 × 2 = 43,100 เต็มเพดานพอดี
ทีนี้ก็ไปต่อยังกลุ่มเงินบริจาคทั่วไป ที่สามารถลดหย่อนได้อีกสูงสุด 10% เช่นกัน
เมื่อหักส่วนลดหย่อนกลุ่มแรกออกไป จะเหลือฐานคำนวณ 431,000 - 43,100 = 387,900 บาท
ดังนั้น 10% ของ 387,900 = 38,790 บาท คือเพดานในส่วนของการบริจาคทั่วไป
ทำให้ในกรณีของคุณ A เงินบริจาคที่เหลือจากส่วนลดหย่อน 2 เท่าคือ 30,000 - 21,550 = 8,450 บาท
ก็จะสามารถนำ 8,450 บาทนั้น มาลดหย่อนได้ในส่วนของการบริจาคทั่วไปเต็มจำนวน เพราะยังไม่เกินเพดาน 38,790 บาท ของการบริจาคทั่วไปนั่นเอง
เท่ากับว่า คุณ A ได้สิทธิลดหย่อนเงินบริจาคทั้งหมด
43,100 จากส่วนลดหย่อน 2 เท่า + 8,450 จากส่วนลดหย่อนทั่วไป = 51,550 บาท
พูดง่าย ๆ คือ คุณ A บริจาคเงินจริง 30,000 บาท
แต่ได้สิทธิลดหย่อนภาษีถึง 51,550 บาท
แต่ได้สิทธิลดหย่อนภาษีถึง 51,550 บาท
จะเห็นว่าได้ทั้งบุญและได้ลดหย่อนภาษีแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลย
ซึ่งนี่ก็คือประโยชน์ของการทำบุญแบบมีแผน
ที่ไม่ใช่แค่ศรัทธา แต่คือการรู้จักใช้สิทธิให้คุ้มค่าด้วย
ดังนั้นการบริจาคครั้งต่อไป อย่าลืมบริจาคให้ถูกที่ บริจาคด้วยเงิน และถ้าไม่ได้บริจาคผ่าน e-Donation อย่าลืมเก็บหลักฐานให้ครบถ้วน
เพื่อให้เงินบริจาคของเรา ได้ประโยชน์ทั้งชาตินี้และชาติหน้า..
#วางแผนการเงิน
#TaxFest2025
#ภาษีนี้มีแต่ได้x2
References