กลยุทธ์ บริหารพอร์ตช่วงวิกฤติ ด้วย Futures ของพี่โจ ลูกอีสาน ตำนานนักลงทุน VI

กลยุทธ์ บริหารพอร์ตช่วงวิกฤติ ด้วย Futures ของพี่โจ ลูกอีสาน ตำนานนักลงทุน VI

16 ก.ย. 2025
การลงทุนในเครื่องมือที่ฟังดูซับซ้อน อย่าง Futures และ Options ดูจะเป็นสิ่งที่ไม่น่าไปด้วยกันได้ กับแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่าเลย
แต่รู้หรือไม่ว่า คุณอนุรักษ์ บุญแสวง หรือพี่โจ ลูกอีสาน เซียนหุ้น 1,000 ล้านบาท หนึ่งในตำนานนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าชาวไทย
ก็มีการใช้เครื่องมืออย่าง Futures ที่มีอยู่ในตลาด TFEX เพื่อเสริมกลยุทธ์การลงทุน คือใช้ทั้งป้องกันความเสี่ยงในช่วงวิกฤติตลาดหุ้น และเพิ่มพลังผลตอบแทนในบางจังหวะของตลาดหุ้นด้วย
หากสงสัยว่า กลยุทธ์การลงทุนดังกล่าวของพี่โจ มีอะไรที่น่าสนใจ และมีหลักคิดอะไร ที่เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้บ้าง ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
เมื่อก่อนพี่โจก็เคยมองว่า ตลาด TFEX ดูเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก และน่าจะเป็นการลงทุนที่เสี่ยงเกินไป
แต่พอได้ลองเปิดใจศึกษาดู กลับพบว่า ถ้าหากเรารู้วิธีนำไปใช้ ในการช่วยวางกลยุทธ์ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนของเรามากเลย
เพราะไม่ว่าสภาพตลาดจะเป็นอย่างไร เราก็สามารถใช้ทั้งช่วยลดการขาดทุน และเพิ่มผลตอบแทนได้
และเมื่อปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่เกิด COVID-19 ระบาดครั้งใหญ่ ก็เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่พี่โจได้นำ TFEX มาใช้สร้างกลยุทธ์เพื่อเสริมพอร์ตการลงทุนด้วยเช่นกัน
โดยเรื่องนี้เริ่มต้นในช่วงสิ้นปี 2562 ปกติพี่โจจะติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นในโลกอยู่เป็นประจำ และได้เห็นว่า มีการระบาดของโรคชนิดใหม่เกิดขึ้นที่ประเทศจีน จนเริ่มมีการปิดเมืองกัน
หลังจากนั้นอีกไม่นาน ก็มีข่าวออกมาว่า โรคระบาดชนิดนี้ ได้เริ่มเข้ามาในประเทศไทยแล้ว
นั่นทำให้พี่โจมองว่า ถ้าการระบาดลุกลาม จนประเทศไทยต้องปิดเมือง ก็จะส่งผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยว และตลาดหุ้นโดยรวมก็คงจะย่ำแย่เช่นกัน
ดังนั้นพี่โจจึงเลือกใช้เครื่องมืออย่างสัญญา Futures ที่มีอยู่ในตลาด TFEX มาช่วยป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตเอาไว้ก่อน ด้วยการ “เปิดสัญญาขายล่วงหน้า หรือการ Short ดัชนี SET50”
โดย “SET50 Index Futures” ในตลาด TFEX เป็นสัญญาที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 ซึ่งสะท้อนภาพรวมของทิศทางตลาดหุ้นได้ ดังนั้น เมื่อดัชนี SET50 ปรับตัวลดลง SET50 Index Futures ก็จะปรับตัวลดลงด้วย ทำให้สถานะ Short หรือขายล่วงหน้านั้น ได้กำไร
กลยุทธ์การลงทุนแบบนี้ เราจะใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวม หรือที่เรียกว่า “การ Hedging พอร์ต”
หลักการก็คือ เมื่อเรามองว่า ในช่วงต่อจากนี้ ตลาดหุ้นจะเป็นขาลง แต่เราไม่อยากให้มูลค่าพอร์ตของเราลดลง เราก็จะมีวิธีการรับมือด้วยการ
- ใช้ SET50 Index Futures โดยเปิดสัญญาขายล่วงหน้าไว้เพื่อเตรียมป้องกันพอร์ต
ทั้งนี้เราจะต้องกำหนดสัดส่วนในพอร์ตแต่พอดี เพื่อไม่ให้เราต้องเจอกับความเสี่ยงมากเกินไป
เพราะสำหรับเครื่องมือการลงทุนนี้ เวลาซื้อขายจะเป็นลักษณะของการวางเงินเป็นหลักประกัน หรือที่เรียกว่า Margin ก่อน (ไม่ต้องชำระเงินเต็มมูลค่าสัญญา)
และยังเป็นสินค้าที่มีอัตราทด หรือ Leverage ซึ่งสามารถใช้เพิ่มพลังของผลตอบแทนได้ด้วย
ดังนั้น ยิ่งถ้าเราเลือกการ Leverage มากขึ้น โดยวางเงิน Margin ต่ำ หากเราคิดถูก ผลตอบแทนที่เราจะได้ ก็จะยิ่งมากขึ้น
แต่ในทางกลับกัน หากเราคิดผิด เกิดไปทุ่มสุดตัว ลงทุนแบบเสี่ยงมากเกินไป ก็มีโอกาสที่เราจะขาดทุน จนถึงขั้นหมดเนื้อหมดตัวได้เลย
แต่สำหรับพี่โจนั้น ต้องการแค่จะปกป้องมูลค่าพอร์ต ไม่ให้เสียหายมากเกินไป จึงใช้เงินลงทุนที่เป็นเงินสดแค่ 5% ของพอร์ต และใช้ Leverage หรืออัตราทด ไม่เกิน 5 เท่า (จาก Leverage อัตราสูงสุดประมาณ 20 เท่า) ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสี่ยงให้พอร์ตได้ถึง 25% หรือ 1 ใน 4 ของมูลค่ารวมของพอร์ต
ถ้าตลาดหุ้นร่วงลง 25% สถานะ Short ใน Futures นี้ จะช่วยพยุงพอร์ต ไม่ให้เสียหายได้พอดี
เปรียบเสมือนเราใส่เกราะป้องกันให้กับพอร์ต ไม่ให้ปรับตัวลงมากเกินไปเมื่อเกิดวิกฤตินั่นเอง
- ปิดสถานะ และนำเงินไปช้อนซื้อหุ้นคุณภาพดี ในราคาถูก
เมื่อเราสามารถล็อกความเสี่ยงของพอร์ตของเราได้แล้ว แนวทางที่หลายคนอาจทำต่อมาก็คือการปิดสถานะดังกล่าว เพื่อนำเงินกำไรที่ได้บางส่วน ไปซื้อหุ้นของบริษัทคุณภาพดีเพิ่มเติม เพราะในช่วงวิกฤติจะมีหุ้นราคาถูกอยู่เต็มตลาด
แล้วพอวิกฤติผ่านพ้นไป ราคาหุ้นฟื้นตัวกลับมาได้ ก็เท่ากับว่า เราจะสามารถทำกำไรได้อีกทางด้วย
แต่สำหรับพี่โจเอง ไม่ได้ทำอยู่แค่นั้น เพราะนอกจากจะนำเงินไปซื้อหุ้นดีราคาถูกแล้ว ก็ยังแบ่งเงินบางส่วนไป “เปิดสัญญาซื้อล่วงหน้า หรือทำการ Long ดัชนี SET50” อีกด้วย
พูดแบบนี้ อาจจะมีบางคนงงคำศัพท์ระหว่าง Short กับ Long ว่าคืออะไรกัน จึงขออธิบายเพิ่มเติมแบบนี้
เราจะเปิดสถานะขาย หรือ “Short” เมื่อเราเชื่อว่า ในอนาคต ดัชนีหุ้น SET50 จะปรับตัวลดลง
และเราจะเปิดสถานะซื้อ หรือ “Long” เมื่อเราเชื่อว่า ในอนาคต ดัชนีหุ้น SET50 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น
ดังนั้น เมื่อดัชนีหุ้นตกลงมาถึงจุดที่ต่ำมาก ๆ แล้ว พี่โจจึงได้ปิดสถานะ Short SET50 Index Futures และเปลี่ยนไปเปิดสถานะ Long แทน เพราะเชื่อว่าเดี๋ยวดัชนีหุ้นจะต้องฟื้นตัวกลับมา
กลยุทธ์แบบนี้ ทำให้ในช่วงวิกฤติ นอกจากพี่โจจะปกป้องพอร์ตการลงทุนของตัวเอง ไม่ให้เสียหายได้แล้ว และเมื่อวิกฤติผ่านพ้นไป พอร์ตของพี่โจ ก็ยังเติบโตได้อีกด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราน่าจะเข้าใจถึงกลยุทธ์การลงทุน ผ่านการใช้สัญญา Futures เพื่อรับมือกับวิกฤติตลาดหุ้น ในแบบของคุณอนุรักษ์ บุญแสวง กันดีขึ้นแล้ว
ดังนั้น จึงจะขอสรุปกลยุทธ์ ออกมาสั้น ๆ เพื่อให้เราเข้าใจง่าย ๆ แบบนี้อีกครั้ง
- ก่อนตลาดหุ้นร่วง เปิดสถานะ Short ดัชนี SET50 ด้วยการใช้เงินลงทุนแค่ 5% และใช้อัตราทด 5 เท่า ทำให้ปกป้องพอร์ต ได้สูงถึง 25%
- ในช่วงเกิดวิกฤติ มูลค่าของหุ้นที่ถือโดยรวมลดลง แต่จะได้กำไรจาก Futures ที่เปิด Short ไว้ มาช่วยพยุงพอร์ตได้ ทำให้มูลค่าพอร์ตโดยรวมไม่ลดลง
- เมื่อดัชนีลงถึงจุดต่ำมาก ๆ สามารถปิดสถานะ Short แล้วนำเงินไปช้อนซื้อหุ้นดีราคาถูก พร้อมทั้งเปิดสถานะ Long ดัชนี SET50 เพื่อทำกำไรให้มากขึ้น
จะเห็นได้ว่า Futures ในตลาด TFEX ที่หลายคนมองว่าเป็นเครื่องมือที่เหมาะแค่กับนักลงทุนสายเทรด
อันที่จริงแล้วก็มีประโยชน์กับนักลงทุนทุกกลุ่ม แม้แต่นักลงทุนเน้นคุณค่า หรือ VI ที่เราคุ้นเคยกัน เพียงแค่เลือกใช้อย่างถูกต้อง
ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เนื้อหาจากบทความนี้ ก็น่าจะพอช่วยให้เราเข้าประโยชน์ และแนวทางการใช้งานของ Futures ที่มีอยู่ในตลาด TFEX ได้มากขึ้น
พร้อมกับลับคมความคิด และช่วยให้เราได้เตรียมวางแผนรับมือ กับเหตุการณ์วิกฤติและความผันผวนของตลาด ที่มีโอกาสจะเกิดขึ้น ในอนาคตต่อจากนี้ ได้ไม่มากก็น้อยเลย..
สำหรับผู้สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับสินค้าและแนวทางการใช้ TFEX เพิ่มเติม สามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://s.setth.org/hwh
#TFEX #ลงทุน #หุ้น
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นการให้ข้อมูลเพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนการตัดสินใจลงทุน
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.