
มุโคโยชิ กลยุทธ์สืบทอดธุรกิจ ที่ทำให้ Nintendo และ Suzuki อยู่ได้เป็น 100 ปี
14 ส.ค. 2025
จากการสำรวจบริษัทที่มีอายุมากกว่า 200 ปีทั่วโลก ในรายชื่อเหล่านั้นมากกว่าครึ่ง ล้วนเป็นบริษัทญี่ปุ่น
หนึ่งในคำอธิบายที่น่าสนใจคือ ธุรกิจญี่ปุ่นที่อยู่รอดได้นับศตวรรษ ไม่ได้มีแค่เทคโนโลยี เงินทุน หรือระบบบริหารจัดการที่ดีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการส่งต่อธุรกิจอย่างเป็นระบบในแบบฉบับของญี่ปุ่นเองด้วย
กลยุทธ์ที่ว่านี้คือ “婿養子” อ่านว่า “มุโคโยชิ” ซึ่งถูกใช้เพื่อสืบทอดกิจการในหลายธุรกิจของญี่ปุ่น
แม้แต่บริษัทที่เรารู้จักดีอย่าง Nintendo และ Suzuki Motor ก็เคยมีการใช้มุโคโยชิในบางช่วง
หากอยากรู้ว่าเรื่องราวนี้เป็นอย่างไร ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
หากพูดถึงบุตรบุญธรรม หลายคนมักนึกถึง การรับเด็กคนหนึ่งมาเลี้ยงดูในฐานะลูกแท้ ๆ
แต่ในประเทศญี่ปุ่น แนวคิดนี้มีบริบทที่แตกต่างออกไป เพราะการรับบุตรบุญธรรมที่นั่น ส่วนใหญ่ไม่ใช่เด็กแต่เป็นผู้ใหญ่
จนถูกเรียกกันติดปากว่า “การรับผู้ใหญ่บุญธรรม”
ธรรมเนียมนี้มีรากฐานมาจากระบบกฎหมายและโครงสร้างสังคมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นในอดีต ที่ให้ความสำคัญกับระบบครอบครัวแบบปิตาธิปไตย กำหนดให้ทรัพย์สินและธุรกิจต้องตกทอดผ่านทางฝ่ายชาย
หัวหน้าครอบครัวจะเป็นผู้ชายที่อายุมากที่สุดในตระกูล และมีอำนาจเด็ดขาดเหนือสมาชิกคนอื่น ๆ ทั้งทรัพย์สินและกิจการจะตกทอดไปยังลูกชายคนโตเป็นหลัก
ครอบครัวที่มีแต่ลูกสาว จึงต้องหาทางออกใหม่ในการรักษาชื่อสกุลและธุรกิจของตระกูลเอาไว้ โดยการหาลูกชายเพิ่ม
ผ่านการคัดเลือกชายหนุ่มที่มีความสามารถมาแต่งงานกับลูกสาวของบ้านและเปลี่ยนนามสกุลมาเป็นของฝ่ายหญิงเพื่อสืบทอดทั้งชื่อสกุลและทำหน้าที่ในฐานะทายาททางธุรกิจ
ธรรมเนียมนี้เรียกว่า มุโคโยชิ (婿養子)
หรือ “ลูกเขยที่เป็นบุตรบุญธรรม”
พูดง่าย ๆ ก็คือ การรับบุตรชายบุญธรรมมาแต่งงานกับลูกสาว เพื่อรับช่วงต่อของธุรกิจ นั่นเอง
แม้หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กฎหมายจะยกเลิกไปแล้ว
แต่เนื่องจากมุโคโยชิถูกใช้ต่อเนื่องมาหลายชั่วอายุคน จึงยังคงมีบทบาทอยู่ในบริษัทญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม การรับบุตรบุญธรรม ทั้งแบบทั่วไปและลูกเขยที่เป็นบุตรบุญธรรมอย่างมุโคโยชิ ยังมีผลทางกฎหมายที่ส่งผลต่อเรื่องภาษีมรดกโดยตรงด้วย
เพราะในระบบภาษีมรดกของญี่ปุ่น จำนวนทายาทโดยชอบธรรมจะช่วยลดภาระภาษีโดยตรง ยิ่งมีทายาทเพิ่มขึ้น ก็จะได้รับค่าลดหย่อนภาษีมากขึ้น ทำให้มูลค่ามรดกที่จะต้องนำไปคำนวณภาษีลดลงตามไปด้วย
หลังจากเข้าใจแล้วว่ามุโคโยชิคืออะไร ลองมาดูตัวอย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากการใช้กลยุทธ์มุโคโยชิกัน
เริ่มจาก Nintendo บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ระดับโลก ที่เริ่มต้นจากธุรกิจผลิตไพ่ฮานาฟูดะ หรือไพ่แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น
ที่ก่อตั้งโดยคุณ Fusajiro Yamauchi
แต่ความน่าสนใจคือ คุณ Fusajiro เดิมเขาไม่ได้นามสกุล Yamauchi มาตั้งแต่แรก เดิมทีเขานามสกุล Fukui ก่อนที่จะเป็นมุโคโยชิที่แต่งงานเข้าตระกูล Yamauchi ซึ่งดำเนินธุรกิจขายปูน
หลังจากเข้ามาอยู่ในตระกูลไม่นาน เขามองเห็นโอกาสทางธุรกิจในตลาดไพ่ฮานาฟูดะที่กำลังเติบโต เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นผ่อนคลายเงื่อนไขการเล่นการพนัน
เลยตัดสินใจก่อตั้งบริษัท Nintendo Koppai ขึ้นมา ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของบริษัทเกมยักษ์ใหญ่ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
จนเมื่อคุณ Fusajiro ต้องส่งต่อธุรกิจ แต่ตัวเขาเองมีแต่ลูกสาวไม่มีลูกชาย ก็ใช้ธรรมเนียมมุโคโยชิเพื่อรับคุณ Sekiryo มาเป็นลูกเขยบุญธรรมเช่นกัน
ทำให้คุณ Sekiryo Yamauchi ก้าวขึ้นมาเป็นประธานคนที่ 2 ของบริษัทต่อจากตัวเขานั่นเอง
นอกจากกรณีของ Nintendo แล้ว เรื่องราวของ Suzuki Motor ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจของการใช้กลยุทธ์ มุโคโยชิเช่นกัน
นั่นคือ คุณ Osamu Suzuki อดีต CEO ผู้พลิกโฉม Suzuki Motor ให้กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น
เดิมทีคุณ Osamu เป็นนายธนาคาร แต่ได้รับการคัดเลือกจากตระกูล Suzuki ให้มาแต่งงานกับหลานสาวของผู้ก่อตั้ง และเปลี่ยนมาใช้นามสกุล Suzuki เพื่อสืบทอดกิจการ
เขาถือว่าเป็นบุคคลสำคัญในการขับเคลื่อนบริษัทจนเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ Suzuki Motor เป็นผู้ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ชั้นนำของโลกจนถึงทุกวันนี้
จากเรื่องราวของ Nintendo และ Suzuki Motor จะเห็นได้ชัดเจนว่ากลยุทธ์มุโคโยชิ ไม่ใช่เพียงแค่การแก้ปัญหาเรื่องการสืบทอดธุรกิจเมื่อไม่มีลูกชายเท่านั้น
แต่กลับกลายเป็นเครื่องมือการคัดเลือกผู้นำที่มีศักยภาพให้มาขับเคลื่อนธุรกิจ
และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจญี่ปุ่นสามารถส่งต่ออำนาจและขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างมีคุณภาพและยั่งยืนยาวนานกว่า 100 ปี
#ธุรกิจ
#โมเดลธุรกิจ
#ญี่ปุ่น
References