กองทุนต้นโพธิ์ Hedge Fund ของคนไทย ที่ทำผลตอบแทนได้ 1,200%

กองทุนต้นโพธิ์ Hedge Fund ของคนไทย ที่ทำผลตอบแทนได้ 1,200%

26 ม.ค. 2024
กองทุนต้นโพธิ์ Hedge Fund ของคนไทย ที่ทำผลตอบแทนได้ 1,200% | MONEY LAB
เมื่อพูดถึงกองทุน Hedge Fund หลายคนมักจะนึกถึง กองทุนระดับโลก จากสหรัฐอเมริกา
อย่างเช่น กองทุน Bridgewater Associates ของคุณ Ray Dalio หรือกองทุน Renaissance Technologies ของคุณ Jim Simons
แต่รู้หรือไม่ว่า กองทุน Hedge Fund สัญชาติไทยก็มีอยู่เช่นกัน ที่ชื่อว่า “กองทุนต้นโพธิ์” หรือ Ton Poh Fund
และผลตอบแทนที่ทางกองทุนทำได้ ก็ดีไม่แพ้กับ Hedge Fund ชื่อดังหลาย ๆ กองเลยทีเดียว
เพราะในช่วง 18 ปีที่ผ่านมา คือระหว่างปี 2005-2023 ทางกองทุนสามารถทำผลตอบแทน เอาชนะดัชนีหุ้นของประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้ง S&P 500 และ NASDAQ ได้
แถมยังทำผลตอบแทนรวมตลอด 18 ปี ได้สูงถึง +1,200% เลยทีเดียว
พูดให้เห็นภาพก็คือ ถ้าหากเมื่อ 18 ปีก่อน เรานำเงิน 1,000,000 บาท ไปลงทุนในกองทุนนี้ วันนี้ เงินก้อนนั้น จะกลายเป็นเงิน 13,000,000 บาท..
หากสงสัยว่า ผู้บริหารกองทุนต้นโพธิ์คือใคร ? และมีหลักการลงทุนอย่างไร ?
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน ให้เข้าใจ
แม้จะเป็น Hedge Fund ที่ก่อตั้ง และบริหารโดยคนไทย แต่บริษัท Ton Poh Capital เจ้าของกองทุนต้นโพธิ์นั้น จดทะเบียนอยู่ในหมู่เกาะเคย์แมน
กองทุนนี้ ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 โดยมีคุณอธิไกร จาติกวณิช หรือคุณจี๊ป เป็นทั้งผู้ก่อตั้งและผู้จัดการกองทุน
นโยบายการลงทุนของกองทุนนี้คือ เน้นการลงทุนระยะยาว ในบริษัทขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และจะไม่มีการกู้เงินเพื่อนำมาลงทุนเลย
ซึ่งค่อนข้างแตกต่างกับกองทุน Hedge Fund ทั่วไป ที่มักจะมีการใช้เงินกู้ยืมลงทุน หรือ Leverage เพื่อเพิ่มผลตอบแทน ให้ชนะตลาดในสัดส่วนที่มากขึ้นไปอีก
สำหรับหลักการลงทุนของกองทุนต้นโพธิ์ จะสามารถสรุปออกมาได้ 3 ข้อ ดังนี้
วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท อย่างละเอียด
กองทุนต้นโพธิ์จะคัดกรองหุ้นที่จะลงทุน ด้วยการวิเคราะห์บริษัท จากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทอย่างละเอียด ตั้งแต่คุณภาพการทำธุรกิจ, งบการเงิน ไปจนถึงการวิเคราะห์มูลค่าที่แท้จริง
วิธีการคัดกรองหุ้นแบบนี้ เรียกว่าวิธี Bottom Up ซึ่งให้ความสำคัญกับการมองภาพเล็ก อย่างพื้นฐานของตัวบริษัทเอง มากกว่าภาพใหญ่ อย่างอุตสาหกรรม และปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค
สำหรับคุณสมบัติสำคัญของบริษัท ที่กองทุนจะเข้าไปลงทุน จะประกอบด้วย
มีอัตราผลตอบแทนต่อเงินลงทุนที่ดี และยั่งยืนสามารถรักษาศักยภาพในการทำกำไร ได้อย่างยั่งยืนมีกระแสเงินสดอิสระที่แข็งแกร่ง และยั่งยืนมีความสามารถที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืน ในระยะยาวบริษัทต้องมีนโยบาย ในการรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น, มีธรรมาภิบาล และเน้นทำธุรกิจด้วยนโยบายที่ยั่งยืน
ลงทุนหุ้นศักยภาพสูง ที่ไม่มีใครรู้จัก อย่างมีโฟกัส
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า กองทุนมีนโยบายลงทุน ในหุ้นของบริษัทขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่มีศักยภาพในการเติบโตได้สูง ในระยะยาว
เหตุผลก็เนื่องมาจาก บริษัทเหล่านี้ มักจะไม่ค่อยมีนักวิเคราะห์ และนักลงทุนสถาบัน อย่างเช่น กองทุนต่าง ๆ มาให้ความสนใจมากนัก ราคาหุ้นจึงยังไม่แพงมาก
เพราะฉะนั้น เมื่อกองทุนเข้าไปลงทุนในบริษัทเหล่านี้ ในช่วงที่มูลค่าหุ้นยังต่ำ เมื่อเวลาผ่านไป ถ้าบริษัทสามารถเติบโตขึ้นมา จนมีมูลค่าสูงขึ้นได้
กองทุนก็จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงมาก ซึ่งหุ้นแบบนี้ ก็คือหุ้นที่เรามักจะเรียกกันว่า หุ้นที่มี Upside สูงนั่นเอง
นอกจากนี้ ทางกองทุนต้นโพธิ์ จะลงทุนในหุ้นเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น เพื่อที่จะได้โฟกัสกับการลงทุน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
แม้ว่าทางกองทุนจะมีนโยบายการลงทุนแบบโฟกัสก็จริง แต่ก็มีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสมด้วย
โดยกองทุนจะลงทุนในบริษัทจากหลากหลายอุตสาหกรรม และจะคงสัดส่วนการถือหุ้นในแต่ละบริษัท ที่ไม่มากจนเกินไป
เช่น ถือหุ้น 10 ตัว ตัวละ 10% ของพอร์ต หรือหุ้นบางตัวที่ทางผู้จัดการกองทุนมีความมั่นใจมาก ก็อาจจะถือเป็นสัดส่วนมากที่สุดในพอร์ต แต่ก็ยังไม่เกิน 20% ของพอร์ต
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราคงรู้กันดีขึ้นแล้วใช่ไหมว่า กองทุน Hedge Fund ของคนไทยกองนี้ มีหลักการลงทุนอย่างไร
ถึงสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูง และยั่งยืน ให้กับนักลงทุนได้แบบนี้
จะว่าไปแล้ว หลักการลงทุนของกองทุนต้นโพธิ์นั้น ก็ถือว่าเป็นหลักการเดียวกัน กับหลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่าเลย
คือการซื้อหุ้นของบริษัทที่ดี มีธรรมาภิบาล ซึ่งยังอยู่นอกสายตาของนักลงทุนส่วนใหญ่ ในราคาที่ยุติธรรม
พร้อมกับถือเอาไว้ จนถึงวันที่ราคาหุ้น ได้สะท้อนถึงมูลค่าที่แท้จริง..
หมายเหตุ: กองทุนต้นโพธิ์ ได้ประกาศว่าจะปิดตัวลง ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว และกำลังทยอยคืนเงินให้ผู้ถือหน่วยลงทุน ภายในไตรมาสแรกของปีนี้
ซึ่งสาเหตุที่กองทุนปิดตัวลง ก็เนื่องมาจากว่า ทางคุณจี๊ป เห็นว่าตลาดหุ้นไทยมีความน่าดึงดูดน้อยลงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับตลาด​หุ้น​ใน​ภูมิภาคอื่น ๆ
References
-https://www.tonpoh.com/index.html
-https://www.eurekahedge.com/Research/News/981/Interview-with-Brook-Tellwright-CEO-of-Ton-Poh-Capital
-https://optimise.kkpfg.com/cover_story_3.php
-หนังสือ Stay the Course: The Story of Vanguard and the Index Revolution (2018) โดย John C. Bogle
-หนังสือ The Little Book of Common Sense Investing: The Only Way to Guarantee Your Fair Share of Stock Market Returns (Little Books, Big Profits) (2017) โดย John C. Bogle
-หนังสือ Enough: True Measures of Money, Business, and Life (2008) โดย John C. Bogle
-หนังสือ Skill versus luck: do actively managed equity mutual funds benefit investors in Thailand? (2020) โดย Chirasin Siriprachai
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.