“ดีอาร์คองโก” ประเทศยากจน ที่มีทรัพยากร 806,640,000 ล้านบาท

“ดีอาร์คองโก” ประเทศยากจน ที่มีทรัพยากร 806,640,000 ล้านบาท

24 ก.พ. 2023
“ดีอาร์คองโก” ประเทศยากจน ที่มีทรัพยากร 806,640,000 ล้านบาท - BillionMoney
“806,640,000,000,000 บาท” คือมูลค่าของแร่ธาตุ ที่ถูกประมาณการโดย UNEP ว่าฝังอยู่ใต้ผืนดินของประเทศดีอาร์คองโก หรือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก
ด้วยมูลค่าทรัพยากรธรรมชาติ อันมากมายมหาศาลขนาดนี้ การขุดแร่เหล่านั้นขึ้นมาใช้ ก็คงจะทำให้ดีอาร์คองโก กลายเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ อันแสนร่ำรวยได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตาม ในปี 2021 ที่ผ่านมา ประเทศดีอาร์คองโก ได้ถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ยากจนที่สุด อันดับ 9 ของโลก ด้วย GDP ต่อหัวที่ 19,400 บาทต่อปี
ถ้าหากคุณสงสัย ว่าเพราะเหตุใด ดีอาร์คองโก ยังคงเป็นประเทศยากจน แม้ตั้งอยู่บนผืนดินที่มีแร่ธาตุมูลค่ามหาศาลเช่นนี้ ?
BillionMoney จะย่อยให้เข้าใจ
แร่ธาตุที่สำคัญที่สุด สำหรับประเทศดีอาร์คองโกก็คือ แร่โคบอลต์ ซึ่งปริมาณของแร่โคบอลต์ ที่ฝังอยู่ใต้ผืนดินของประเทศดีอาร์คองโกนั้น คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่ง ของปริมาณแร่โคบอลต์ทั่วทั้งโลก
โดยแร่โคบอลต์ เป็นแร่ธาตุสำคัญที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ จึงมีการขุดแร่โคบอลต์ขึ้นมาใช้ประโยชน์เป็นจำนวนมาก ทำให้ดีอาร์คองโกกลายเป็นผู้ผลิตแร่โคบอลต์ อันดับ 1 ของโลก
นอกจากแร่โคบอลต์แล้ว ประเทศดีอาร์คองโกนั้น มีแร่ธาตุที่สำคัญอีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ทองแดง, อัญมณี, ดีบุก, แทนทาลัม และลิเทียม อีกด้วย
แต่ถึงดีอาร์คองโกจะมีสินแร่อันมีค่ามากมาย แต่สาเหตุที่ชาวคองโก ยังคงมีสภาพความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้น ก็เนื่องมาจากการทำเหมือง ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เงินทุนจำนวนมาก
เริ่มตั้งแต่การค้นหาสายแร่ ที่ต้องใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีขั้นสูง ตามด้วยการประมูลสัมปทานจากภาครัฐ และลงทุนในเครื่องจักร พร้อมทั้งก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ
ด้วยค่าใช้จ่ายที่มหาศาล ในการจะขุดแร่มีค่าขึ้นมาแบบนี้ ประเทศที่ยากจนอย่างดีอาร์คองโกนั้น ไม่มีทางที่จะหาเงินทุนจำนวนมากมายขนาดนั้นมาได้แน่นอน
ผลประโยชน์ส่วนใหญ่จึงตกไปอยู่กับบริษัทต่างชาติ ที่มีเงินทุนถึงและมีเทคโนโลยีพร้อม ส่วนรัฐบาลดีอาร์คองโก ก็ได้เงินสัมปทานที่มีมูลค่าเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับมูลค่าของแร่ธาตุที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์
ส่วนเหตุผลที่ดีอาร์คองโก ไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อขุดแร่ขึ้นมาใช้เสียเอง ก็เนื่องมาจากดีอาร์คองโก ต้องเผชิญกับความขัดแย้งอยู่ตลอดเวลา
ทั้งจากความขัดแย้งภายใน เนื่องจากดีอาร์คองโก ประกอบไปด้วยหลายชนเผ่า จนทำให้เกิดความขัดแย้งทางเชื้อชาติบ่อยครั้ง
อีกทั้งทรัพยากรธรรมชาติอันมหาศาล ยังเป็นเหมือนทุกขลาภ จากการที่แร่ธาตุมีค่า กลายเป็นสิ่งล่อตาล่อใจ ให้ประเทศเพื่อนบ้าน รวมไปถึงประเทศมหาอำนาจ พยายามเข้ามาแทรกแซงการเมืองของประเทศ
จนทำให้รัฐบาลของดีอาร์คองโก ที่ถูกแทรกแซงอยู่ตลอด แถมมีการคอร์รัปชันทั่วทุกหัวระแหง ไม่สามารถมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาประเทศ หรือเทคโนโลยีได้ เพราะแค่เรื่องพื้นฐาน อย่างการมีเสถียรภาพทางการเมือง ก็ยังทำได้ยากอยู่แล้ว
นอกจากนี้ การเอาสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศ ไปผูกกับทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีราคาผันผวน ก็เพิ่มความเสี่ยงให้กับประเทศดีอาร์คองโก อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2018 ที่ราคาแร่โคบอลต์ ทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ที่ราคา 93,550 ดอลลาร์สหรัฐต่อเมตริกตัน จากกระแสของรถยนต์ไฟฟ้า เศรษฐกิจของดีอาร์คองโก ก็เติบโตได้ถึง 5.8%
แต่หลังจากที่ราคาแร่โคบอลต์ ตกลงมาถึงเกือบ 70% ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปี เศรษฐกิจของดีอาร์คองโก ในปี 2020 ก็เติบโตได้เพียงแค่ 1.7% เท่านั้น
รายได้ของประเทศที่ผันผวน จากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้แบบนี้เอง ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจของดีอาร์คองโก เป็นไปได้อย่างยากลำบาก
ซึ่งด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นนี้เอง ในปัจจุบันนี้ ประชาชนชาวคองโก จึงยังคงมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากต่อไป แม้จะมีแร่ธาตุมูลค่ามหาศาลจนนับแทบไม่ไหวอยู่ใต้ผืนดิน ที่พวกเขากำลังอาศัยอยู่นี้เอง..
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.