ดอกเบี้ยลอยตัวหรือคงที่ แบบไหนดีกว่ากัน ?

ดอกเบี้ยลอยตัวหรือคงที่ แบบไหนดีกว่ากัน ?

20 ก.ค. 2022
ในช่วงที่ผ่านมามีข่าวว่าธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อบ้าน ทยอยยกเลิกดอกเบี้ยแบบคงที่ และปรับไปเป็นดอกเบี้ยแบบลอยตัว
ซึ่งการปรับเปลี่ยนนี้ ก็ล้อไปตามการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
สำหรับใครที่กำลังหาคำตอบ
ระหว่างดอกเบี้ยแบบลอยตัว กับดอกเบี้ยแบบคงที่ แบบไหนดีกว่ากัน​ ?
BillionMoney จะสรุปให้ฟัง
ปกติแล้วเวลาเราขอสินเชื่อบ้าน
ธนาคารจะมีดอกเบี้ยให้เราเลือก 2 แบบ
1. ดอกเบี้ยคงที่
2. ดอกเบี้ยลอยตัว
เริ่มจากดอกเบี้ยคงที่ ก็คืออัตราดอกเบี้ยที่มีการกำหนดตัวเลขเอาไว้อย่างชัดเจน ไม่เปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร หรือธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับดอกเบี้ยหรือไม่
เช่น ถ้าเรากู้เงิน 1,000,000 บาท ที่อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4% ต่อปี
เราจะเสียดอกเบี้ย ปีละ 40,000 บาท
ในขณะที่ดอกเบี้ยลอยตัว ก็คืออัตราดอกเบี้ยที่ปรับเปลี่ยนขึ้นหรือลงได้
ล้อไปกับดอกเบี้ยนโยบายที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
สำหรับสินเชื่อบ้านแบบดอกเบี้ยลอยตัว จะเป็นรูปแบบของ “MRR ลบค่าคงที่”
โดย MRR หรือ Minimum Retail Rate จะเป็นตัวเลขที่มีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ
ซึ่งแต่ละธนาคารก็จะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย
โครงสร้างทางการเงิน และการประเมินความเสี่ยงลูกค้าของแต่ละธนาคาร
ตัวอย่างเช่น ถ้าเรากู้เงิน 1,000,000 บาท และมีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR - 2% ต่อปี
ในปีที่ 1 ธนาคารกำหนดว่า MRR คือ 6.5%
ดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายจะเท่ากับ 4.5% ต่อปี
คิดเป็นเงิน 45,000 บาทต่อปี
พอมาในปีที่ 2 ธนาคารปรับ MRR เหลือ 5.5%
ดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายจะเท่ากับ 3.5% ต่อปี
คิดเป็นเงิน 35,000 บาทต่อปี
จะเห็นได้ว่าเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยแบบคงที่แล้ว
บางครั้งดอกเบี้ยแบบลอยตัวก็ต้องจ่ายมากกว่า แต่บางครั้งก็จ่ายน้อยกว่า
แล้วเราในฐานะลูกหนี้
เราควรจะเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบไหน ?
- อย่างในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงขึ้น
การเลือกจ่ายดอกเบี้ยแบบคงที่จะดีกว่า เหมือนอย่างที่หลายบริษัทกำลังออกหุ้นกู้แบบดอกเบี้ยคงที่อยู่ในเวลานี้
เนื่องจากลูกหนี้ได้ล็อกอัตราดอกเบี้ยเอาไว้แล้ว จึงไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้นแม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับขึ้นดอกเบี้ยก็ตาม
- ในทางกลับกัน ถ้าเราคาดการณ์ว่าในอนาคต ดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะลดลง
การเลือกจ่ายดอกเบี้ยแบบลอยตัวก็จะดีกว่า เนื่องจากเราจะได้จ่ายดอกเบี้ยถูกลง ตามสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
แต่สำหรับบางคนแล้ว อาจเลือกจ่ายดอกเบี้ยแบบคงที่ในทุก ๆ ครั้งที่ขอสินเชื่อ
เพราะได้ประโยชน์ในเรื่องความสบายใจ ไม่ต้องกังวลหรือคาดเดากับเศรษฐกิจในอนาคต
ที่มีความผันผวนสูง และยังทำให้สามารถวางแผนการเงินได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
ได้รู้มุมมองของลูกหนี้กันไปแล้ว
ในอีกมุมหนึ่งหากในสถานการณ์ที่เราเป็นเจ้าหนี้
หรือเราอยากลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้เอกชน
ดอกเบี้ยแบบไหนจะคุ้มค่ามากกว่ากัน ?
หลักการวิธีคิดนั้น ก็จะตรงข้ามกับมุมมองของลูกหนี้ คือ
ถ้าเป็นช่วงดอกเบี้ยขาลง
เราควรลงทุนในตราสารหนี้ที่จ่ายดอกเบี้ยแบบคงที่
เนื่องจากเราจะได้รับดอกเบี้ยเท่าเดิม แม้ว่าดอกเบี้ยรอบตัวจะปรับลดลง
แต่ถ้าเป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างในตอนนี้
เราก็ควรลงทุนในตราสารหนี้ที่จ่ายดอกเบี้ยแบบลอยตัว
เพราะเราจะได้รับดอกเบี้ยสูงขึ้นไปตามดอกเบี้ยรอบตัวที่ปรับตัวสูงขึ้น
ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่ตอนนี้หลายธนาคารเริ่มยกเลิกสินเชื่อแบบดอกเบี้ยคงที่ และปรับมาเป็นดอกเบี้ยแบบลอยตัวนั่นเอง
สำหรับดอกเบี้ยแบบลอยตัวของตราสารหนี้ ก็จะมีวิธีระบุหลายรูปแบบ
เช่น ปรับเปลี่ยนตามอัตราเงินเฟ้อ หรือปรับเปลี่ยนตามผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล เป็นต้น
และถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ลงทุนอะไรเลย
แต่การเข้าใจความแตกต่างของดอกเบี้ยในแต่ละแบบ
ก็จะช่วยให้เราสามารถวางแผนค่าใช้จ่าย และประหยัดเงินในฐานะลูกหนี้ได้ เช่นกัน..
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.