สรุป 4 เครื่องมือวิเคราะห์คุณภาพธุรกิจ พร้อมวิธีใช้ ช่วยให้เราเป็นนักลงทุนที่เก่งขึ้น

สรุป 4 เครื่องมือวิเคราะห์คุณภาพธุรกิจ พร้อมวิธีใช้ ช่วยให้เราเป็นนักลงทุนที่เก่งขึ้น

7 ต.ค. 2025
แก่นในการวิเคราะห์บริษัทเพื่อลงทุน จริง ๆ แล้ว มักจะประกอบไปด้วย 2 ด้าน ที่นักลงทุนให้ความสำคัญ
- ด้านปริมาณ เช่น การวิเคราะห์งบการเงินของบริษัท
- ด้านคุณภาพ คือการวิเคราะห์ความสามารถที่แท้จริงในการทำธุรกิจของบริษัท
แล้วรู้หรือไม่ว่า จุดชี้วัดสำคัญสำหรับอนาคตระยะยาวของบริษัท มักจะไม่ได้อยู่ในตัวเลขงบการเงินที่เราเห็น แต่กลับซ่อนอยู่ใน คุณภาพที่แท้จริงของธุรกิจบริษัท ต่างหาก
ถ้าเราสามารถวิเคราะห์คุณภาพได้เฉียบคม มองเห็นอนาคตได้ชัดเจน แล้วลงทุนในบริษัทแบบนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เราก็จะได้รับผลตอบแทนคุ้มค่าความพยายาม
และหากสงสัยว่า มีเครื่องมือสำคัญอะไร ที่จะมาช่วยเราวิเคราะห์คุณภาพบริษัท ก่อนที่จะลงทุนบ้าง ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
1. SWOT Analysis
คือการตรวจสอบศักยภาพโดยรวมของธุรกิจ ผ่านการวิเคราะห์ใน 4 ด้าน ถูกคิดค้นโดยคุณ Albert S. Humphrey โดย 
- S : Strengths เป็นการมองหาว่า บริษัทมีจุดแข็งในด้านไหน ที่จะสร้างข้อได้เปรียบในการทำธุรกิจ เมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันบ้าง
- W : Weaknesses เป็นการดูว่า บริษัทมีจุดอ่อนอะไรซ่อนอยู่ และจะทำให้บริษัทมีความเสียเปรียบ ในการแข่งขันบ้าง
- O : Opportunities คือการวิเคราะห์ว่า โอกาสที่ธุรกิจจะเติบโตได้ มีมากน้อยแค่ไหน และมีสิ่งใด ที่จะเป็นแรงส่งในการเติบโต
- T : Threats คือการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกทั้งหมด ที่จะส่งผลให้บริษัทต้องเจออุปสรรคในการทำธุรกิจ ว่าแต่ละเรื่องที่ต้องเจอ มีความยากหรือง่าย กว่าจะผ่านไปได้อย่างไร
ถ้าวิเคราะห์ดูแล้ว ธุรกิจมีจุดแข็งที่ยังพอสามารถปิดจุดอ่อนได้ และมีโอกาสหรือแรงส่งในการเติบโต ที่สามารถทำให้บริษัทก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ ได้ ก็ถือว่าบริษัทนี้ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต  
2. Five Forces Model
เป็นโมเดลการวิเคราะห์ภาพรวมของอุตสาหกรรม ที่บริษัททำธุรกิจอยู่ ถูกคิดค้นโดยคุณ Michael E. Porter
จะมีการวิเคราะห์ทั้งหมดอยู่ 5 ด้าน
- Barriers to Entry คือการวิเคราะห์ว่า จะมีคู่แข่งหน้าใหม่ ๆ สามารถเข้ามาแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ด้วย ได้ง่ายหรือว่ายาก
- อำนาจในการต่อรองกับลูกค้า คือการวิเคราะห์ว่า ระหว่างบริษัทกับลูกค้า ใครสามารถมีอำนาจในการต่อรอง มากกว่ากัน
- อำนาจในการต่อรองกับคู่ค้า คือการวิเคราะห์ว่า ระหว่างบริษัทกับคู่ค้าเอง ใครมีอำนาจในการต่อรอง ได้มากกว่ากัน
- สภาพการแข่งขัน เป็นการวิเคราะห์ว่า อุตสาหกรรมที่บริษัททำธุรกิจอยู่ มีการแข่งขันกันดุเดือดขนาดไหน
- ปัจจัยของสินค้าทดแทน เป็นการวิเคราะห์ว่า ลูกค้าของบริษัท จะเปลี่ยนใจจากเรา ย้ายไปเป็นลูกค้าของคู่แข่ง ได้ยากหรือง่ายแค่ไหน
ถ้าวิเคราะห์แล้ว พบว่าบริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมที่มี Five Forces แต่ละด้านค่อนข้างสูง ก็หมายความว่าบริษัทเราอยู่ในอุตสาหกรรมที่ดี ซึ่งน่าจะมีแรงส่งให้เติบโตต่อไปได้
3. Economic Moat
หรือ “คูเมืองทางเศรษฐกิจ” คือหลักการในการวิเคราะห์ธุรกิจ ที่นักลงทุนในตำนานอย่าง คุณปู่ Warren Buffett และคุณ Charlie Munger ใช้เพื่อมองหาบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
- Cost Advantage เป็นการวิเคราะห์ความได้เปรียบด้านต้นทุนในการทำธุรกิจของบริษัท
เพราะบริษัทที่มีความได้เปรียบด้านนี้ จะมีต้นทุนในการทำธุรกิจดีกว่าคู่แข่ง ส่งผลให้ทำอัตรากำไรได้ดีกว่า
- Efficient Scale เป็นการวิเคราะห์ว่า บริษัทมีความได้เปรียบด้านขนาด เมื่อเทียบกับคู่แข่งเจ้าอื่นหรือไม่
บริษัทที่มีขนาดใหญ่กว่า มักจะมีความได้เปรียบในการทำธุรกิจมากกว่า
ทั้งในด้านของ Economies of Scale คือยิ่งธุรกิจของบริษัทเติบโต ต้นทุนในการทำธุรกิจต่อหน่วย ก็จะยิ่งลดลง
และแถมยิ่งบริษัทเติบโตมากขึ้น บริษัทก็จะยิ่งเก่งขึ้น ทำให้มีอำนาจในการต่อรองดีขึ้น
- Intangible Asset เป็นการวิเคราะห์ว่า บริษัทมีความได้เปรียบด้านสินทรัพย์ไม่มีตัวตนบางอย่าง ที่ทำให้บริษัทได้เปรียบคู่แข่งเจ้าอื่นบ้างหรือไม่
ความได้เปรียบทางด้านนี้ของแต่ละบริษัท ก็มีอยู่หลายอย่าง เช่น มีสิทธิบัตรที่ยังไม่หมดอายุ หรือมีแบรนด์ของสินค้าที่แข็งแกร่ง เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนก็ได้
- Switching Costs คือการวิเคราะห์ว่า โอกาสที่ลูกค้าจะเปลี่ยนใจจากบริษัท และเลือกย้ายไปเป็นลูกค้าของคู่แข่งแทน มีมากน้อยแค่ไหน
หากมีน้อย ก็อาจจะหมายความว่า ลูกค้าผูกพันกับบริการของบริษัท หรือการเปลี่ยนไปใช้ของคู่แข่ง น่าจะสร้างความลำบากให้กับลูกค้ามากกว่า
ถ้าวิเคราะห์ออกมาแล้ว พบว่าบริษัทมี Economic Moat ที่ค่อนข้างสูงในแต่ละด้าน ก็หมายความว่าบริษัทมีแนวโน้มที่จะทำกำไรเหนือกว่าคู่แข่งได้ในระยะยาว เพราะคู่แข่งทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ แข่งขันด้วยได้ยาก 
4. 7 Powers
เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ ไว้ใช้วิเคราะห์คุณภาพของธุรกิจในเชิงลึก ที่โด่งดังมากในยุคนี้
ถูกคิดค้นขึ้นโดยคุณ Hamilton Helmer ซึ่งเป็นนักกลยุทธ์ธุรกิจ และนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ
การวิเคราะห์จะมีอยู่ทั้งหมดใน 7 ด้าน
- Power 1 : Counter Positioning
ใช้วิเคราะห์ว่า บริษัทมีกลยุทธ์ที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจนหรือไม่
- Power 2 : Cornered Resource
ใช้วิเคราะห์ว่า บริษัทมีสินทรัพย์บางอย่างในการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อบริษัท โดยที่คู่แข่งไม่สามารถลอกเลียนแบบได้หรือไม่
- Power 3 : Scale Economies
ใช้วิเคราะห์ว่า บริษัทมีความได้เปรียบในด้านต้นทุนการทำธุรกิจ มากกว่าคู่แข่งเจ้าอื่นหรือไม่
- Power 4 : Network Economies
ใช้วิเคราะห์ว่า บริษัทมีเครือข่ายผู้ใช้งาน ที่เมื่อยิ่งเติบโตขึ้น จะยิ่งสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจได้มากขึ้นหรือไม่
- Power 5 : Branding
ใช้วิเคราะห์ว่า แบรนด์ของบริษัท มีความแข็งแกร่ง ประทับอยู่ในใจของลูกค้า ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์ของบริษัทหรือไม่
- Power 6 : Switching Costs
ใช้วิเคราะห์ว่า ลูกค้าจะเปลี่ยนไปใช้บริการของคู่แข่งได้ยากหรือไม่
- Power 7 : Process Power
ใช้วิเคราะห์ว่า บริษัทมีกระบวนการในการทำงาน ที่ส่งเสริมให้บริษัทสร้างประสิทธิภาพ และคุณภาพได้สูง โดยที่คู่แข่งลอกเลียนแบบได้ยากหรือไม่
ถ้าเราวิเคราะห์แล้ว พบว่าบริษัทมี 7 Powers แต่ละด้านที่สูง ก็แปลว่าบริษัทนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตไปเป็นผู้ชนะในระยะยาว ของอุตสาหกรรมนี้ในอนาคต 
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราน่าจะเข้าใจกันดีขึ้นแล้วว่า เครื่องมือทั้ง 4 อย่างที่ว่ามา มีความสำคัญในการช่วยเราวิเคราะห์ธุรกิจอย่างไร
ในโลกของการลงทุน เราจะมองแค่อดีตที่ผ่านมา หรือมองแค่ตัวเลขที่เราเห็น แล้วคิดเอาว่า บริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทที่ดี น่าลงทุน เพียงแค่นี้ไม่ได้
เพราะอย่างที่รู้กันว่า มูลค่าที่แท้จริงของบริษัท คือภาพสะท้อนของผลประกอบการ ที่จะเติบโตในอนาคตของบริษัท ไม่ใช่แค่เพียงข้อมูลในอดีต ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
สิ่งสำคัญ ที่จะทำให้บริษัทเติบโตต่อไปได้ในระยะยาว ก็คือ ความสามารถในการแข่งขันของบริษัท
หากเราฝึกฝน โดยนำเครื่องมือเหล่านี้ ไปใช้บ่อย ๆ ต่อไปการวิเคราะห์ของเราก็จะยิ่งเฉียบคมมากขึ้น
และในสักวัน ด้วยวิธีการเหล่านี้ บวกกับการพยายามอย่างไม่ท้อถอย เราก็อาจจะพบบริษัทคุณภาพดี ที่ลงทุนแล้วจะช่วยเปลี่ยนชีวิตของเราได้นั่นเอง..
#ลงทุน
#หลักการลงทุน
#มือใหม่ลงทุน
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.