FCF Conversion ตัวช่วยไม่ให้ โดนกำไรในงบการเงิน หลอกตา

FCF Conversion ตัวช่วยไม่ให้ โดนกำไรในงบการเงิน หลอกตา

26 ก.ย. 2025
ที่ผ่านมา ทุกท่านที่อ่านบทความของ MONEY LAB อยู่เป็นประจำ คงจะต้องคุ้นเคยกับคำว่า “กระแสเงินสดอิสระ” กันเป็นอย่างดี
เพราะทางเพจ ได้กล่าวถึงเครื่องมือนี้ พร้อมกับนำมาใช้วิเคราะห์คุณภาพของบริษัทให้ดู ผ่านหลากหลายบทความ
แต่รู้หรือไม่ว่า ยังมีเครื่องมืออีกอย่างหนึ่ง ที่ต่อยอดมาจากกระแสเงินสดอิสระ ไว้ช่วยหาคำตอบว่า
“กำไรที่เราเห็น จะเปลี่ยนมาเป็นเงินสด ได้ดีแค่ไหน ?”
เรากำลังพูดถึง Free Cash Flow Conversion
หรือเรียกย่อ ๆ ว่า FCF Conversion
หากสงสัยว่า FCF Conversion ทำไมจึงมีความสำคัญ และเราจะนำหลักคิดจากเรื่องนี้ ไปใช้ประโยชน์ในการลงทุนจริง ได้อย่างไร ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
สำหรับ FCF Conversion มีวิธีในการคำนวณหาง่าย ๆ ภายในแค่ 2 ขั้นตอนเท่านั้น
1. เริ่มต้นด้วย “กระแสเงินสดอิสระ”
กระแสเงินสดอิสระ หรือ Free Cash Flow คือเงินสดที่คงเหลืออยู่ หลังจากหักค่าใช้จ่ายลงทุนทำธุรกิจทุกอย่าง ไปหมดแล้ว
บริษัทสามารถนำเงินสดเหล่านี้ ไปจ่ายเป็นเงินปันผล, ซื้อหุ้นคืน หรือจ่ายคืนหนี้ก็ได้
คำนวณหาได้จาก
เงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน - ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน
ตัวอย่างเช่น บริษัท A มี
- เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงาน 1,000 ล้านบาท
- ค่าใช้จ่ายในการลงทุน 500 ล้านบาท
จะได้กระแสเงินสดอิสระ เท่ากับ 500 ล้านบาท
2. คำตอบจะถูกเฉลยผ่าน FCF Conversion
ทีนี้ เราก็สามารถคำนวณหา FCF Conversion ได้แล้ว โดยนำ
(กระแสเงินสดอิสระ / กำไรสุทธิ) x 100%
ลองมาดูตัวอย่างจากบริษัท A กันต่อ โดยสมมติว่ามี
- กำไรสุทธิ 800 ล้านบาท
- และกระแสเงินสดอิสระ 500 ล้านบาท
เราก็จะได้ FCF Conversion เท่ากับ (500 / 800) x 100% = 62.5%
หมายความว่า จากกำไรสุทธิที่เราเห็นในงบการเงิน ทุก ๆ 100 บาท ความจริงแล้ว สามารถแปลงมาเป็นกระแสเงินสดจริง ๆ ได้เพียงแค่ 62.5 บาท เท่านั้น..
อย่างไรก็ตาม เวลาเราจะนำค่า FCF Conversion ไปใช้งานจริง ให้มีความน่าเชื่อถือที่สุด เราก็ควรจะวิเคราะห์ย้อนหลังไปสักหลาย ๆ ปี เพื่อเช็กความต่อเนื่องของผลประกอบการด้วย
ถ้าค่าที่ได้ ใกล้เคียง 100% หรือมากกว่า อย่างสม่ำเสมอ ก็ตีความได้ว่า กำไรที่เราเห็นในงบการเงินก็ถือว่าน่าเชื่อถือ
บริษัทแบบนี้มักจะมีคุณภาพดี เพราะเมื่อทำธุรกิจไปแล้ว สามารถสร้างกระแสเงินสดกลับมาได้คุ้มค่าพอ จนสอดคล้องกับกำไร
แต่ถ้าพบว่า ค่าที่ได้น้อยกว่า 100% มาก ๆ อยู่บ่อยครั้ง แบบนี้เราก็อาจจะต้องระวัง
และตั้งข้อสงสัยเอาไว้ก่อนว่า ทำไมกำไรและกระแสเงินสดอิสระของบริษัท ถึงไม่ค่อยสอดคล้องกันเลย บริษัทอาจจะกำลังมีปัญหาบางอย่างที่เราไม่รู้ ซ่อนอยู่ก็เป็นได้
เช่น ทำธุรกิจแล้ว เก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้ หรือจ่ายเงินลงทุนมากเกินไป แต่ได้ผลตอบแทน กลับมาไม่คุ้มค่าเลย
ซึ่งจะเห็นได้ว่า แม้ FCF Conversion จะค่อนข้างคล้ายคลึงกันกับ FCF Margin ที่เป็นการนำ กระแสเงินสดอิสระ มาหารด้วยรายได้ 
แต่ในขณะที่ FCF Margin จะใช้ดูเพื่อวัดว่าการเติบโตของผลประกอบการ โดยเฉพาะรายได้ สามารถสร้างกระแสเงินสด ให้บริษัทอยู่ต่อไปได้จริง ๆ หรือไม่ 
FCF Conversion จะใช้ดู “ความน่าเชื่อถือ” ของกำไรสุทธิ ว่าที่แสดงอยู่ในงบกำไรขาดทุนนั้น เป็นเงินสดเข้ากระเป๋าเจ้าของกิจการจริง ๆ เท่าไรกันแน่  
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็คงเข้าใจแล้วว่า ทำไม FCF Conversion จึงสำคัญ และเหตุใด เราจึงควรตรวจสอบกำไรสุทธิที่เราเห็นในงบการเงิน ก่อนจะลงทุนเสมอ
คำตอบก็คือ “เพราะกำไรที่เราเห็น ไม่เท่ากับ กระแสเงินสดที่บริษัททำได้จริง”
กำไรสุทธิ คือสิ่งที่บริษัทคาดว่าจะได้รับกลับมา หลังหักค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจ
แต่กระแสเงินสดอิสระ กลับจะช่วยยืนยันคุณภาพของผลประกอบการนั้น ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ในบางครั้ง บริษัทที่เราเห็นว่า ดูจะทำกำไรได้ดี มีการเติบโตต่อเนื่อง ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นบริษัทคุณภาพดีแต่อย่างใด
เพราะความจริงแล้ว บริษัทอาจจะสร้างกระแสเงินสดกลับมา ได้ไม่ดีก็ได้ เช่น
- บริษัทขายสินค้าไปแล้ว แต่ลูกค้ากำลังมีปัญหา ไม่มีเงินจ่าย ทำให้บริษัทเก็บเงินไม่ได้ จนต้องตั้งสำรองหนี้เสีย
- กระแสเงินสดที่ได้รับจากการทำธุรกิจ น้อยกว่ากระแสเงินสดที่จ่ายออกไป
ส่งผลให้เงินสดที่มีอยู่ในบริษัทร่อยหรอ จนบริษัทต้องก่อหนี้เพิ่ม เพื่อต่อลมหายใจให้อยู่รอด
แต่หากบริษัทไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือทำให้กระแสเงินสดเข้า มากกว่าเงินสดที่จ่ายออกไป
ปัญหาของบริษัท ก็จะไม่มีวันจบสิ้น จะต้องพยายามกู้เงินเพิ่มไปเรื่อย ๆ จนถึงวันที่ปัญหาของบริษัทได้ระเบิดออกมา พร้อมกันกับไม่สามารถขอกู้เงินเพิ่มได้อีกแล้ว
ภาพตอนจบของบริษัทแบบนี้ ที่เรามักจะได้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ ตามข่าวสารในวงการตลาดหุ้นไทย ก็จะหนีไม่พ้นเหตุการณ์อย่างเช่น
- ขอผ่อนผันการชำระหนี้
- ทำการเพิ่มทุน
- ยื่นฟื้นฟูกิจการ
- และการยอมปล่อยให้บริษัทล้มละลายลง
ขอสรุปกันสั้น ๆ แบบนี้อีกครั้งว่า การมองหาบริษัทคุณภาพดี ก่อนจะลงทุน เราจะต้องไม่เชื่อแค่กำไรที่เห็น
แต่เราจะต้องมองให้ทะลุภาพลวงตา ไปเห็นถึงความสามารถ ในการสร้างกระแสเงินสดที่แท้จริงของบริษัทด้วย
บริษัทที่มีคุณภาพดีจริง ๆ กำไรสุทธิและกระแสเงินสดอิสระ ก็ควรจะเติบโตสอดคล้องกันไป ตามกาลเวลา นั่นเอง..
#ลงทุน
#หลักการลงทุน
#FreeCashFlow
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.