
สรุปธุรกิจ MAGURO อาณาจักรธุรกิจอาหาร 2,600 ล้าน ที่เริ่มต้นจากเพื่อนรัก 4 คน
23 ก.ย. 2025
ในตลาดหุ้นไทย มีธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ดัง จดทะเบียนซื้อขายอยู่มากมาย
บรรดาบริษัทเหล่านี้ มีตั้งแต่แบรนด์เก่าแก่ อยู่มานาน หลาย 10 ปี และบริษัทที่เพิ่งเกิดใหม่ไม่นาน แต่มีโมเดลธุรกิจแปลกใหม่ ช่วยสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด
โดยบริษัทที่เรากำลังพูดถึงในวันนี้ ก็คือ บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO แบรนด์ร้านอาหารดัง ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จนเป็นกระแส
หากสงสัยว่า MAGURO เริ่มต้นมาได้อย่างไร และทำแบบไหน ถึงทำให้ธุรกิจเติบโตจนน่าสนใจได้แบบนี้
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
ในปี 2558 กลุ่มเพื่อนรักทั้ง 4 คน ที่มีความหลงใหลในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ได้รวมตัวกันก่อตั้งร้านอาหาร ภายใต้แบรนด์ “MAGURO”
อันมีเป้าหมายที่จะทำร้านซูชิที่ไม่ประนีประนอมเรื่องคุณภาพวัตถุดิบ ด้วยการเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่และให้รสชาติอันลึกซึ้งเหมือนกับทานที่ญี่ปุ่นจริง ๆ
โดยแบรนด์นี้ มีสาขาแรกตั้งอยู่ที่ Chic Republic บางนา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะมีลูกค้าเข้ามาต่อคิวรอรับประทานกันอย่างล้นหลาม
จนทำให้ต่อมา ทางบริษัทได้มีการขยายสาขาออกไป ตั้งอยู่ตามห้างสรรพสินค้า และคอมมิวนิตีมอลล์ ย่านพื้นที่อาศัยที่มีกำลังซื้อสูงเพิ่มขึ้น
หลังจากประสบความสำเร็จกับแบรนด์ MAGURO บริษัทก็ยังได้พยายามผลักดันการเติบโตต่อไป ผ่านการใช้กลยุทธ์แตกแบรนด์ร้านอาหารใหม่ ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้า ให้กว้างขึ้น
โดยแบรนด์เหล่านี้ มีทั้งแบบบริษัทสร้างขึ้นเอง และไปซื้อสิทธิ์จากต่างประเทศ เพื่อมาเปิดบริการในไทยด้วย
ตอนนี้มีทั้งหมด 7 แบรนด์ ได้แก่
- แบรนด์ MAGURO ร้านซูชิ และอาหารญี่ปุ่น
- แบรนด์ SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลี
- แบรนด์ HITORI SHABU ร้านชาบูเกรดพรีเมียม
- แบรนด์ TONKATSU AOKI ร้านอาหารทงคัตสึ จากญี่ปุ่น
- แบรนด์ COUCOU ร้านอาหารแบบ All Day Dining สไตล์ตะวันตก
- แบรนด์ BINCHO ร้านอาหารญี่ปุ่น สไตล์ดั้งเดิม เน้นความพิถีพิถัน จากวัฒนธรรมของญี่ปุ่นแท้
และล่าสุดคือแบรนด์ KIWAMIYA เพิ่งเปิดใหม่ในเดือนกันยายน 2568 เป็นร้านแฮมเบิร์กเนื้อวากิวชื่อดัง แห่งเมืองฟูกูโอกะ
ทีนี้เรามาดูผลประกอบการของบริษัทย้อนหลังกันบ้างดีกว่า
ปี 2566 รายได้ 1,046 ล้านบาท กำไร 72 ล้านบาท
ปี 2567 รายได้ 1,378 ล้านบาท กำไร 97 ล้านบาท
และล่าสุดคือ ครึ่งปีแรกของปี 2568 รายได้ 866 ล้านบาท กำไร 65 ล้านบาท
หากเราไปลองย่อยผลประกอบการของบริษัท ให้ออกมาเป็นสัดส่วน 100 บาท จะได้ออกมาหน้าตาประมาณนี้
ส่วนของรายได้
- แบรนด์ MAGURO คิดเป็น 56 บาท
- แบรนด์ SSAMTHING TOGETHER คิดเป็น 17 บาท
- แบรนด์ HITORI SHABU คิดเป็น 26 บาท
- แบรนด์อื่น ๆ และรวมรายได้อื่น 1 บาท
ส่วนของค่าใช้จ่าย
- ต้นทุนขายและบริการ คิดเป็น 51 บาท
- ค่าใช้จ่ายในการขาย คิดเป็น 28 บาท
- ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รวมค่าใช้จ่ายในการบริหาร, ต้นทุนทางการเงิน และภาษี รวมเป็น 13.5 บาท
สรุปเป็น จากรายได้ 100 บาทที่บริษัททำได้ จะเหลือเป็นกำไรทั้งหมด 7.5 บาท นั่นเอง
จะเห็นได้ว่ากลยุทธ์หลักของ MAGURO นั้น ค่อนข้างเน้นไปที่การแตกแบรนด์ เพื่อจับตลาดอาหารที่แตกต่างกัน แต่จะยังคงความเป็น Premium Mass ในแต่ละตลาดเหมือนเดิม
โดยทางผู้บริหารได้มองอีกด้วยว่า ทุกแบรนด์ที่เปิดนั้นต้องมีศักยภาพที่จะเปิดได้อย่างน้อย 10 สาขาขึ้นไปด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อของผู้คนที่ลดลงจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน การทำร้านอาหารให้เติบโตก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เห็นได้จากตัวเลขการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม หรือ Same Store Sales Growth ของ MAGURO ก็หดตัวมา 2 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว
ทำให้กลยุทธ์ในการแตกแบรนด์พร้อมขยายสาขา ในตลาด Premium Mass อาจจะต้องเจอกับความท้าทายมากพอสมควร ถ้าหากจะรักษาการเติบโตของผลประกอบการให้สูงต่อไปได้
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราน่าจะเข้าใจถึงเรื่องราวความเป็นมา รวมถึงแบรนด์ร้านอาหารทั้งหมด ที่ให้บริการผ่านบริษัท MAGURO กันดีขึ้นแล้ว
จากความหลงใหลในวัฒนธรรมญี่ปุ่นของเพื่อนสนิท 4 คน วันนี้ MAGURO ก็น่าจะได้กลายเป็นร้านที่ทำให้หลายครอบครัว หลายคู่รัก และหลายแก๊งเพื่อน มีเรื่องราวความทรงจำดี ๆ ร่วมกันบนโต๊ะอาหาร
และเรื่องราวเหล่านี้ ก็คือความสุข ที่มาจากบริษัทช่วยเสิร์ฟออกไป พร้อมกับทุกจาน ที่ผ่านการละเมียดละไม ตั้งใจปรุงมาอย่างดี..
#ธุรกิจ
#หุ้นไทย
#MAGURO
หมายเหตุ : บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
References
-รายงานประจำปี 2567 บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
-คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2568 บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
-Opportunity Day ไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
-Maguro Group จากร้านอาหารญี่ปุ่น สู่อาณาจักรร้านอาหาร รายได้ 1,500 ล้าน┃THE BRIEFCASE