แจก Prompt คำสั่ง AI ให้คำนวณ IRR ประกันชีวิต ใช้เทียบผลตอบแทน ได้ทุกการลงทุน
2 ก.ย. 2025
“ประกันเจ้าไหน IRR สูง” เป็นคำถามยอดฮิต สำหรับคนที่กำลังมองหาประกันสะสมทรัพย์ที่คุ้มค่าที่สุด
เมื่อก่อน ถ้าเราอยากรู้ก็ต้องคอยถามคนขายทีละเจ้า
ไม่ก็นั่งคำนวณเองแบบมึน ๆ ที่ไม่รู้ว่าผิดหรือถูก
แต่ตอนนี้ทุกอย่างง่ายกว่านั้นมาก เพราะเราสามารถใช้ AI ช่วยคำนวณ IRR ได้ทันที ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็รู้เลย
ไม่ต้องสับสนว่า แบบแผนที่ให้เงินคืนเยอะ จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเสมอไป
ยิ่งตอนนี้เหลือเวลาลดหย่อนภาษีอีกไม่กี่เดือน การเข้าใจ IRR ยิ่งจะช่วยให้เราเลือกแผนประกันได้อย่างคุ้มค่า
แถมยังเทียบผลตอบแทนกับเงินฝาก หุ้นกู้ กองทุนได้ทันที โดยไม่ต้องเดาหรือฟังแค่คำโฆษณา
ถ้าหากอยากรู้ว่าประกันที่เราสนใจ มี IRR เท่าไร และต้องสั่ง AI อย่างไรให้ตัวเลขที่ได้ออกมาถูกต้อง ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
IRR ย่อมาจาก Internal Rate of Return
หรือ อัตราผลตอบแทนต่อปีที่ได้จากการลงทุน
กรณีของประกันชีวิต IRR คือ ผลตอบแทนที่ได้จากการเปรียบเทียบเบี้ยประกันที่เราจ่ายออกไป กับเงินคืนตลอดอายุสัญญา ทั้งเงินคืนระหว่างทาง และเงินก้อนเมื่อครบกำหนด
พูดง่าย ๆ IRR ก็คือ เครื่องมือที่ช่วยให้เราเห็นว่า ประกันฉบับนี้ให้ผลตอบแทนจริง ๆ เฉลี่ยอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์ต่อปี
การหา IRR ของประกันชีวิตก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
แค่มีข้อมูลเพียง 3 อย่าง คือ
1. เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายในแต่ละปี
2. เงินคืนที่ได้รับในแต่ละปี (ถ้ามี)
3. เงินก้อนสุดท้ายเมื่อครบสัญญา
ลองมาดูตัวอย่างนี้ไปด้วยกันเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น
ประกันสะสมทรัพย์ 10/3 ทุนประกัน 100,000 บาท ซึ่งจะ
- จ่ายเบี้ยปีละ 100,000 บาท จ่าย 3 ปีแรก
- สิ้นปีที่ 1-9 รับเงินคืน 20% ของทุนประกัน
เท่ากับ 100,000 x 20% = 20,000 บาท
- ครบสัญญารับเงินคืน 165% ของทุนประกัน
เท่ากับ 100,000 x 165% = 165,000 บาท
เมื่อนำข้อมูลนี้ไปคำนวณ IRR เราก็จะมองเห็น กระแสเงินสดที่เกิดขึ้นในแต่ละปี
โดยเบี้ยประกันที่เราจ่ายออกไปเป็นกระแสเงินสดติดลบ ส่วนเงินคืน เงินครบสัญญาที่ได้รับเป็นกระแสเงินสดบวก
เมื่อเข้าใจหลักการเบื้องต้นแล้ว ลองมาดูตัวอย่างคำสั่ง (Prompt) ที่สามารถสั่งให้ AI คำนวณหา IRR ได้เลย
Cash Flows:
Year 0: -100,000
Year 1: -80,000
Year 2: -80,000
Year 3: 20,000
Year 4: 20,000
Year 5: 20,000
Year 6: 20,000
Year 7: 20,000
Year 8: 20,000
Year 9: 20,000
Year 10: 165,000
Please calculate the IRR and show the result as “% per year”.
คำตอบที่ได้คือ IRR = 2.25%
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า
ทำไมต้องเริ่มนับจาก “ปีที่ 0” ?
คำตอบคือ ทันทีที่เราตัดสินใจซื้อประกัน เราก็ต้องจ่ายเบี้ยเลย ในขณะที่ผลประโยชน์ต่าง ๆ เช่น เงินคืนหรือเงินครบสัญญามักจะได้รับในช่วงสิ้นปี
การแยกปีให้ชัดเจนแบบนี้ จะช่วยให้การคำนวณ IRR สะท้อนกระแสเงินสดได้ถูกต้องมากขึ้น
และอีกคำถามที่หลายคนน่าจะสงสัยคือ
เราสามารถส่งคำสั่งเป็นภาษาไทยได้ไหม ?
จากที่ MONEY LAB ได้ลองทดสอบดูแล้ว การใช้คำสั่งเป็นภาษาอังกฤษดูจะทำให้ AI คำนวณ IRR ได้แม่นยำกว่า
ซึ่งน่าจะเป็นเพราะว่า คำศัพท์ทางการเงินเหล่านี้ เมื่อสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ จะทำให้คลาดเคลื่อนน้อยกว่าภาษาไทย จึงช่วยเพิ่มโอกาสที่ AI จะคำนวณให้ถูกต้องตรงจุดมากกว่า
และนี่คือตัวอย่างคำสั่ง ที่เราสามารถก๊อบแล้วนำไปใส่ตัวเลขของแบบประกันที่สนใจ จากนั้นก็ให้ AI อย่าง ChatGPT หรือ Gemini คำนวณให้ได้เลย
Cash Flows:
Year 0: [เบี้ยประกันปีแรก]
Year 1: [กระแสเงินสดสุทธิ]
Year 2: [กระแสเงินสดสุทธิ]
Year 3: [กระแสเงินสดสุทธิ]
Year 4: [กระแสเงินสดสุทธิ]
…
Year N: [เงินครบสัญญา]
Please calculate the IRR and show the result as “% per year”.
เมื่อคำนวณออกมาแล้ว เราก็จะรู้ว่าแบบประกันที่เราสนใจ มีผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณเท่าไร
ซึ่งสามารถใช้เปรียบเทียบกับแบบประกันตัวอื่น ๆ ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นแบบที่มีเงินคืนทุกปีหรือแบบที่ได้เงินก้อนตอนสุดท้าย เราก็จะรู้ได้ทันทีว่าแบบไหนคุ้มกว่ากันในภาพรวม
หรือจะลองนำไปเปรียบเทียบกับทางเลือกการลงทุนอื่น ๆ อย่างเงินฝากประจำ พันธบัตร หุ้นกู้ หรือแม้แต่กองทุนรวมตราสารหนี้ ก็สามารถทำได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวเลข IRR จะช่วยให้เห็นภาพชัดว่า เงินที่จ่ายไปให้ผลตอบแทนกลับมาคุ้มค่าขนาดไหน
แต่ต้องไม่ลืมว่าหัวใจของการทำประกัน ไม่ได้อยู่ที่ผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว
เพราะประกันมีหน้าที่สำคัญคือการป้องกันความเสี่ยง โดยเฉพาะความคุ้มครองชีวิต ซึ่งไม่ได้ถูกรวมอยู่ในตัวเลข IRR นี้ด้วย
ดังนั้น IRR จึงควรเป็นเพียงหนึ่งในตัวช่วยตัดสินใจ แต่ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่เราควรเลือกใช้ในการเลือกแบบประกันที่เหมาะกับตัวเอง..
#วางแผนการเงิน
#ประกันชีวิต
#IRR
References