หุ้นกู้ฉบับนี้ จ่ายดอกเบี้ยมา 400 ปี ตั้งแต่สมัยอยุธยา

หุ้นกู้ฉบับนี้ จ่ายดอกเบี้ยมา 400 ปี ตั้งแต่สมัยอยุธยา

25 ส.ค. 2025
ในขณะที่ผู้คนในอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา กำลังทำนาเพื่อค้าขายกับพ่อค้าชาวต่างชาติ และยังต้องระแวงว่าสงครามกับศัตรูตัวฉกาจอย่างพม่าจะปะทุขึ้นมาอีกเมื่อไร
ในขณะเดียวกันอีกฟากหนึ่งของโลก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในตอนนั้นกำลังเจอปัญหาเขื่อนแตกอยู่บ่อยครั้ง จนน้ำท่วมหลากหลายพื้นที่ 
ทำให้ทางหน่วยงานจัดการน้ำต้องวุ่นระดมทุนจากประชาชน เพื่อจ่ายค่าซ่อมแซมเขื่อนอยู่ตลอด
แม้เหตุการณ์เหล่านี้ จะเป็นจุดเล็ก ๆ ในประวัติศาสตร์ ที่ไม่ได้ถูกจารึกไว้อย่างยิ่งใหญ่ในตำราเรียนทั่วไป
แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ วิธีการแก้ปัญหาของเจ้าหน้าที่การเงินของหน่วยงานจัดการน้ำแห่งนั้น คือการใช้วิธีที่ล้ำยุคอย่างการออก “หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์” 
และที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นก็คือ หุ้นกู้ที่พวกเขาออกเมื่อกว่า 400 ปีที่แล้วนั้น จนถึงวันนี้ก็ยังจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ที่ถือหุ้นกู้ฉบับดังกล่าวอยู่เลย 
ถ้าอยากรู้แล้วว่าเรื่องราวอันมหัศจรรย์แห่งโลกการเงินนี้ มีอะไรที่น่าสนใจ ? 
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
ถ้าเราพูดถึงหุ้นกู้ปกติทั่วไป ก็คือการที่บริษัทขอกู้เงินจากเรา แลกกับการให้เราถือหุ้นกู้ไว้ 
จากนั้นก็จ่ายดอกเบี้ยตามที่ระบุไว้ในหุ้นกู้ให้เรา ตลอดระยะเวลาที่ระบุ เช่น 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปี จากนั้นพอครบระยะเวลาก็คืนเงินต้นให้
แต่เมื่อหุ้นกู้ มีคำว่า “ชั่วนิรันดร์” มาต่อท้าย ก็หมายความว่า หุ้นกู้ที่เราถืออยู่จะไม่มีกำหนดครบระยะเวลา แต่บริษัทจะจ่ายดอกเบี้ยให้กับเราไปเรื่อย ๆ 
จนกว่าบริษัทจะทำการไถ่ถอนหุ้นกู้คืน และจ่ายเงินต้นให้กับเรา
แลกกับที่บริษัทก็จะจ่ายดอกเบี้ยให้สูงกว่าหุ้นกู้ปกติเพื่อชดเชยความเสี่ยง จากการที่บริษัทขอยืมเงินเราไปอย่างไม่มีกำหนด และอาจงดจ่ายดอกเบี้ยได้ด้วยในบางงวด
เมื่อปูพื้นฐานความแตกต่างระหว่าง หุ้นกู้ทั่วไป และหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์แล้ว ก็ได้เวลานั่งไทม์มาชีน กลับไปในปี พ.ศ. 2167 ซึ่งประเทศไทยยังเป็นอาณาจักรอยุธยา 
ณ จังหวัด Utrecht ประเทศเนเธอร์แลนด์ เจ้าหน้าที่การเงินของหน่วยงานจัดการน้ำประจำเขื่อน Bovendams ได้หอบหุ้นกู้กว่า 50 ฉบับ ที่ทำด้วยหนังลูกวัว มาออกขายให้กับประชาชนในเมือง ซึ่งบนใบหุ้นกู้นั้นจารึกสัญญาไว้ว่า 
“หุ้นกู้นี้มีมูลค่า 1,200 Carolus Guilders (สกุลเงินของเนเธอร์แลนด์ในสมัยนั้น) และจ่ายดอกเบี้ย 2.5% แก่ผู้ที่ถือครอง”
เพื่อระดมทุนสำหรับซ่อมแซมเขื่อน ซึ่งถูกประเมินไว้ว่าน่าจะมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงถึง 23,500 Carolus Guilders
ถึงตรงนี้เราอาจจะสงสัย ว่าทำไมหน่วยงานจัดการน้ำแห่งนี้ จึงตัดสินใจออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ แทนหุ้นกู้ธรรมดา ที่น่าจะทำได้ง่ายกว่า ? 
นั่นก็เป็นเพราะว่า ชาวดัตช์ในสมัยนั้น ต้องต่อสู้กับน้ำท่วมตลอดเวลา จากการที่ผืนดินของเนเธอร์แลนด์ส่วนใหญ่ อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 
จึงต้องซ่อมแซมเขื่อนกั้นน้ำอยู่เรื่อย ๆ ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ไว้ ไม่เช่นนั้นพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศก็คงจมลงบาดาลเป็นแน่ 
เมื่อโครงการซ่อมแซมเขื่อนกั้นน้ำ ไม่ใช่โครงการที่ทำแล้วจบ หรือบอกเวลาการใช้เงินที่แน่นอนได้ 
การขอระดมทุนก้อนใหญ่จากประชาชนไปเลยทีเดียว แล้วค่อยทยอยจ่ายดอกเบี้ยคืนให้เรื่อย ๆ ด้วยการออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
อีกทั้งถ้าจะให้ออกหุ้นกู้ 10 ปี หรือ 20 ปี เพื่อระดมทุน แล้วพอครบกำหนดก็ค่อยออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อมาระดมทุนอีกรอบ คล้ายกับที่เราขอกู้เงินกับธนาคารแห่งใหม่ เพื่อรีไฟแนนซ์ดอกเบี้ยบ้าน
ทางหน่วยงานก็มีความเสี่ยงที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยของหุ้นกู้ชุดใหม่สูงกว่าเดิม ถ้าหากระดมทุนครั้งใหม่ในตอนที่ดอกเบี้ยในตลาดปรับตัวขึ้น หรือที่เรียกว่า “Rollover Risk” นั่นเอง 
ทำให้ทางหน่วยงานจัดการน้ำ ได้มีการออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ออกมาอีกหลากหลายชุดหลังจากนั้น 
ส่วนในฝั่งชาวเมือง ถึงแม้การซื้อหุ้นกู้แบบนี้ก็คงไม่ต่างกับการให้หน่วยงานจัดการน้ำยืมเงินแบบไม่มีกำหนดคืน ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่แปลกสำหรับหลาย ๆ คน 
แต่ด้วยความน่าเชื่อถือที่สูงของหน่วยงานจัดการน้ำประจำเขื่อน Bovendams ก็ทำให้ผู้ถือหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์นี้ ไว้ใจว่าทางหน่วยงานจะมีกระแสเงินสดมาจ่ายให้กับพวกเขาไปได้ตลอด 
อีกทั้งหน่วยงานจัดการน้ำ ยังมีอำนาจพิเศษในการจัดเก็บภาษี โดยไม่ต้องขึ้นตรงกับรัฐบาลโดยสมบูรณ์ ทำให้แม้เนเธอร์แลนด์จะผิดนัดชำระหนี้ฝรั่งเศส จนต้องถูกจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 เข้ายึดครอง ในปี พ.ศ. 2353 
หน่วยงานจัดการน้ำดังกล่าว ก็ยังคงจ่ายเงินให้กับผู้ถือหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ได้ตามปกติ
นอกจากนี้ ด้วยความที่หุ้นกู้นั้นสามารถซื้อขายหรือแม้แต่โอนย้ายเปลี่ยนมือกันได้ ชาวดัตช์ในช่วงเวลานั้นจึงมองว่าหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์นี้ เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่น่าสนใจ ที่ถ้าไม่ขายก็สามารถเก็บไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานได้เหมือนกัน
นั่นจึงทำให้กาลเวลาผ่านไปหลายร้อยปี หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์หลากหลายชุด ที่เปลี่ยนมือเจ้าของมามากมาย 
ส่วนหนึ่งก็ได้มาอยู่ในมือของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก และมหาวิทยาลัยเยล ในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงตลาดหลักทรัพย์อัมสเตอร์ดัม ในประเทศเนเธอร์แลนด์ 
โดยในปัจจุบันนี้ ทุกปีที่หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์นี้จะจ่ายดอกเบี้ย ผู้ที่ถือหุ้นกู้ในต่างประเทศอย่างตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก หรือมหาวิทยาลัยเยล ก็ต้องส่งคนบินไปรับดอกเบี้ยถึงประเทศเนเธอร์แลนด์ 
จากเงื่อนไขของหุ้นกู้ที่ว่า คนที่จะรับดอกเบี้ยจากหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์นี้ จะต้องนำเอกสารตัวจริงมายืนยัน เพื่อรับดอกเบี้ย
ที่คิดเป็นจำนวนเงินในปัจจุบันนี้ ได้แค่ประมาณ 13.61 ยูโร หรือประมาณ 500 บาทนิด ๆ เท่านั้น ซึ่งเทียบกันไม่ได้เลยกับค่าเดินทางในการไปเก็บดอกเบี้ย 
อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนเงินจะดูเล็กน้อย แต่หน่วยงานจัดการน้ำ ที่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น Stichtse Rijnlanden ก็ยังยืนยันที่จะจ่ายดอกเบี้ย ให้กับเหล่าผู้ถือหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์เหล่านั้นอยู่เหมือนเดิม 
เพราะเวลาที่ผ่านมากว่า 400 ปีนั้นได้พิสูจน์แล้วว่า มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์แต่ละฉบับนั้น ไม่ใช่ราคาตลาด หรือผลตอบแทนจากดอกเบี้ยมากแค่ไหน
แต่คือ “ความซื่อสัตย์” อันประเมินค่าไม่ได้ ที่ทางหน่วยงานจัดการน้ำจากเนเธอร์แลนด์แห่งนี้ ได้แสดงให้ผู้ถือหุ้นกู้ได้เห็น ผ่านการจ่ายดอกเบี้ยเป็นประจำตลอดมา 
ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง แม้ในโลกการเงินการลงทุนในปัจจุบัน ที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำหน้า กว่าเมื่อ 400 ปีที่แล้ว.. 
#ลงทุน
#หุ้นกู้
#ประวัติศาสตร์
References 
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.