
PepsiCo มีรายได้มากกว่า Coca-Cola แต่ทำไม ทำกำไรได้น้อยกว่า
16 พ.ค. 2025
โค้กขายดีกว่าเป๊ปซี่ ข้อมูลนี้มาจาก Euromonitor ในปี 2020 ที่แสดงให้เห็นว่า โค้กมีส่วนแบ่งทางการตลาด จากตลาดน้ำอัดลมทั่วทั้งโลก ประมาณ 47% ส่วนเป๊ปซี่ อยู่ที่ประมาณ 19%
แต่ถ้าเราไปดูงบการเงินของทั้ง 2 บริษัท จะเห็นได้ว่าในปี 2024 บริษัท PepsiCo มีรายได้อยู่ที่ 3,062,412 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าบริษัท Coca-Cola ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,569,014 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามถ้าหากดูตัวเลขอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ที่บอกว่ารายได้หลังหักต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขายและบริหารแล้ว จะเป็นกำไรให้กับธุรกิจได้กี่บาท
เราจะเห็นได้ว่า PepsiCo มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 14% ในขณะที่บริษัท Coca-Cola มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานสูงกว่าอยู่ที่ 21%
และนี่ไม่ใช่ปีเดียว ที่รายได้ของ PepsiCo มากกว่า Coca-Cola ในขณะที่อัตรากำไรจากการดำเนินงานน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
แต่เรื่องทำนองนี้ เกิดขึ้นมาเป็น 10 ปีแล้ว
แล้วอะไรทำให้บริษัทที่ขายเครื่องดื่มน้ำอัดลมเหมือนกัน มีรายได้ และอัตรากำไรที่สวนทางกันขนาดนี้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
1. โครงสร้างรายได้ที่ต่างกัน
PepsiCo ไม่ได้มีดีแค่น้ำอัดลมแบรนด์เป๊ปซี่ แต่เป็นเจ้าของแบรนด์ขนมขบเคี้ยว และอาหารเช้าซีเรียลอีกด้วย ผ่านกลยุทธ์การเข้าซื้อกิจการในอดีต
ทำให้ในปัจจุบัน บริษัทมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากอาหาร ไม่ใช่เครื่องดื่มน้ำอัดลมอีกต่อไป
โดยในปี 2024 นี้ รายได้ทุก ๆ 100 บาทของ PepsiCo จะแบ่งเป็น
- 58 บาท มาจากกลุ่มสินค้าอาหาร เช่น ขนมขบเคี้ยวแบรนด์ Lay’s, Doritos, Cheetos และอาหารเช้าซีเรียลแบรนด์ Quaker Oats
- 42 บาทที่เหลือ มาจากเครื่องดื่ม ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะน้ำอัดลมแบรนด์เป๊ปซี่เท่านั้น แต่ยังมีน้ำผลไม้แบรนด์ Tropicana, น้ำอัดลม 7UP และ Mountain Dew
ส่วนบริษัท Coca-Cola จะเน้นขายเฉพาะเครื่องดื่มน้ำอัดลม แต่ก็ไม่ได้มีเฉพาะแบรนด์ Coca-Cola เท่านั้น
เพราะ Coca-Cola ยังเป็นเจ้าของน้ำอัดลมแบรนด์อื่นอีกด้วย เช่น Fanta และ Sprite
ซึ่งเครื่องดื่ม เป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าขนมขบเคี้ยว และอาหาร จากการมีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่า
ทำให้บริษัท Coca-Cola ที่มีรายได้ทั้งหมดมาจากการขายเครื่องดื่มน้ำอัดลม มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า PepsiCo ที่ขายหลายสินค้า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
ปี 2015 PepsiCo มีอัตรากำไรขั้นต้น 54% ขณะที่ Coca-Cola มีอัตรากำไรขั้นต้น 59%
ปี 2018 PepsiCo มีอัตรากำไรขั้นต้น 54% ขณะที่ Coca-Cola มีอัตรากำไรขั้นต้น 63%
ปี 2021 PepsiCo มีอัตรากำไรขั้นต้น 53% ขณะที่ Coca-Cola มีอัตรากำไรขั้นต้น 60%
ปี 2024 PepsiCo มีอัตรากำไรขั้นต้น 54% ขณะที่ Coca-Cola มีอัตรากำไรขั้นต้น 61%
2. โมเดลธุรกิจที่ต่างกัน
แม้ธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลมของ PepsiCo จะใช้วิธีการหาพาร์ตเนอร์ในการผลิตน้ำอัดลม แทนการสร้างโรงงานผลิตด้วยตัวเอง
แล้วพาร์ตเนอร์ก็เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าให้แทน ทำให้ PepsiCo ไม่ต้องแบกรับค่าขนส่งสินค้าในส่วนนี้ คล้าย ๆ กันกับ Coca-Cola
แต่ธุรกิจอาหารของ PepsiCo ที่ไปไล่ซื้อกิจการต่าง ๆ มา กลับมักจะเน้นสร้างโรงงานผลิต และจัดจำหน่ายสินค้าด้วยตัวเอง
ในขณะที่ Coca-Cola ซึ่งทำธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลมอย่างเดียว สามารถโฟกัสไปกับกลยุทธ์หาพาร์ตเนอร์มาช่วยผลิตและจัดจำหน่ายแทน ที่เรียกว่า “Asset-light Model” แบบนี้ได้อย่างเต็มที่
ช่วยให้ Coca-Cola ไม่จำเป็นต้องสร้างโรงงานผลิตเองเลยในการไปบุกประเทศต่าง ๆ และช่วยให้ Coca-Cola มีค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายสินค้าต่ำ
และสิ่งที่ Coca-Cola ซึ่งเป็นบริษัทแม่ต้องทำ ก็มีเพียงแค่การส่งหัวเชื้อน้ำหวานไปให้เหล่าพาร์ตเนอร์ในประเทศต่าง ๆ ผลิต
เรื่องนี้สะท้อนออกมาในงบการเงินของทั้ง 2 บริษัท ผ่านสัดส่วนค่าใช้จ่ายการจัดจำหน่ายสินค้าต่อรายได้รวมของทั้ง 2 บริษัท
ปี 2015 PepsiCo มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายการจัดจำหน่ายสินค้าต่อรายได้รวมอยู่ที่ 14.9%
ขณะที่ Coca-Cola มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายการจัดจำหน่ายสินค้าต่อรายได้รวมอยู่ที่ 13.6%
และต่อมาในปี 2024 PepsiCo มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายการจัดจำหน่ายสินค้าต่อรายได้รวมอยู่ที่ 17.4%
ส่วน Coca-Cola มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายการจัดจำหน่ายสินค้าต่อรายได้รวมอยู่ที่เพียงแค่ 5% เท่านั้น
จะเห็นได้ว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมา Coca-Cola มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายการจัดจำหน่ายสินค้าต่อรายได้รวม น้อยกว่า PepsiCo
นอกจากนี้โมเดลธุรกิจแบบ Asset-light ของ Coca-Cola ยังช่วยให้ Coca-Cola มีค่าเสื่อมที่น้อย ซึ่งก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Coca-Cola มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ดีกว่า
เมื่อ Coca-Cola ขายสินค้าที่อัตรากำไรสูง ด้วยต้นทุนที่ต่ำ ก็สะท้อนไปยังอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ที่สูงกว่า PepsiCo อยู่เรื่อย ๆ ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
ปี 2015 PepsiCo มีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน 13% ขณะที่ Coca-Cola มีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน 20%
ปี 2018 PepsiCo มีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน 16% ขณะที่ Coca-Cola มีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน 27%
ปี 2021 PepsiCo มีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน 14% ขณะที่ Coca-Cola มีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน 27%
ปี 2024 PepsiCo มีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน 14% ขณะที่ Coca-Cola มีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน 21%
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะมองว่าโมเดลธุรกิจแบบ PepsiCo สู้โมเดลธุรกิจของ Coca-Cola ไม่ได้
แต่ถ้ามองในมุมการเติบโตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาแล้ว
รายได้ของ PepsiCo จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 4% และกำไรสุทธิที่เติบโต 6% ต่อปี
ส่วน Coca-Cola จะมีรายได้เติบโตเฉลี่ยเพียง 0.7% ต่อปี และกำไรสุทธิที่เติบโต 4% ต่อปี
ดังนั้นโมเดลธุรกิจที่แตกต่างกันของ PepsiCo และ Coca-Cola อาจมาจากเป้าหมายทางธุรกิจที่แตกต่างกัน
เพราะ PepsiCo อาจจะให้ความสำคัญกับการกระจายรายได้ ที่ไม่พึ่งพาสินค้าตัวใดตัวหนึ่ง และมองหาการเติบโตต่อไปเรื่อย ๆ ผ่านการซื้อกิจการ
ส่วน Coca-Cola อาจจะต้องการทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด อย่างการขายน้ำอัดลมมากกว่า และรักษาคุณภาพของกำไรให้สม่ำเสมอ..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ รู้ไหมว่าเราสามารถลงทุนกับทั้ง PepsiCo และ Coca-Cola ได้ผ่านเครื่องมือ DR ที่เทรดอยู่ในตลาดหุ้นไทย
โดย DR ของ PepsiCo ชื่อว่า PEP80 ส่วนของ Coca-Cola ชื่อว่า KO80
หมายเหตุ : บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
#ลงทุน
#DR
#DRวันละตัว
References