
รู้จัก All-Weather หลักลงทุนสร้างผลตอบแทน ในทุกสถานการณ์ ของ Ray Dalio - BillionMoney
27 ม.ค. 2023
รู้จัก All-Weather หลักลงทุนสร้างผลตอบแทน ในทุกสถานการณ์ ของ Ray Dalio - BillionMoney
การมีพอร์ตการลงทุน ที่สามารถรักษาเงินต้น พร้อมทั้งสร้างความมั่งคั่งของเรา ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
ในระยะยาว และสามารถทนทานได้ในทุกภาวะเศรษฐกิจ
คงเป็นความฝันของนักลงทุนหลายคน
ในระยะยาว และสามารถทนทานได้ในทุกภาวะเศรษฐกิจ
คงเป็นความฝันของนักลงทุนหลายคน
แต่รู้หรือไม่ว่า คุณ Ray Dalio ผู้บริหารบริษัท Bridgewater Associates เฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้คิดค้นพอร์ตการลงทุนชนิดหนึ่งขึ้นมา
โดยพอร์ตนี้เป็นการลงทุนระยะยาว ที่เน้นการรักษาเงินต้นให้ปลอดภัย และยังเผชิญกับความผันผวนน้อยมาก จนทำให้สามารถใช้สร้างความมั่งคั่งในระยะยาวได้จริง
หากสงสัยว่า พอร์ตการลงทุนนี้ มีหน้าตาเป็นอย่างไร
BillionMoney จะมาย่อยให้ฟัง แบบง่าย ๆ
BillionMoney จะมาย่อยให้ฟัง แบบง่าย ๆ
คุณ Ray Dalio จัดหมวดหมู่การลงทุน ออกเป็น 3 สถานการณ์ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ตามการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจ คือ
-ช่วงที่เศรษฐกิจเติบโต แต่มีภาวะเงินเฟ้อ
เราควรลงทุนใน สินค้าโภคภัณฑ์ อย่างเช่น ทองคำและน้ำมัน
เราควรลงทุนใน สินค้าโภคภัณฑ์ อย่างเช่น ทองคำและน้ำมัน
-ช่วงที่เศรษฐกิจเติบโต แต่มีภาวะเงินฝืด
เราควรลงทุนในหุ้น
เราควรลงทุนในหุ้น
-ช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ในภาวะเงินเฟ้อหรือเงินฝืด
เราควรลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้
เราควรลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้
จะเห็นได้ว่า ในแต่ละสถานการณ์ ก็จะมีสินทรัพย์ที่เหมาะแก่การเข้าลงทุน ที่แตกต่างกันออกไป
ด้วยเหตุนี้ คุณ Ray Dalio จึงคิดค้นกลยุทธ์การจัดพอร์ตการลงทุนที่ชื่อ All-Weather ขึ้นมา เพื่อให้สามารถรับมือได้อย่างครอบคลุม กับทุกสถานการณ์ดังที่กล่าวมา
โดยส่วนประกอบของพอร์ต All-Weather จะมีดังนี้
-ลงทุนในกองทุนอิงดัชนีหุ้น เป็นสัดส่วน 30%
-ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะยาว เป็นสัดส่วน 40%
-ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง เป็นสัดส่วน 15%
-ลงทุนในกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นสัดส่วน 7.5%
-ลงทุนในกองทุนทองคำ เป็นสัดส่วน 7.5%
โดยทุกกองทุนที่ลงทุน จะต้องมีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการต่ำ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผลตอบแทนของพอร์ตโดยรวม มากจนเกินไป
หลักการในการลงทุน จะเป็นการกระจายการลงทุนไปตามสัดส่วนดังที่กล่าวไปข้างต้น และจะมีการปรับพอร์ตการลงทุน แค่ปีละครั้ง เพื่อคงสัดส่วนการลงทุนไว้ ให้อยู่ในรูปแบบนี้
ซึ่งจุดมุ่งหมายของการจัดพอร์ตการลงทุนแบบนี้ จะเป็นการจัดพอร์ตแบบ Passive คือ ไม่ได้เน้นสร้างผลตอบแทนที่มุ่งหวังเอาชนะผลตอบแทนของตลาด
แต่จะได้รับผลตอบแทนที่ล้อไปกับตลาดมากที่สุด
ทำให้สามารถจำกัดความผันผวนหรือความเสี่ยง ให้มีน้อยที่สุด
ทำให้สามารถจำกัดความผันผวนหรือความเสี่ยง ให้มีน้อยที่สุด
แล้วหากเราจัดพอร์ตการลงทุนแบบนี้ ในระยะยาว จะสร้างผลตอบแทนได้เท่าไร ?
คำตอบคือ ในระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 1993-2023 เราจะมีผลตอบแทนเฉลี่ย อยู่ที่ 7.26% ต่อปี
โดยมีค่าความผันผวนอยู่แค่ 7.08% เท่านั้น ซึ่งนับว่าต่ำมาก เมื่อเทียบกับ ความผันผวนของดัชนี S&P 500 ที่มีค่าความผันผวนอยู่ที่ 15%
ถ้าลองคิดอย่างง่าย ๆ เลยก็คือ หากเราลงทุนด้วยวิธี
Dollar Cost Averaging หรือก็คือ การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยทุกเดือน เดือนละ 10,000 บาท ในพอร์ต All-Weather
Dollar Cost Averaging หรือก็คือ การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยทุกเดือน เดือนละ 10,000 บาท ในพอร์ต All-Weather
เมื่อสิ้นปีที่ 30 ของการลงทุน เราจะได้รับผลตอบแทนจาก
เงินลงทุนทั้งหมด รวมกับเงินต้น เท่ากับ 12,844,442 บาท
เงินลงทุนทั้งหมด รวมกับเงินต้น เท่ากับ 12,844,442 บาท
ทั้งนี้ แม้ว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในพอร์ต All-Weather อาจจะไม่ได้สูงมากเท่ากับ พอร์ตที่ลงทุนในกองทุนหุ้น 100%
แต่ข้อดีของพอร์ตนี้ ก็คือ ความผันผวนที่ต่ำ ทำให้ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นมา มูลค่าของพอร์ตการลงทุน All-Weather ก็จะลดลงไม่มากนั่นเอง
แล้วใครบ้างที่เหมาะกับพอร์ต All-Weather ?
นักลงทุนที่เหมาะกับกลยุทธ์การจัดพอร์ตแบบนี้ ก็คือ กลุ่มที่รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างต่ำ แต่อยากลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน โดยที่ยังมีผลตอบแทนที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้
ถึงตรงนี้ เราก็คงรู้จักหลักการ All-Weather มากขึ้น
โดยหลักการนี้นอกจากจะช่วยรักษาเงินต้นของเราแล้ว
ยังสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับเรา ได้ในทุกสถานการณ์..
โดยหลักการนี้นอกจากจะช่วยรักษาเงินต้นของเราแล้ว
ยังสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับเรา ได้ในทุกสถานการณ์..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ พอร์ต All-Weather ปัจจุบันนี้ ประกอบไปด้วย
-กองทุน Vanguard Total Stock Market (VTI) ในสัดส่วน 30%
-กองทุน iShares 20+ Year Treasury Bond (TLT) ในสัดส่วน 40%
-กองทุน iShares 3-7 Year Treasury Bond (IEI) ในสัดส่วน 15%
-กองทุน SPDR Gold Trust (GLD) ในสัดส่วน 7.5%
-กองทุน iShares S&P GSCI Commodity-Indexed Trust (GSC) ในสัดส่วน 7.5%
References
-https://investgineerx.medium.com/
-https://www.blockdit.com/posts/60e2d1606799ca0c85f1ea9e
-http://www.lazyportfolioetf.com/allocation/ray-dalio-all-weather/
-https://portfolioslab.com/portfolio/ray-dalio-all-weather
-https://www.moneybuffalo.in.th/stock/all-weather-portfolio-ray-dalio
-https://bingobook.co/investing/advanced/all-weather-portfolio-ray-dalio/
-https://www.peniaphobia.com/all-weather-by-ray-dalio/
-https://bestretirementportfolio.com/simulation/ray-dalio-all-weather/
-https://investgineerx.medium.com/
-https://www.blockdit.com/posts/60e2d1606799ca0c85f1ea9e
-http://www.lazyportfolioetf.com/allocation/ray-dalio-all-weather/
-https://portfolioslab.com/portfolio/ray-dalio-all-weather
-https://www.moneybuffalo.in.th/stock/all-weather-portfolio-ray-dalio
-https://bingobook.co/investing/advanced/all-weather-portfolio-ray-dalio/
-https://www.peniaphobia.com/all-weather-by-ray-dalio/
-https://bestretirementportfolio.com/simulation/ray-dalio-all-weather/