
ทำไมช่วงนี้ ตลาดหุ้นอาเซียนถึงโตแข็งแกร่ง กว่าภูมิภาคอื่น
6 ก.ย. 2022
หากใครติดตามข่าวเศรษฐกิจ น่าจะรู้ว่าในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ มีเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นเข้าสู่ช่วงขาลง ไม่ว่าจะเป็นท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ที่เร่งขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ หรือความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตก จากกรณีที่รัสเซียรุกรานยูเครน
แต่รู้หรือไม่ว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นตกต่ำเช่นนี้ ตลาดหุ้นภูมิภาคอาเซียนกลับมีผลงานที่ดีกว่าภูมิภาคอื่นมาก เห็นได้จากผลประกอบการของดัชนี MSCI
MSCI ASEAN ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา บวก 3.4%
MSCI World ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา บวก 2%
MSCI EAFE ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ลบ 2.4%
หมายเหตุ
MSCI World คือดัชนีที่รวมหุ้นจากบริษัทในประเทศตลาดพัฒนาแล้ว 23 ประเทศ ทั่วโลก ที่รวมสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
MSCI EAFE คือดัชนีที่รวมหุ้นจากบริษัทในประเทศตลาดพัฒนาแล้ว 21 ประเทศ ทั่วโลก ที่ไม่รวมสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
แล้วทำไมดัชนีตลาดหุ้นของอาเซียนถึงมีผลประกอบการที่ดีกว่าดัชนีตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น
ปัจจัยแรกก็คือ แนวโน้มเศรษฐกิจที่ดูสดใสกว่าภูมิภาคอื่น
ก่อนหน้านี้ ทาง World Bank ได้ประเมินว่า หลาย ๆ ประเทศในอาเซียนจะมีอัตราการขยายตัวของ GDP ที่ค่อนข้างสูงในปีนี้
ยกตัวอย่างจากประเทศอย่างกัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ที่คาดว่า จะขยายตัวในอัตราที่ 4-6% ซึ่งค่อนข้างสูงกว่าอัตราการขยายตัวของ GDP ทั่วโลกและประเทศตลาดเกิดใหม่ ที่เฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่เพียง 2.9% และ 3.4% ตามลำดับ
ทั้งนี้ หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เศรษฐกิจอาเซียนขยายตัวคือ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลาย ๆ ประเทศอาเซียนเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวจนส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และผลักดันให้เกิดความต้องการสินค้ามากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
โดยประเทศมาเลเซียเพิ่งปรับเพิ่มคาดการณ์นักท่องเที่ยวในปีนี้จาก 4.5 ล้านคน เป็น 9.2 ล้านคน เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ตอนแรก ส่วนสิงคโปร์เองก็มีจำนวนชาวต่างชาติมาเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน จนทำให้ราคาห้องโรงแรมพุ่งแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2012 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
สำหรับไทยเองก็คาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 7.5 ล้านคน ซึ่งจะทำให้ประเทศมีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวประมาณ 4 แสนล้านบาท ทั้งปีนี้ ทางรัฐบาลคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 10 ล้านคน
นอกจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว เศรษฐกิจของบางประเทศอาเซียนก็ได้ประโยชน์จากการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงขึ้นในปีนี้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ มาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญ
โดยอินโดนีเซียนั้นมีนักลงทุนเข้ามาถือหุ้นในบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์จำนวนมาก จนส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนีหุ้น The Jakarta Composite Index กำลังจะปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดภายในเดือนนี้
นอกจากปัจจัยด้านการเติบโตของเศรษฐกิจ อีกปัจจัยที่สำคัญก็คือ ส่วนประกอบของดัชนีหุ้น MSCI ASEAN จะหนักไปทางหุ้นธนาคาร ส่วนดัชนีหุ้นภูมิภาคอื่นจะหนักไปทางหุ้นบริษัทเทคโนโลยี
ทั้งนี้ หุ้นบริษัทกว่า 37% ใน MSCI ASEAN เป็นสถาบันการเงิน ส่วนบริษัทเทคโนโลยีคิดเป็น 1.6% ของสัดส่วนทั้งหมด
ส่วน MSCI World นั้นมีบริษัทเทคโนโลยีอยู่คิดเป็น 22.1% ของสัดส่วนหุ้นทั้งหมด ส่วนสถาบันการเงินคิดเป็น 13.2% ของสัดส่วนทั้งหมด
ในสถานการณ์ดอกเบี้ยนโยบายขาขึ้นทั่วโลกนี้เอง การที่ MSCI ASEAN มีสัดส่วนหุ้นธนาคารสูงนี้เป็นข้อได้เปรียบเพราะธนาคารจะมีกำไรมากขึ้น จากการเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น
ในทางกลับกัน หุ้นเทคโนโลยีนั้นจะปรับตัวลงแรงกว่าธุรกิจอื่น ในสภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น จึงเป็นเหตุให้ดัชนี MSCI World มีการเติบโตไม่สูงเท่า MSCI ASEAN นั่นเอง
อย่างไรก็ดี ผลประกอบการของหุ้นบริษัทอาเซียนอาจจะสูงกว่าภูมิภาคอื่นแบบนี้ได้ไม่นานนัก เพราะเรากำลังอยู่ในยุคที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นมาก ซึ่งก็อาจส่งผลลบต่อทิศทางผลประกอบการของบริษัทอาเซียน ที่เน้นการส่งออก
ดังนั้น ก่อนที่เราจะเริ่มลงทุนในบริษัทไหน เราก็ควรประเมินสถานการณ์ให้ดี ไม่เช่นนั้น ปรากฏการณ์ทุนไหลออกก็อาจทำให้เราขาดทุนอย่างหนักได้ไม่รู้ตัว…
References