“เสี่ยยักษ์” เซียนหุ้นพันล้าน ได้บทเรียนอะไรบ้าง จากการลงทุนในหุ้น มา 36 ปี - BillionMoney
ในวงการตลาดหุ้นไทยนั้น มีนักลงทุนท่านหนึ่ง สามารถสร้างความมั่งคั่งขึ้นมาเป็นพันล้านบาท จากเงินเริ่มต้นเพียงแค่ 2,000,000 บาทเท่านั้น

“เสี่ยยักษ์” เซียนหุ้นพันล้าน ได้บทเรียนอะไรบ้าง จากการลงทุนในหุ้น มา 36 ปี
21 มิ.ย. 2023
นักลงทุนท่านนั้นมีชื่อว่า คุณวิชัย วชิรพงศ์
หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ เสี่ยยักษ์
หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ เสี่ยยักษ์
แล้วเสี่ยยักษ์ มีหลักการในการลงทุนอย่างไร ถึงสามารถสร้างความมั่งคั่งให้เพิ่มพูนขึ้นได้ขนาดนี้ ?
BillionMoney จะย่อยให้เข้าใจ แบบง่าย ๆ
เสี่ยยักษ์ เป็นนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้นไทย เริ่มเข้ามาลงทุนครั้งแรกในเหตุการณ์ Black Monday ปี 2530 ในเวลานั้น เสี่ยยักษ์มีอายุเพียง 32 ปีเท่านั้น
ในช่วงแรก เสี่ยยักษ์สร้างความมั่งคั่งมาจากการเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก ก่อนจะเปลี่ยนแนวทางการเล่นหุ้นของตัวเอง โดยให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานมากขึ้น
ตลอด 36 ปีที่เสี่ยยักษ์อยู่ในตลาดหุ้นนั้น เขาเคยให้สัมภาษณ์ถึงหลักการลงทุนของตัวเองอยู่หลายครั้ง โดยสามารถสรุปออกมาเป็น 5 ข้อ ได้ดังนี้
1.คำนึงถึงความเสี่ยงก่อนการลงทุนเสมอ
เสี่ยยักษ์ได้รับบทเรียนนี้ ตอนที่พอร์ตการลงทุนของเขามีมูลค่าเติบโตขึ้นมาถึง 70 ล้านบาท
ตอนนั้นเขาได้เก็งกำไรในหุ้นตัวหนึ่ง โดยใช้เงินที่มีอยู่ทั้งหมดเข้าซื้อ
แต่หลังจากที่ซื้อไปแล้ว เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ จนถึงขั้นนอนไม่หลับ เพราะหุ้นที่เขาลงทุนไปนั้น เป็น “หุ้นปั่น” ซึ่งมีความเสี่ยงสูง
ซึ่งในตอนนั้น เสี่ยยักษ์เองก็มีครอบครัว ที่มีลูกเล็กอยู่ ดังนั้นหากพลาดครั้งนี้ คนที่ได้รับผลกระทบ ก็จะไม่ใช่แค่เสี่ยยักษ์เพียงคนเดียว แต่รวมไปถึงครอบครัวของเขาด้วย
ดังนั้นเสี่ยยักษ์จึงตัดสินใจขายหุ้นตัวนี้ออกไป โดยไม่หวังกำไร เพื่อปิดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
บทเรียนที่เขาได้รับจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็คือ เมื่อเรารู้ตัวว่าเรากำลังอยู่ในจุดที่อันตราย เราควรรีบขายตัดขาดทุนออกไปอย่างไม่ลังเล
2.หาจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าซื้อหุ้น
จากประสบการณ์การลงทุนของเสี่ยยักษ์นั้น นักลงทุนที่มีฝีมือต้องรู้จังหวะเวลาในการเข้าซื้อหุ้น เปรียบเสมือนเวลาไปจ่ายตลาด
เวลาเราจ่ายตลาดตอนตี 5 ซึ่งเป็นช่วงที่คนมาซื้อของไม่เยอะ เราก็จะมีโอกาสได้เลือกของดี ๆ มากกว่าคนที่มาจ่ายตลาดตอน 8 โมงเช้า
ซึ่งก็เหมือนกับคนที่เข้าซื้อหุ้นในจังหวะที่ถูกต้อง ก็จะได้เปรียบในด้านต้นทุน มากกว่าคนที่เข้ามาซื้อหุ้นนั้นในจังหวะที่ราคาหุ้นเริ่มปรับตัวขึ้นไปแล้ว
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ช่วงเวลาที่เราซื้อหุ้นนั้น เป็นช่วงเช้าตรู่ ที่จะมีแต่ของดี ๆ ?
คำตอบก็คือ เราควรใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น RSI, MACD เพื่อรอยืนยันสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้มของราคาหุ้น
3.อดทนรอจนถึงจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม
จังหวะในการเข้าลงทุนที่ดีนั้น มักจะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องอาศัยความอดทนรอคอย จนกว่าจะถึงจุดที่เหมาะสมที่จะเข้าซื้อจริง ๆ
โดยเสี่ยยักษ์ให้คำแนะนำว่า หากเรายังไม่เดือดร้อนเรื่องเงินมากนัก ชีวิตของเรายังสามารถกินอิ่ม นอนหลับได้
เราก็ไม่จำเป็นต้องรีบเข้าไปซื้อหุ้นในจุดที่ยังไม่เหมาะสม เพียงเพราะหวังจะรวยเร็ว ๆ เพราะถ้าหากพลาดขึ้นมา แทนที่จะร่ำรวย ก็อาจจะต้องสูญเสียความมั่งคั่งไปหมดเลยก็ได้
4.พิจารณาปริมาณการซื้อขายหุ้น และราคาหุ้นก่อนลงทุน
เสี่ยยักษ์ระบุว่า ปริมาณการซื้อขายหุ้นนั้น ก็เป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
โดยถ้าราคาหุ้นขึ้นมา แต่ปริมาณการซื้อขายหุ้นลดลง ก็แสดงว่ามีนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาเก็บหุ้น ยังไม่ยอมขายออกมา ซึ่งในกรณีนี้ ก็มีโอกาสสูงมากที่ราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นไปต่อ
กลับกัน หากหุ้นขึ้นมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายหุ้นที่เพิ่มขึ้น ก็แสดงว่ามีคนนำหุ้นออกมาขายเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าเราเจอแบบนี้ก็ควรรีบขายหุ้นออกมา เพราะมีแนวโน้มสูงมาก ว่าหุ้นขึ้นมาถึงจุดสูงสุดแล้ว
5.อย่าถือหุ้นหลายตัวจนเกินไป
จากการสังเกตของเสี่ยยักษ์ เขาพบว่า นักลงทุนรายใหญ่หลายราย มักจะถือหุ้นแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น
เพราะการกระจายการลงทุนมากเกินไป จะทำให้เกิดความผิดพลาดในการตัดสินใจซื้อขายได้ง่าย
โดยเสี่ยยักษ์แนะนำว่า ให้เราศึกษาและวิเคราะห์หุ้นไม่เกิน 3 ตัว อย่างละเอียด แล้วจึงเข้าซื้อในราคาที่เหมาะสม และรอจนวันที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น
อ่านมาถึงตรงนี้ ทั้งหมดนี้ก็คือ หลักการลงทุนของเสี่ยยักษ์ หรือคุณวิชัย วชิรพงศ์ เซียนหุ้นพันล้านแห่งตลาดหุ้นไทย
ซึ่งนอกเหนือจากหลักการที่ได้กล่าวไปแล้ว ปัจจัยสำคัญ อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เสี่ยยักษ์ ประสบความสำเร็จในการลงทุนก็คือ การนำกำไรทั้งหมดไปลงทุนต่อ โดยไม่รีบเอาเงินไปซื้อความสุขก่อนถึงเวลาอันควร
ซึ่งนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอีกหลายคน ต่างก็ไม่รีบเอาเงินไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ล้วนนำเงินมาลงทุนต่อทั้งนั้น
ดังนั้นพฤติกรรมการใช้เงินที่ดี ก็มีความสำคัญต่อความสำเร็จในการลงทุนด้วยเช่นกัน..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ รู้หรือไม่ว่า เสี่ยยักษ์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 8 ของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของสัมปทานบริหารและเก็บค่าทางด่วน และค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ในไทย
โดยเสี่ยยักษ์ ถือหุ้นทั้งหมด 295 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท
References
-https://www.youtube.com/watch?v=LLqfp8KTCRk
-e0b881e0b8b9e0b8a3e0b8b9e0b8abe0b8b8e0b989e0b899e0b89ee0b8b1e0b899e0b8a5e0b989e0b8b2e0b899.pdf (wordpress.com)
-https://www.set.or.th/th/market/product/stock/quote/BEM/major-shareholders
-https://www.youtube.com/watch?v=LLqfp8KTCRk
-e0b881e0b8b9e0b8a3e0b8b9e0b8abe0b8b8e0b989e0b899e0b89ee0b8b1e0b899e0b8a5e0b989e0b8b2e0b899.pdf (wordpress.com)
-https://www.set.or.th/th/market/product/stock/quote/BEM/major-shareholders