รู้จัก Sudono Salim คนเคยรวยสุดในอินโดนีเซีย ที่สร้างเนื้อสร้างตัว จากสงคราม

รู้จัก Sudono Salim คนเคยรวยสุดในอินโดนีเซีย ที่สร้างเนื้อสร้างตัว จากสงคราม

13 มิ.ย. 2023
รู้จัก Sudono Salim คนเคยรวยสุดในอินโดนีเซีย ที่สร้างเนื้อสร้างตัว จากสงคราม - BillionMoney
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ก็เกิดสงครามเรียกร้องเอกราชขึ้นในหลายประเทศที่เป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก
โดย “อินโดนีเซีย” เองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ต้องทำสงครามเรียกร้องเอกราชจากประเทศเนเธอร์แลนด์ด้วย
ท่ามกลางสงครามที่ดุเดือดนี้ มีนักธุรกิจชาวอินโดนีเซียคนหนึ่ง ที่ใช้โอกาสนี้สร้างเนื้อสร้างตัว จนกลายเป็นหนึ่งในคนที่รวยที่สุดของอินโดนีเซียได้
เรากำลังพูดถึง Sudono Salim
เจ้าของ Salim Group ที่เคยเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย
เรื่องราวของ Sudono Salim มีความเป็นมาอย่างไร ?
BillionMoney จะย่อยให้เข้าใจ แบบง่าย ๆ
Sudono นั้นแต่เดิมชื่อว่า Liem Sioe Liong เป็นชาวจีน ที่อพยพหนีภัยสงครามระหว่างญี่ปุ่นและจีนในปี 1938 มาอยู่ที่อินโดนีเซีย เนื่องจากมีญาติมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ โดยขณะที่ Sudono อพยพมานั้น เขาอายุเพียง 21 ปี
โดยในช่วงแรกนั้น เขาทำธุรกิจค้าขายเสื้อผ้า และธุรกิจบดเมล็ดกาแฟ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ชาวจีนโพ้นทะเลนิยมทำกันในสมัยนั้น
เขาใช้ชีวิตอยู่ในอินโดนีเซียเรื่อยมา จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น
ในช่วงสงครามโลกนั้น กองทัพญี่ปุ่นได้ยกทัพเข้ามายึดครองอินโดนีเซีย และขับไล่กองทัพเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมของอินโดนีเซียออกไป
ต่อมาเมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม และถอนทหารออกจากอินโดนีเซีย ทางอินโดนีเซียจึงได้ประกาศเอกราช และแต่งตั้งให้ Sukarno หัวหน้าขบวนการชาตินิยมของอินโดนีเซีย ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ
แต่เนเธอร์แลนด์ ที่เป็นประเทศเจ้าอาณานิคมมาก่อน ไม่ยอมรับ และพยายามกลับเข้ามายึดครองอินโดนีเซียอีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ ทางอินโดนีเซียจึงต้องหยิบอาวุธขึ้นมาทำสงครามเรียกร้องเอกราชกับเนเธอร์แลนด์
Sudono มองเห็นโอกาส จึงได้เริ่มทำธุรกิจซัปพลายเออร์ส่งสินค้าที่จำเป็นในการสู้รบให้กับฝ่ายอินโดนีเซีย เช่น อาหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ
จากสายสัมพันธ์ทางธุรกิจครั้งนี้ Sudono ก็ได้เริ่มทำความรู้จักกับทหารนายหนึ่งชื่อว่า Suharto ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นผู้นำที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดของอินโดนีเซีย ถึง 32 ปี
ภายหลังจากที่การสู้รบนี้ดำเนินไปได้เพียงไม่กี่ปี ก็เกิดกระแสการกดดันอย่างหนักจากนานาชาติ ให้เนเธอร์แลนด์คืนเอกราชให้กับอินโดนีเซีย ทำให้สุดท้าย อินโดนีเซียก็ได้รับเอกราชในปี 1949
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้รับเอกราชแล้ว อินโดนีเซียก็ประสบปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจ และด้านความมั่นคงทางการเมืองอย่างหนัก
จนกระทั่งปี 1965 พรรคคอมมิวนิสต์ก็พยายามทำรัฐประหาร เพื่อยึดครองอำนาจจากรัฐบาลอินโดนีเซีย
แต่ว่า Suharto ซึ่งในตอนนั้นเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการทหารระดับสูงของกองทัพ สามารถยับยั้งความพยายามในการทำรัฐประหารไว้ได้ และต่อมา Suharto ก็ได้ขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของอินโดนีเซียแทนที่ Sukarno
Suharto เริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจของอินโดนีเซียขนานใหญ่ โดยการปรับปรุงระบบภาษี เปิดรับนักลงทุนต่างชาติ และส่งเสริมการลงทุนจากภาคเอกชน
ซึ่งด้วยสายสัมพันธ์อันดีระหว่าง Sudono กับ Suharto ที่มีมาตั้งแต่สมัยสงครามกอบกู้เอกราช ก็ได้ทำให้ Salim Group ของ Sudono ได้รับสิทธิประโยชน์จากนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจมากมายด้วย
ยกตัวอย่างเช่น การได้รับโควตาส่งออกเมล็ดกาแฟได้มากกว่าปกติถึง 5 เท่า
และยังได้รับสิทธิพิเศษจากกระทรวงพาณิชย์ ในการนำเข้าน้ำมันกานพลูได้แต่เพียงผู้เดียวในอินโดนีเซีย
น้ำมันกานพลูนั้นเป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ในการทำบุหรี่ของอินโดนีเซีย ในขณะที่การสูบบุหรี่นั้นก็เป็นที่นิยมมากในประเทศ ด้วยเหตุนี้บริษัทของ Sudono จึงทำกำไรจากการนำเข้าและขายกานพลู ได้สูงมาก
นอกจากนี้ Suharto ยังมีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตภายในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาสินค้านำเข้า
จากนโยบายดังกล่าว ก็ทำให้ Sudono ขยายอาณาจักรธุรกิจ Salim Group ของเขา เข้าสู่ธุรกิจการผลิตสินค้าต่าง ๆ มากมาย เช่น ธุรกิจเหล็ก ธุรกิจเคมีภัณฑ์ ธุรกิจปูนซีเมนต์ และธุรกิจอาหาร
ธุรกิจเหล่านี้ ต่างได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลที่นำโดย Suharto ไม่ว่าจะเป็น การได้รับสิทธิพิเศษในการประกอบธุรกิจแต่เพียงผู้เดียวในบางพื้นที่ของประเทศ หรือการได้รับใบอนุญาตก่อสร้างโรงงานที่รวดเร็วกว่าคู่แข่ง
ธุรกิจของ Salim Group เติบโตอย่างรวดเร็วภายใต้ร่มเงาของรัฐบาล Suharto โดยหนึ่งในตัวอย่างธุรกิจที่สำคัญของเครือ Salim Group ก็อย่างเช่น ธุรกิจธนาคาร
ในปี 1975 Sudono เริ่มหันมาสนใจธุรกิจธนาคารและการเงิน ที่ได้ประโยชน์จากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย
Sudono จึงเริ่มทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์อย่างจริงจัง โดยการนำธนาคาร ที่เคยซื้อเก็บไว้ตั้งแต่ปี 1957 มารีแบรนด์และพัฒนาใหม่ให้ดีขึ้น ภายใต้ชื่อ Bank Central Asia หรือ BCA
BCA เริ่มปฏิวัติวงการธนาคารของอินโดนีเซีย ด้วยการเป็นธนาคารแรกของประเทศ ที่ออกบัตรเครดิต และมีการขายประกัน นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างสาขา มาใช้ในธุรกิจด้วย
ธนาคาร BCA สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว และเติบโตแบบก้าวกระโดด จนสามารถขึ้นมาเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 3 ปี
จากเดิมที่เป็นเพียงธนาคารที่มีขนาดใหญ่อันดับที่ 23 จากธนาคารทั้งหมด 58 ธนาคารของอินโดนีเซีย ในปี 1975
อาณาจักรธุรกิจของ Sudono ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จนมีการคาดการณ์กันว่า ในปี 1996 ก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง บริษัทในเครือ Salim Group สามารถทำยอดขายรวมกันได้ 700,000 ล้านบาท คิดเป็น 4% ของ GDP อินโดนีเซียในสมัยนั้น เลยทีเดียว
ในขณะที่ตัว Sudono เจ้าของ Salim Group เอง ก็มีความมั่งคั่งสูงถึง 14,000 ล้านบาท จนติดอันดับผู้ที่ร่ำรวยอันดับที่ 68 ของโลกในเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 1997 เกิดวิกฤติทางการเงินที่ลุกลามไปทั่วเอเชีย ซึ่งส่งผลกระทบมายังเศรษฐกิจของอินโดนีเซียด้วย
รัฐบาล Suharto เผชิญกับแรงกดดันจากวิกฤติเศรษฐกิจ และการประท้วงบนท้องถนนอย่างหนัก จึงประกาศลาออกจากตำแหน่งในปี 1998 ปิดฉากรัฐบาลที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดของอินโดนีเซีย
ธุรกิจของ Sudono และตัว Sudono เองก็ตกเป็นเป้าของกลุ่มผู้ประท้วงที่ไม่พอใจรัฐบาลด้วยเช่นกัน จากการที่มีสายสัมพันธ์กับ Suharto
โดยผู้ประท้วงได้บุกไปเผาบ้านของ Sudono จนทำให้ตัวเขาจำเป็นต้องลี้ภัยออกนอกประเทศไปอยู่ที่สิงคโปร์
นอกจากนี้ วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ก็ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ Salim Group เป็นอย่างมาก จนทำให้ต้องขายธุรกิจในต่างประเทศบางธุรกิจออกไป เพื่อนำเงินมาเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ
ในขณะที่ ธุรกิจธนาคาร BCA เองก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยในช่วงระหว่างการประท้วงขับไล่ Suharto ธนาคาร BCA หลายสาขา รวมถึงตู้เอทีเอ็มหลายจุด ต่างถูกกลุ่มผู้ประท้วงทำลาย
ประกอบกับการที่มีวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงนั้น ความเชื่อมั่นของธนาคารก็ลดลง จนผู้ฝากเงินใน BCA ต่างถอนเงินออกไปเป็นจำนวนมาก จนเกิด Bank Run ทำให้ทางรัฐบาลอินโดนีเซียต้องเข้ามาอุ้ม โดยการเข้าควบคุมกิจการ BCA
วิกฤติเศรษฐกิจครั้งนั้นก็เรียกได้ว่า เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ Salim Group โดยความมั่งคั่งของตระกูล Salim หายไปเป็นจำนวนมาก จากที่เคยเป็นตระกูลที่รวยที่สุดของอินโดนีเซีย ก็ตกลงมาอยู่อันดับที่ 5
อ่านมาถึงตรงนี้ นี่ก็คือเรื่องราวของ Sudono Salim ชายผู้สามารถสร้างหนึ่งในเครือข่ายบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย ผ่านสายสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ได้มาในช่วงสงคราม จนสามารถขึ้นมาเป็นหนึ่งในคนที่รวยที่สุดของอินโดนีเซียได้..
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.