รู้จัก งบการเงินส่วนบุคคล เครื่องมือบริหารการเงิน ที่ทุกคนควรรู้จัก

รู้จัก งบการเงินส่วนบุคคล เครื่องมือบริหารการเงิน ที่ทุกคนควรรู้จัก

23 ธ.ค. 2022
การจะสร้างความมั่งคั่งส่วนบุคคล ได้อย่างราบรื่นนั้น
มีกฎที่เรียบง่ายอยู่ประการหนึ่ง คือ
“ใช้จ่ายให้น้อยกว่าที่หามาได้”
แต่สำหรับใครหลายคน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก สังเกตได้จาก อัตราส่วนหนี้ครัวเรือนของประเทศไทย ที่อยู่ในระดับสูงมาโดยตลอด
แต่รู้หรือไม่ว่า มีเครื่องมือที่สามารถช่วยให้เราวางแผนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสร้างความมั่งคั่งได้อย่างยั่งยืน
เครื่องมือดังกล่าวก็คือ “งบการเงินส่วนบุคคล”
ถ้าเราสงสัยว่า งบการเงินส่วนบุคคล คืออะไร
BillionMoney จะมาอธิบายให้เข้าใจ แบบง่าย ๆ
งบการเงินส่วนบุคคล ประกอบไปด้วย
-งบรายรับ-รายจ่าย (Income Statement)
ซึ่งบ่งบอกถึงสภาพคล่อง และพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินของเรา
-งบแสดงสถานะทางการเงิน (Balance Sheet)
เป็นตัววัดความมั่งคั่งของเรา
เริ่มกันที่ “งบรายรับ-รายจ่าย” ที่จะบอกเราว่า
ในแต่ละเดือน เงินที่เราได้รับ มาจากช่องทางไหนบ้าง ใช้จ่ายไปกับอะไร และเรามีเงินเหลือเก็บออมด้วยหรือไม่
โดยส่วนประกอบที่เราต้องรู้จัก ก็คือ
-รายรับ คือ รายได้ของเราทั้งหมด เช่น เงินเดือน, ค่าจ้าง, ค่าล่วงเวลา, โบนัส, ดอกเบี้ย และเงินปันผล
-เงินออม คือ เงินที่เราหัก เพื่อเก็บออมไว้ แล้วนำไปลงทุนเป็นประจำทุกเดือน ในช่องทางต่าง ๆ อย่างเช่น เงินสะสมในประกันสังคม, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
-รายจ่าย ประกอบด้วย “รายจ่ายคงที่” และ “รายจ่ายผันแปร”
รายจ่ายคงที่ เป็นรายจ่ายประจำ ที่มีภาระผูกพันให้ต้องจ่ายโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น ภาษี, ค่าผ่อนบ้าน, ค่าผ่อนรถ, เงินชำระคืนหนี้สิน และเบี้ยประกัน
รายจ่ายผันแปร เป็นรายจ่ายที่เราสามารถควบคุมได้
โดยจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของแต่ละคน
เช่น ค่าเดินทาง, ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายส่วนตัว
เมื่อนำทั้ง 3 ส่วนนี้มาประกอบกันแล้ว เราจะได้
“เงินคงเหลือ”
รายรับ - เงินออม - รายจ่าย = เงินคงเหลือ
โดยจำนวนเงินคงเหลือ จะเป็นตัวบ่งชี้ว่า
เรามีสภาพคล่องทางการเงินเป็นอย่างไร
ถ้าเรามี เงินคงเหลือ เป็นบวก หมายความว่า เรามีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี และแบ่งสัดส่วนของเงินที่ต้องใช้จ่าย
ได้เป็นอย่างดี
ขอยกตัวอย่างง่าย ๆ ของคุณ A เพื่อให้เราเข้าใจ
คุณ A มีรายได้ เป็นเงินเดือน เดือนละ 30,000 บาท
ค่าใช้จ่ายรายเดือน
-ค่าเดินทางไปทำงาน เดือนละ 5,000 บาท
-ค่าอาหาร เดือนละ 9,000 บาท
-ค่าใช้จ่ายทั่วไป เดือนละ 5,000 บาท
หักเป็นเงินออม
-เข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เดือนละ 1,500 บาท
-เข้าประกันสังคม เดือนละ 750 บาท
-เข้ากองทุน RMF เพื่อใช้ลดหย่อนภาษี เดือนละ 2,250 บาท
จากตัวอย่างนี้ คุณ A จะมี เงินคงเหลือ ทั้งสิ้น 6,500 บาทต่อเดือน เท่ากับว่า คุณ A มีเงินคงเหลือเป็นบวก ทำให้มีสภาพคล่องต่อเดือนค่อนข้างดี
ถัดมาจากงบรายรับ-รายจ่าย ก็คือ
งบแสดงสถานะทางการเงิน ที่จะเป็นเครื่องมือช่วยเราในการวัดความมั่งคั่ง โดยจะสะท้อนว่าเรามี ทรัพย์สิน หรือ หนี้สิน มากกว่ากัน
ซึ่งก่อนจะไปรู้ว่างบดังกล่าวคืออะไร เราก็ต้องเข้าใจนิยามของคำว่าทรัพย์สินและหนี้สินก่อน
ทรัพย์สิน คือ สิ่งที่จะช่วยเรา สร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น
เช่น ดอกเบี้ยจากเงินฝากหรือหุ้นกู้, เงินปันผลจากการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวม และค่าเช่าจากทรัพย์สินที่เราปล่อยเช่า
หนี้สิน คือ สิ่งที่จะทำให้เรามีรายจ่ายเพิ่มขึ้น เช่น เงินผ่อนหนี้กู้ซื้อบ้านหรือซื้อรถ และเงินผ่อนจ่ายหนี้บัตรเครดิต
โดยงบแสดงสถานะทางการเงินจะบ่งชี้ว่า สถานะทางการเงินของเราอยู่ในระดับที่ดีหรือไม่นั้น ผ่านการคำนวณ “ความมั่งคั่งสุทธิ” ซึ่งก็คือ
มูลค่าทรัพย์สินรวม - หนี้สินรวม = ความมั่งคั่งสุทธิ
ถ้าเรามี ความมั่งคั่งสุทธิ เป็นบวก ก็หมายความว่า
สถานะทางการเงินของเรากำลังอยู่ในจุดที่ดี
คือมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน
ขอยกตัวอย่างของคุณ B เพื่อให้เข้าใจ
คุณ B มีทรัพย์สิน ประกอบด้วย
-เงินลงทุนในหุ้น คิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน เป็นเงิน 1,000,000 บาท ซึ่งให้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผล ปีละ 5% เท่ากับปีละ 50,000 บาท
-เงินลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน 500,000 บาท
ในส่วนของหนี้สิน ประกอบด้วย
-หนี้บัตรเครดิต 50,000 บาท มีดอกเบี้ย 16% ต่อปี
จากตัวอย่างนี้ คุณ B จะมีความมั่งคั่งสุทธิ เท่ากับ
1,450,000 บาท
อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็คงเข้าใจแล้วว่า งบการเงินส่วนบุคคล คืออะไร และจะช่วยเราได้อย่างไร
โดยเราควรจัดทำ งบรายรับ-รายจ่าย ล่วงหน้าเอาไว้อย่างน้อย 6-12 เดือนข้างหน้า เพื่อกำหนดทิศทางทางการเงินของเรา เพื่อในอนาคต เราจะได้ไม่ใช้จ่ายจนเกินตัว
ทั้งนี้ ยังช่วยฝึกฝนการมีวินัยทางการเงินที่ดีให้กับเราในระยะยาวได้อีกด้วย
ส่วนการจัดทำ งบแสดงสถานะทางการเงิน
เราควรจะทำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเป็นการติดตามสถานะทางการเงิน ว่าในแต่ละปีที่ผ่านมา ภาพรวมทางการเงินของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
ถ้าเราพบว่า ในแต่ละปีที่เราจัดทำ งบแสดงสถานะทางการเงิน ความมั่งคั่งสุทธิของเราเพิ่มขึ้นอยู่ตลอด ก็หมายความว่า เราสามารถจัดการทรัพย์สินเงินทองได้เป็นอย่างดี
แต่หากเราพบว่า ความมั่งคั่งสุทธิของเรา ลดลงหรือติดลบ เราก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงิน เลิกก่อหนี้สิน และเร่งมุ่งสร้างทรัพย์สิน เพื่อสถานะทางการเงินที่ดีขึ้น
ก่อนจากกัน ก็ขอฝากคำพูดของคุณปู่ Warren Buffett
นักลงทุนระดับตำนาน ที่เคยบอกเอาไว้ว่า
“Charlie Munger และฉันรู้ดีมาตลอดว่า สักวันพวกเราจะมั่งคั่งเป็นอย่างมาก แต่เราแค่ไม่รีบ
หากเธอเป็นนักลงทุนที่เก่งกว่านักลงทุนทั่ว ๆ ไปสักนิดหนึ่ง
ใช้จ่ายเงินให้น้อยกว่าที่เธอหามาได้
ในช่วงชีวิตของเธอ ไม่ต้องอ้อนวอนให้ใครมาช่วยหรอก
เธอจะมั่งคั่งอย่างแน่นอน แต่เธอต้องอดทน”
References
-Money 101 เริ่มต้นนับหนึ่งสู่ชีวิตการเงินอุดมสุข (2019) โดย จักรพงษ์ เมษพันธุ์
-Rich Dad Poor Dad: What the Rich Teach Their Kids About Money That the Poor and Middle Class Do Not! (2000) โดย Robert Kiyosaki และ Sharon L. Lechter
-The Richest Man in Babylon (1926) โดย George Samuel Clason
-The Education of a Value Investor: My Transformative Quest for Wealth, Wisdom, and Enlightenment (2014) โดย Guy Spier
-I Will Teach You to Be Rich, Second Edition: No Guilt. No Excuses. No BS. Just a 6-Week Program That Works (2019) โดย Ramit Sethi
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.