
กสิกรไทย เข้าถือหุ้นใหญ่ ธนาคารแมสเปี้ยน อินโดนีเซีย ในมูลค่า 6,500 ล้าน
9 ธ.ค. 2022
ธนาคารกสิกรไทย ส่ง กสิกร วิชั่น ไฟแนนเชียล ซื้อหุ้นเพิ่มทุนธนาคารแมสเปี้ยน ประเทศอินโดนีเซีย ด้วยมูลค่าการลงทุน 186.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 6.5 พันล้านบาท
ส่งผลให้กสิกรไทยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นรวมในธนาคารแมสเปี้ยน เป็น 67.5% กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นที่เรียบร้อย
โดยบริษัทก็จะเดินหน้านำจุดแข็งบริการและเทคโนโลยีพัฒนาบริการให้ลูกค้ารายย่อย และธุรกิจเข้าถึงโอกาสทางการเงินสะดวกยิ่งขึ้น พร้อมเชื่อมโยงฐานลูกค้าธุรกิจ เสริมแกร่งการเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค
ทั้งนี้ ธนาคารแมสเปี้ยน เป็นธนาคารมีขนาดสินทรัพย์ 888 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 31,100 ล้านบาท และมีสาขาจำนวน 50 แห่งทั่วอินโดนีเซีย จึงทำให้ดีลนี้นับเป็นการควบรวมกิจการครั้งแรกของธนาคารกสิกรไทยภายใต้กลยุทธ์การขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค
ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้นับว่าเกิดขึ้นในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ทั้งในแง่ความต้องการสินเชื่อที่กำลังเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการเติบโตทาง เศรษฐกิจของประเทศอินโดนีเซียในช่วงการฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาด และในแง่ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเกิดจากการหลั่งไหลของการลงทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ธนาคารกสิกรไทย มีความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกภาคส่วนของประเทศอินโดนีเซีย โดยจะนำประสบการณ์ ความพร้อม และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจธนาคารที่มีมายาวนานกว่า 77 ปี มาประยุกต์ ต่อยอด และเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมทางการเงินของ KASIKORN Business Technology Group (KBTG) มาสู่ธนาคารแมสเปี้ยน เพื่อผลักดันให้ธนาคารแมสเปี้ยน เติบโตเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดใน East Java
และพร้อมรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียในระยะยาวต่อไป ผ่านการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจ 3 กลุ่ม แบ่งออกเป็น
กลุ่มองค์กร/ธุรกิจขนาดใหญ่ (Corporate)
ธนาคารจะเพิ่มศักยภาพในการปล่อยสินเชื่อและให้บริการด้านธนาคาร ที่ครบวงจร เพื่อเป็นหนึ่งในแหล่งเงินทุนที่ตอบสนองความต้องการของ ธุรกิจท้องถิ่นขนาดใหญ่ (Local Large Corporate) เนื่องจากธนาคารเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของกลุ่มธุรกิจนี้ ซึ่งกระจายอยู่ในหลากหลายสาขาธุรกิจของประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะผู้นำทางธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมให้เข้าสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ และจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงตลาดภายในประเทศของอินโดนีเซียให้เป็นหนึ่งเดียว ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ (National Development Plan) ของรัฐบาลอินโดนีเซีย
ซึ่งธนาคารเชื่อว่าแผนนี้จะสามารถผลักดันให้ประเทศอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในปลายทางการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างดี โดยธนาคารพร้อมจะเป็นสะพานเชื่อมการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศอินโดนีเซีย ทั้งจากธุรกิจไทย (TDI) และธุรกิจต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ (กลุ่มประเทศ AEC+3)
กลุ่มธุรกิจขนาดกลาง (Commercial)
ธนาคารให้การสนับสนุนด้วยการปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจขนาดกลางที่มีจำนวนมาก เพื่อให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเทคโนโลยีทางการเงินที่จะช่วยป รับปรุงระบบการชำระเงินแก่ผู้ประกอบการ เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดในการขับเคลื่อนธุรกิจแบบรอบด้าน ช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางกลุ่มนี้ดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และพร้อมขยายไปเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้ในอนาคต
กลุ่มลูกค้ารายย่อย (Retail)
ธนาคารมุ่งขยายฐานลูกค้ารายย่อยในอินโดนีเซียผ่านการให้บริการโมบายแบงก์กิ้ง หรือ บริการธุรกรรมออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้ารายย่อย ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็ก (MSME) ที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างจำกัด แต่มีความสามารถในการใช้บริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลได้มากขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารได้ออกแบบผลิตภัณฑ์และการบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ มีฟีเจอร์ที่มีความหลากหลาย พร้อมทั้งพัฒนาระบบโมบายแบงก์กิ้งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่มีแนวโน้มการใช้งาน ผ่านช่องทางนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเข้าซื้อกิจการธนาคารมาสเปี้ยนของธนาคารกสิกรไทย ในปี 2565 ครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการยกระดับธนาคารกสิกรไทยในฐานะธนาคารระดับภูมิภาค AEC+3 ครั้งล่าสุด
หลังจากได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจธนาคารท้องถิ่นใน สปป.ลาว ปี 2557 และได้ใบอนุญาตการประกอบธุรกิจธนาคารท้องถิ่นในประเทศจีนในปี 2559 และประสบความสำเร็จจากการเปิดสาขาพนมเปญ ในประเทศกัมพูชาปี 2560 และสาขาโฮจิมินห์ซิตี้ ในประเทศเวียดนามในปี 2564