
กองทุนอสังหาริมทรัพย์ Freehold และ Leasehold ต่างกันอย่างไร
8 ก.ย. 2022
ในช่วงที่ผ่านมา หนึ่งในประเภทกองทุนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ก็คือ “กองทุนอสังหาริมทรัพย์” ซึ่งมี 2 รูปแบบด้วยกัน แบ่งออกเป็น Freehold และ Leasehold
วันนี้เรามาดูกันว่ากองทุนประเภทนี้ เป็นอย่างไร
แล้วแบบ Freehold และ Leasehold มีอะไรต่างกัน ?
BillionMoney จะสรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
แล้วแบบ Freehold และ Leasehold มีอะไรต่างกัน ?
BillionMoney จะสรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่านั้น เป็นหนึ่งในท่าประจำ
ที่นักลงทุนหลายคนใช้กัน เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอในแต่ละเดือน
ที่นักลงทุนหลายคนใช้กัน เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอในแต่ละเดือน
อย่างไรก็ตาม หลายครั้งการเข้าไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านหรือคอนโดมิเนียมโดยตรง อาจไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่สูง และเรายังต้องมองหาผู้เช่าที่ไว้ใจได้
แถมในกรณีที่เราต้องการเงินสดทันที ก็จะค่อนข้างยาก เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ มีสภาพคล่องค่อนข้างต่ำ
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงมีทางเลือกให้นักลงทุน เข้าไปเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ผ่านการลงทุนในกองทุนรวม
ซึ่งกองทุนก็จะนำเงินไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกระแสรายได้ที่สม่ำเสมอ และนำผลตอบแทนจากค่าเช่า กลับออกมาจ่ายให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในรูปของเงินปันผล
ซึ่งกองทุนก็จะนำเงินไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกระแสรายได้ที่สม่ำเสมอ และนำผลตอบแทนจากค่าเช่า กลับออกมาจ่ายให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในรูปของเงินปันผล
นอกจากนั้นก็มีกองทุน ที่มีลักษณะคล้ายกันกับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เช่น
-ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust) หรือที่เรามักเรียกกันในชื่อว่า REITs มีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้หลากหลายประเภท แถมยังสามารถไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศได้อีกด้วย
-กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ที่เน้นลงทุนไปที่สินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐาน ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน เช่น โรงไฟฟ้า ระบบโทรคมนาคมและการสื่อสาร ถนน รวมถึงทางด่วน
ซึ่งก็มีทั้งแบบ Freehold และ Leasehold
แล้วทั้ง 2 แบบนี้ แตกต่างกันอย่างไร ?
แล้วทั้ง 2 แบบนี้ แตกต่างกันอย่างไร ?
1) กองทุนอสังหาริมทรัพย์ แบบ Freehold
-กองทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นเจ้าของ จึงทำให้มีกรรมสิทธิ์เต็มที่ในอสังหาริมทรัพย์ที่ไปลงทุน
-หากอสังหาริมทรัพย์ที่ไปลงทุนก่อนหน้านี้ มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เมื่อมีการยกเลิกกองทุน กองทุนสามารถนำอสังหาริมทรัพย์ มาขายต่อให้คนอื่นได้ ซึ่งเราจะได้กำไรในรูปของส่วนต่างราคา ซึ่งจะทำให้มูลค่าหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนได้รับคืนจะเพิ่มสูงขึ้น
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ก็หมายความว่า คนที่ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ แบบ Freehold จะได้รับผลตอบแทนถึง 2 ต่อด้วยกัน คือรายได้จากค่าเช่าและโอกาสที่จะทำกำไร จากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ถ้าในอนาคตกองทุนนำอสังหาริมทรัพย์ออกมาขาย
2) กองทุนอสังหาริมทรัพย์ แบบ Leasehold
-กองทุนจะไปลงทุนโดยการเช่าอสังหาริมทรัพย์ จึงไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุน ระยะเวลาในการเช่ามากสุดจะไม่เกิน 30 ปี โดยกองทุนจะนำอสังหาริมทรัพย์ที่เช่ามา เพื่อไปปล่อยเช่าต่อ และเก็บรายได้จากค่าเช่า
-ผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับคืนนั้น จะมีทั้งผลตอบแทนที่เป็นรายได้จากค่าเช่าและเงินต้นรวมอยู่ด้วย
ที่เป็นแบบนี้ เพราะมูลค่าสิทธิการเช่าจะลดลงเรื่อย ๆ ตามเวลาที่เหลืออยู่ ซึ่งเมื่อนำมูลค่าสิทธิการเช่ามาคำนวณแล้ว NAV จะลดต่ำลงไปเรื่อย ๆ จนเป็นศูนย์ ณ วันที่ครบอายุสัญญาเช่า
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจคิดว่า ถ้าเราเลือกลงทุนแบบ Freehold น่าจะคุ้มค่ากว่า เพราะปกติแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป อสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่จะมีราคาเพิ่มขึ้น ในอนาคตก็มีโอกาสที่จะได้รับกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ ที่กองทุนไปลงทุนมาก่อนหน้า
แต่ก็ต้องบอกว่า การลงทุนแบบ Leasehold นั้น เกิดขึ้นเพราะเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องการขายอสังหาริมทรัพย์
เหตุผลสำคัญคือ อสังหาริมทรัพย์นั้น มีทำเลดีมาก ๆ เจ้าของจึงมักไม่ยอมขาย และนั่นก็หมายความว่าโอกาสที่นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทน ในรูปของค่าเช่านั้น มักสูงตามไปด้วย
เมื่อเราสนใจที่จะลงทุน ในกองทุนอสังหาริมทรัพย์แล้วนั้น
นอกจากการดูว่ากองทุนนั้น มีลักษณะเป็นแบบ Freehold หรือ Leasehold
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การวิเคราะห์ดูว่าอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนเข้าไปลงทุนนั้น มีศักยภาพในการสร้างรายได้จากค่าเช่ามากน้อยแค่ไหน
นอกจากการดูว่ากองทุนนั้น มีลักษณะเป็นแบบ Freehold หรือ Leasehold
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การวิเคราะห์ดูว่าอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนเข้าไปลงทุนนั้น มีศักยภาพในการสร้างรายได้จากค่าเช่ามากน้อยแค่ไหน
เช่น ถ้าอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนเข้าไปลงทุน เป็นออฟฟิศหรือสำนักงาน
เราก็ต้องวิเคราะห์ว่า ออฟฟิศ หรือสำนักงานนั้น มีอัตราการเช่าพื้นที่เป็นอย่างไร มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นไหม
รวมทั้งอัตราค่าเช่า มีโอกาสปรับขึ้นในอนาคตหรือไม่
เราก็ต้องวิเคราะห์ว่า ออฟฟิศ หรือสำนักงานนั้น มีอัตราการเช่าพื้นที่เป็นอย่างไร มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นไหม
รวมทั้งอัตราค่าเช่า มีโอกาสปรับขึ้นในอนาคตหรือไม่
หรือถ้าอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนเข้าไปลงทุน เป็นโรงงานหรือโกดังสินค้า
เราก็ควรต้องพิจารณา เรื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
รวมไปถึงทำเลที่ตั้ง และสภาพการจับจ่ายของคนในพื้นที่นั้น ๆ เช่นกัน
เราก็ควรต้องพิจารณา เรื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
รวมไปถึงทำเลที่ตั้ง และสภาพการจับจ่ายของคนในพื้นที่นั้น ๆ เช่นกัน
อ่านมาถึงตรงนี้ เราน่าจะเข้าใจความหมาย ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ทั้งแบบ Freehold และ Leasehold พอสมควร
หากในอนาคตเรากำลังตัดสินใจลงทุนในกองทุนประเภทนี้
บทความนี้ก็น่าจะช่วยให้เราเลือกการลงทุน ในแบบที่เหมาะสมกับตัวเราได้ดีขึ้น ไม่มากก็น้อย..
บทความนี้ก็น่าจะช่วยให้เราเลือกการลงทุน ในแบบที่เหมาะสมกับตัวเราได้ดีขึ้น ไม่มากก็น้อย..
References
-https://www.gpf.or.th/thai2019/2Member/main.php?page=23&menu=infomoney&lang=en
-https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/254-mf-thematic6
-https://www.kasikornasset.com/th/market-update/Pages/Property-Fund_Leasehold.aspx
-https://www.sec.or.th/TH/Template3/Articles/2560/ac-post-25600519-REIT.pdf
-https://www.gpf.or.th/thai2019/2Member/main.php?page=23&menu=infomoney&lang=en
-https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/254-mf-thematic6
-https://www.kasikornasset.com/th/market-update/Pages/Property-Fund_Leasehold.aspx
-https://www.sec.or.th/TH/Template3/Articles/2560/ac-post-25600519-REIT.pdf