หลายคนอาจจะรู้จักประเทศฟีจี จากน้ำแร่ที่สะอาด
แต่รู้หรือไม่ว่าชาวฟีจี ผู้อยู่ใกล้แหล่งน้ำแร่แห่งนี้ กว่า 12% ไม่มีน้ำสะอาดให้ดื่ม

น้ำแร่ฟิจิ สินค้าส่งออกอันดับ 1 ที่คนฟีจีไม่ภูมิใจ
15 ส.ค. 2022
น้ำแร่ฟิจินั้น เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของประเทศฟีจี โดยในปี 2021 มีมูลค่า 3,769 ล้านบาท
คิดเป็น 2% ของ GDP ประเทศฟีจีเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นชาวฟีจีก็ไม่ได้รู้สึกภูมิใจ แม้ชื่อเสียงของน้ำแร่ฟิจิ จะดังไกลไปทั่วโลก
คิดเป็น 2% ของ GDP ประเทศฟีจีเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นชาวฟีจีก็ไม่ได้รู้สึกภูมิใจ แม้ชื่อเสียงของน้ำแร่ฟิจิ จะดังไกลไปทั่วโลก
เพราะเหตุใดทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ?
BillionMoney จะอธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ
BillionMoney จะอธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ
ฟีจี เป็นประเทศหมู่เกาะซึ่งเกิดจากหินภูเขาไฟ ที่ตั้งอยู่ห่างจากทางทิศเหนือ ของประเทศนิวซีแลนด์ ไปประมาณ 1,700 กิโลเมตร โดยมีเกาะที่ใหญ่ที่สุดคือ วิติเลวู ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และเป็นที่ตั้งเมืองหลวงของประเทศ
ซึ่งเกาะวิติเลวูนี้เอง ก็เป็นที่อยู่ของแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติใต้ดิน ซึ่งเกิดจากน้ำฝนที่ไหลรินผ่านชั้นหินภูเขาไฟลงไปใต้ดิน จนเกิดเป็นน้ำแร่บริสุทธิ์ ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์จากหินภูเขาไฟ
แหล่งน้ำแร่ธรรมชาติแห่งนี้ ซ่อนตัวอยู่กลางป่าลึกของเกาะ จนกระทั่งการมาถึงของคุณ David Gilmour นักธุรกิจชาวแคนาดา ได้เข้ามาสร้างรีสอร์ตสุดหรู บนเกาะวาคายา ประเทศฟีจี ในช่วงต้นปี 1990 ซึ่งรีสอร์ตแห่งนี้ ได้ต้อนรับคนที่มีชื่อเสียง และมหาเศรษฐีหลายคน เช่น คุณ Bill Gates ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft และคุณ Pierce Brosnan นักแสดงผู้รับบท James Bond ในตอนนั้น เป็นต้น
ช่วงแรกนั้น น้ำดื่มในรีสอร์ต ถูกซื้อเข้ามาจากที่อื่น ทำให้คุณ Gilmour เกิดความคิดที่จะหาแหล่งน้ำใกล้ ๆ มาให้ลูกค้าได้ดื่ม แทนที่จะต้องนำเข้ามาด้วยราคาแพง ๆ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้ค้นหาแหล่งน้ำบริสุทธิ์ภายในฟีจี จนกระทั่งมาพบกับแหล่งน้ำใต้ดิน บนเกาะวิติเลวู
นับตั้งแต่นั้นเอง เขาก็ได้ทำสัญญาเช่าพื้นที่เป็นเวลา 99 ปี กับรัฐบาลฟีจี เพื่อทำการสูบน้ำแร่ธรรมชาติเหล่านี้ ขึ้นมาบรรจุขวดขาย พร้อมกับตั้งบริษัท Natural Waters of Viti ขึ้นมาดูแลการผลิตและส่งออกน้ำแร่บรรจุขวด ภายใต้ชื่อแบรนด์ FIJI Water ที่เรารู้จัก ในปี 1996
ซึ่งการที่รัฐบาลฟีจียอมให้เขาเช่าพื้นที่ได้นานขนาดนั้น ก็เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านั้น เศรษฐกิจของฟีจีกำลังย่ำแย่ จากภาคการท่องเที่ยว และภาคการเกษตรที่หดตัว ส่งผลให้รัฐบาลต้องการดึงดูดนักลงทุน
เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยนอกจากรัฐบาลจะให้เช่าพื้นที่แล้ว ยังยกเว้นภาษีให้กับธุรกิจของเขาถึง 10 ปีด้วย
เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยนอกจากรัฐบาลจะให้เช่าพื้นที่แล้ว ยังยกเว้นภาษีให้กับธุรกิจของเขาถึง 10 ปีด้วย
ผู้บริโภคกลุ่มแรก ๆ ของน้ำแร่ฟิจิ ก็คือเหล่าคนดัง ซึ่งได้มาพักอยู่ในรีสอร์ตสุดหรูของคุณ Gilmour และด้วยการแนะนำแบบปากต่อปาก ของเหล่าคนดังนี้เอง ก็ทำให้น้ำแร่ฟิจิกลายเป็นที่รู้จัก และส่งผลให้ยอดขายของน้ำแร่ฟิจิเติบโตอย่างรวดเร็ว จนขึ้นมาเป็นน้ำแร่อันดับ 1 สำหรับร้านอาหารหรูในสหรัฐอเมริกา แทนที่น้ำดื่มอย่าง Evian จากประเทศฝรั่งเศสในที่สุด
จากนั้นคุณ Gilmour ก็ได้ขายกิจการให้กับบริษัท Roll International Corporation จากสหรัฐอเมริกา ที่เปลี่ยนชื่อเป็น The Wonderful Company ในภายหลัง โดยเจ้าของใหม่อย่าง คุณ Lynda และคุณ Stewart Resnick ก็ได้สานต่อความสำเร็จของน้ำแร่ฟิจิ ด้วยการทำการตลาด โดยการใช้คนที่มีชื่อเสียงมาโฆษณา หรือนำสินค้าไปโผล่ในฉากหนังของฮอลลีวูด เป็นต้น
พร้อมทั้งสร้างเรื่องราวของแบรนด์ว่า น้ำแร่ฟิจิเป็น “น้ำที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก” เพราะอยู่ห่างไกลจากความเจริญ ที่จะทำให้น้ำเกิดการปนเปื้อน นั่นจึงทำให้ชื่อเสียงของน้ำแร่ฟิจิกลายเป็นที่รู้จักอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตาม เราจะเห็นได้ว่าความสำเร็จของน้ำแร่ฟิจิ ในเวทีโลกนั้น ล้วนแต่เป็นฝีมือของบริษัทต่างชาติทั้งนั้น จนเป็นเหตุให้บริษัท Natural Waters of Viti ที่เป็นบริษัทต่างชาติ มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของประเทศฟีจีเป็นอย่างมาก
โดยเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงอำนาจทางเศรษฐกิจ ที่มากของบริษัทนี้ เกิดขึ้นในปี 2008 เมื่อรัฐบาลฟีจี ต้องการขึ้นภาษีส่งออกน้ำ ส่งผลให้บริษัทไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนประกาศปิดโรงงานผลิต และไล่พนักงานชาวฟีจีกว่า 700 ชีวิตออกในทันที รัฐบาลจึงยกเลิกการขึ้นภาษีส่งออกน้ำในที่สุด
นอกจากนี้ บริษัท Natural Waters of Viti ได้ปิดโรงงานเพื่อประท้วงอีกครั้ง ในปี 2010 พร้อมทั้งขู่ว่าจะย้ายฐานการผลิตไปยังนิวซีแลนด์แทน หลังรัฐบาลฟีจีต้องการขึ้นภาษีการส่งออกน้ำครั้งใหม่ แต่ครั้งนี้ทางบริษัทต้องเป็นฝ่ายยอม เนื่องจากรัฐบาลใช้ไม้แข็ง ด้วยการขู่ว่าจะปล่อยสัญญาเช่าให้กับบริษัทใหม่ที่มาประมูล
จากเหตุการณ์ทั้งสองครั้ง จะเห็นได้ว่าการปล่อยให้บริษัทต่างชาติ มีอิทธิพลในภาคเศรษฐกิจหลักของประเทศมากเกินไป ก็ไม่เป็นผลดีกับประเทศเช่นกัน..
References
-https://www.fijivillage.com/news/12-of-Fijis-population-does-not-have-access-to-clean-and-safe-drinking-water---WAF-9k5s2r
-https://comtrade.un.org/data/
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.MKTP.CD?locations=FJ
-https://www.travelonline.com/fiji/geography
-https://newuniversity.org/2021/03/10/the-dark-secret-of-fiji-water/
-https://www.jstor.org/stable/23701518
-https://www.hbs.edu/faculty/Pages/item.aspx?num=41550
-https://www.eastasiaforum.org/2010/12/18/the-fiji-water-saga-2/
-https://www.nzherald.co.nz/business/kiwi-water-company-back-up-to-fiji-water/4RWOWQI6IQXZRK5TBF4ZQNQ24A/
-https://www.fijivillage.com/news/12-of-Fijis-population-does-not-have-access-to-clean-and-safe-drinking-water---WAF-9k5s2r
-https://comtrade.un.org/data/
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.MKTP.CD?locations=FJ
-https://www.travelonline.com/fiji/geography
-https://newuniversity.org/2021/03/10/the-dark-secret-of-fiji-water/
-https://www.jstor.org/stable/23701518
-https://www.hbs.edu/faculty/Pages/item.aspx?num=41550
-https://www.eastasiaforum.org/2010/12/18/the-fiji-water-saga-2/
-https://www.nzherald.co.nz/business/kiwi-water-company-back-up-to-fiji-water/4RWOWQI6IQXZRK5TBF4ZQNQ24A/