
Motorola ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือในตำนาน ที่เคยโดน iPhone ไล่บี้ วันนี้เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่มูลค่า 2 ล้านล้านบาท
18 ธ.ค. 2025
“ก้าวเล็ก ๆ ของคนคนหนึ่ง แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ”
ประโยคอันโด่งดังของคุณนีล อาร์มสตรอง มนุษย์คนแรกที่ก้าวเท้าไปเหยียบดวงจันทร์ได้สำเร็จนี้ จะไม่มีใครบนโลกได้ยินเลย
ถ้าขาดอุปกรณ์รับส่งสัญญาณระหว่างยานอวกาศ กับสถานีภาคพื้นดินบนโลกที่ผลิตโดยบริษัทชื่อ Motorola..
บริษัทที่เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกของโลกได้สำเร็จในปี 1983 อย่าง Motorola DynaTAC 8000X ที่ผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่านน่าจะรู้จักกันในชื่อ “โทรศัพท์กระดูกหมา”
รวมถึงโทรศัพท์มือถือแบบมีฝาพับในตำนาน ที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักอย่าง MOTORAZR V3 Cellular
แต่ก็อย่างที่รู้กันว่า ตลาดโทรศัพท์มือถือ ที่ตอนนี้เป็นสมาร์ตโฟนหมดแล้วในปัจจุบัน ถูกครอบครองโดย Apple และ Samsung
นั่นก็เป็นเพราะว่า Motorola ไม่สามารถสร้างสมาร์ตโฟนมาแข่งขันกับ iPhone ได้ และพ่ายแพ้ให้กับผู้ผลิตสมาร์ตโฟนยุคหลัง
ถึงอย่างนั้น ปัจจุบันบริษัทแห่งนี้ก็ยังคงมีมูลค่ามากถึง 2 ล้านล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าบริษัทพอ ๆ กับ DELTA บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทยเลย
แล้วทำไมบริษัทที่เคยพ่ายแพ้ iPhone ราบคาบ อย่าง Motorola ยังสามารถกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าพอ ๆ กับ DELTA ได้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
จริง ๆ แล้ว บริษัท Motorola เกิดขึ้นมาก่อนโลกใบนี้จะมีธุรกิจโทรศัพท์มือถือเสียอีก
โดย Motorola มีชื่อเดิมว่าบริษัท Galvin Manufacturing Corporation ซึ่งถูกก่อตั้งในปี 1928 โดยคุณ Paul และคุณ Joseph Galvin 2 พี่น้องจากเมืองชิคาโก
นวัตกรรมชิ้นแรกของบริษัท คือ อะแดปเตอร์แปลงไฟ สำหรับวิทยุ
วิทยุในสมัยก่อน ไม่สามารถเสียบปลั๊กไฟเพื่อให้วิทยุทำงานได้
เพราะวิทยุใช้ระบบไฟฟ้าแบบกระแสตรง ซึ่งเข้ากันไม่ได้กับปลั๊กไฟในอาคารส่วนใหญ่ ที่ใช้ระบบไฟฟ้าแบบกระแสสลับ
จึงต้องใส่แบตเตอรี่อย่างเดียว ถึงจะทำงานได้ แต่ก็ต้องเสียเงินซื้อแบตเตอรี่ไว้เปลี่ยนอยู่บ่อย ๆ
แต่พอมีอะแดปเตอร์แปลงไฟของ Motorola วิทยุก็สามารถเสียบปลั๊กไฟเพื่อทำงานได้เลย ไม่ต้องคอยเปลี่ยนแบตเตอรี่อีกต่อไป
ต่อมาบริษัทก็เริ่มพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ออกมา ตัวอย่างสินค้าที่นับว่าเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ในยุคนั้นก็คือ วิทยุที่อยู่ในรถยนต์ ซึ่งต่อมาก็กลายมาเป็นสิ่งที่อยู่ในรถยนต์ทุกคัน มาจนถึงทุกวันนี้
นอกจากนี้บริษัทก็ยังคิดค้นวิทยุสื่อสารให้กับตำรวจ และทหารอีกด้วย
โดยเฉพาะในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่บริษัทสามารถคิดค้นวิทยุสื่อสารขนาดพกพาได้สำเร็จ ทำให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นนวัตกรรมที่มีส่วนให้ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับชัยชนะในที่สุด
จะเห็นได้ว่า Motorola เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างนวัตกรรมการสื่อสาร ก่อนที่โลกของเราจะเข้าสู่ยุคของโทรศัพท์มือถือเสียอีก
จนเมื่อจบสงครามโลกครั้งที่ 2 บริษัทก็เปลี่ยนชื่อจาก Galvin Manufacturing Corporation เป็น Motorola
จากนั้นเมื่อโลกเข้าสู่ยุคของการแข่งขันกันสำรวจอวกาศ Motorola ก็เป็นบริษัทที่มีส่วนร่วมในการติดตั้งอุปกรณ์วิทยุในยานอวกาศของ NASA
หนึ่งในอุปกรณ์สำคัญก็คือ อุปกรณ์รับส่งสัญญาณระหว่างยานอวกาศ กับสถานีภาคพื้นดิน ที่เรากล่าวถึงไปตอนต้นบทความนั่นเอง
และจุดเปลี่ยนของบริษัทก็มาถึง เมื่อบริษัทสามารถคิดค้นโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกของโลกได้สำเร็จในปี 1983 ชื่อว่า Motorola DynaTAC 8000X
นับเป็นการสร้างตลาดใหม่ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนอีกครั้งหนึ่งสำหรับ Motorola
แต่สุดท้ายตลาดที่ใหญ่เกินไปของธุรกิจนี้ ก็ดึงดูดให้มีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาท้าชิงส่วนแบ่งตลาดของ Motorola
ไล่มาตั้งแต่ Nokia ที่มีการลงทุนสร้างแบรนด์ และการขยายช่องทางจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วโลก
ไปจนถึง BlackBerry ที่มีความสามารถคล้ายคลึงกับสมาร์ตโฟนในยุคนี้
และธุรกิจโทรศัพท์มือถือของ Motorola ก็มาถึงจุดสิ้นสุด จากการเข้ามาของ Apple ที่ส่ง iPhone สมาร์ตโฟนระบบสัมผัสลงมาแข่ง
ในปี 2011 Motorola ซึ่งประกอบด้วย 2 ธุรกิจหลัก คือ Motorola Mobility ซึ่งดูแลธุรกิจโทรศัพท์มือถือ และ Motorola Solutions ซึ่งดูแลธุรกิจดั้งเดิมอย่าง ธุรกิจวิทยุสื่อสาร
บริษัทจำเป็นต้องขายธุรกิจ Motorola Mobility ซึ่งในตอนนั้นเป็นธุรกิจที่ขาดทุน จากการโดนคู่แข่งแย่งส่วนแบ่งตลาด โดยเฉพาะ iPhone ออกไปให้ Google ได้รับเงินมาประมาณ 390,000 ล้านบาท
เหลือไว้แต่ธุรกิจ Motorola Solutions ซึ่งเป็นธุรกิจวิทยุสื่อสารของตำรวจ นักดับเพลิง เจ้าหน้าที่รถพยาบาล และทหาร
ถ้าเราตัดจบเรื่องราวลงแต่เพียงเท่านี้ บทความนี้ก็คงจะต้องปิดท้ายด้วยการถอดบทเรียนความล้มเหลวของ Motorola
แต่อันที่จริงแล้ว แม้ธุรกิจเหล่านี้จะดูเป็นธุรกิจน่าเบื่อ แต่ด้วยความที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานรัฐที่เป็นลูกค้าบริษัทมานาน
ก็ทำให้ธุรกิจส่วนนี้เป็นเหมือนห่านทองคำของบริษัท ที่คอยสร้างกระแสเงินสดได้อย่างมั่นคงมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม Motorola ก็เรียนรู้มาแล้วว่า การหยุดอยู่กับที่ให้คู่แข่งที่มีเทคโนโลยีที่ดีกว่าเข้ามาแข่ง จะทำให้บริษัทพ่ายแพ้ในเกมธุรกิจ
Motorola Solutions จึงเริ่มขยับตัวครั้งใหญ่ ด้วยการเข้าซื้อกิจการมากกว่า 50 แห่ง เพื่อต่อยอดธุรกิจของตัวเอง
หนึ่งในดีลที่น่าสนใจก็คือ การเข้าซื้อบริษัท Silvus Technologies ซึ่งครอบครองเทคโนโลยีการสื่อสารของโดรน
โดยบริษัทมองว่าโลกยุคใหม่ จะมีการใช้งานโดรนกันมากขึ้น โดยเฉพาะโดรนทางการทหาร
นอกจากนี้บริษัทยังเพิ่มเทคโนโลยีเข้าไปในผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมของตัวเองด้วย เช่น การเพิ่มระบบ AI เข้าไปในกล้องประจำตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ตำรวจสามารถเก็บข้อมูลได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน Motorola Solutions สร้างรายได้มากกว่า 300,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 66,000 ล้านบาท ในรอบ 12 เดือนย้อนหลังที่ผ่านมา
เรื่องราวของ Motorola กำลังบอกเราว่า บางทีผู้คิดค้นนวัตกรรม และเป็นผู้สร้างตลาดเป็นคนแรก ในท้ายที่สุดแล้ว อาจจะไม่ใช่ผู้ชนะในตลาดที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้นมาเสมอไป
แต่คือคนที่ไม่หยุดพัฒนานวัตกรรมของตัวเอง และสร้างความได้เปรียบให้ตัวเองอยู่เสมอ
เหมือนที่ Apple เข้ามาในตลาดโทรศัพท์มือถือ ด้วยนวัตกรรมระบบหน้าจอแบบสัมผัส
พร้อมกับสร้างความได้เปรียบให้ตัวเอง ผ่านการสร้างแบรนด์ และบริการเก็บข้อมูลแบบ iCloud ทำให้ลูกค้าติดอยู่ในระบบนิเวศของ Apple
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่บริษัทอื่นทำตามได้ยาก และค่อย ๆ เขี่ยคู่แข่งออกไปทีละราย รวมถึง Motorola ด้วย
แต่ผู้แพ้ ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องล้มหายตายจากโลกนี้ไปเลย เพราะถ้าเราหาจุดแข็งของตัวเองให้เจอ แล้วเสริมจุดแข็งนั้นลงไป ผ่านการเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง
วันหนึ่ง เราก็จะหาพื้นที่ ที่เราสามารถเติบโตต่อไปได้เหมือนกัน..
#ธุรกิจ
#ประวัติธุรกิจ
#Motorola
References