อธิบายการ “ยื่นภาษี” เหตุผลที่ทำให้ ได้เงินคนละครึ่งไม่เท่ากัน

อธิบายการ “ยื่นภาษี” เหตุผลที่ทำให้ ได้เงินคนละครึ่งไม่เท่ากัน

21 ต.ค. 2025
เมื่อวานนี้ ได้มีประเด็นร้อนตั้งแต่วันแรกของการรับสิทธิ โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” 
หลังจากที่มีผู้ใช้งานในโลกออนไลน์ ได้แสดงความสงสัย ว่าทำไมตนถึงได้เงินคนละครึ่งเพียงแค่ 2,000 บาท ทั้งที่ก็เสียเงิน “ประกันสังคม” ไปในทุกเดือน 
แม้ดูแล้วจะต้องเสียเงินเหมือนกัน แต่อันที่จริงแล้ว การส่งประกันสังคม กับการยื่นและเสียภาษีนั้น ถือเป็น 2 สิ่งที่แตกต่างกันพอสมควร
แล้วทั้ง 2 สิ่งนี้แตกต่างกันอย่างไร ? 
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
จากเว็บไซต์ของโครงการคนละครึ่งพลัส ได้แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่จะได้รับสิทธิใช้จ่ายจากโครงการคนละครึ่ง เป็นจำนวน 2,400 บาท ต้องเป็นผู้ที่ยื่นแบบภาษี 
โดยนิยามของผู้ที่ยื่นแบบภาษีในกรณีนี้ ก็คือผู้ที่ยื่นแบบภาษีต่อไปนี้ ที่อยู่ในฐานข้อมูลของกรมสรรพากร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 ได้แก่
- ภ.ง.ด. 90 แบบยื่นภาษี สำหรับคนมีรายได้หลายทางนอกจากเงินเดือน 
- ภ.ง.ด. 91 แบบยื่นภาษี สำหรับคนมีรายได้จากเงินเดือนอย่างเดียว 
- ภ.ง.ด. 95 แบบยื่นภาษี ที่ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับคนต่างชาติที่ทำงานในโครงการพิเศษของไทย
แต่ในกรณีของการได้รับสิทธิใช้จ่ายคนละครึ่ง ซึ่งมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นสัญชาติไทย ก็น่าจะหมายถึงคนไทยที่มีศักยภาพสูงกลับจากต่างประเทศเข้ามาทำงานในไทย 
แต่คำว่า “ยื่นภาษี” ≠ “เสียภาษี” 
นั่นก็เป็นเพราะว่า การยื่นภาษีนั้น คือขั้นตอนที่เราจะต้องเตรียมเอกสารรายได้ต่าง ๆ เช่น หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือ ใบทวิ 50 ทั้งสำหรับพนักงานประจำและฟรีแลนซ์ เอกสารการจ่ายปันผลหรือดอกเบี้ยหุ้นกู้ สำหรับนักลงทุน เป็นต้น 
รวมทั้งเอกสารค่าลดหย่อน เช่น หนังสือรับรองการจ่ายเบี้ยประกัน 
เพื่อจะนำไปกรอกในเว็บไซต์ของทางสรรพากร จากนั้นตัวเว็บไซต์ถึงจะคำนวณให้ ตาม “เงินได้สุทธิ” ซึ่งก็คือ รายได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน ของเราเอง 
ว่าสรุปแล้วเราจะต้องเสียภาษีเท่าไร หรือจะได้เงินภาษีที่ชำระเกินไว้คืน 
โดยคนที่ต้องเริ่มยื่นภาษีแล้ว สำหรับพนักงานเงินเดือนก็คือคนที่มีรายได้มากกว่า 120,000 บาทต่อปี หรือเงินเดือน 10,000 บาทขึ้นไป 
หรือถ้าหากมีรายได้หลายทาง นอกจากเงินเดือน ก็ต้องเป็นคนที่มีรายได้ 60,000 บาทต่อปีขึ้นไป 
แต่ด้วยระบบภาษีของไทย ที่กำหนดไว้ว่า ผู้ที่มี “เงินได้สุทธิ” ไม่เกิน 150,000 บาท จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี 
ทำให้ถ้าตอนยื่นแล้ว รายได้ทั้งหมดของเรา หักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อน ออกมาได้ไม่เกิน 150,000 บาทแล้ว ก็ไม่ต้องเสียภาษีนั่นเอง 
เพราะฉะนั้น การยื่นภาษีจึงไม่เท่ากับการเสียภาษี อย่างที่กล่าวไปข้างต้นนั่นเอง 
แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยเกณฑ์ของคนละครึ่งที่ว่า “ผู้ที่ยื่นแบบภาษี” ไม่ใช่ “ผู้ที่เสียภาษี” จะได้รับสิทธิใช้จ่าย 2,400 บาท 
ก็แปลว่า แม้เราจะยื่นภาษีไปเมื่อต้นปี 2568 นี้ แล้วผลคำนวณออกมาว่ายังไม่ต้องจ่ายภาษี ก็จะได้รับสิทธิใช้จ่าย 2,400 บาท เหมือนกัน
แต่สำหรับในกรณีที่เป็นประเด็นร้อนที่ว่า ทำไมการ “จ่ายประกันสังคม” ที่เสียเงินคล้าย ๆ กัน กับการเสียภาษี ทำไมถึงได้สิทธิใช้จ่ายเพียงแค่ 2,000 บาทนั้น นั่นก็เป็นเพราะว่า
1. ประกันสังคมและภาษีเงินได้ ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
ภาษีเงินได้นั้นคือเงินที่กรมสรรพากร ของกระทรวงการคลัง เก็บจากรายได้ของแต่ละคนตามกฎหมาย เพื่อเป็นงบประมาณให้รัฐบาลใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ 
ในขณะที่ประกันสังคมนั้น แม้ประกันสังคม ม.33 ของลูกจ้าง จะเป็นการบังคับหัก แต่นั่นก็ไม่เท่ากับการเสียภาษี 
เพราะเงินประกันสังคม เป็นการออมภาคบังคับที่รัฐบาลจะนำเงินของเราที่โดนหักไป ไปลงทุนในกองทุนประกันสังคม ของสำนักงานประกันสังคม
เพื่อที่จะจ่ายเงินชดเชยคืนให้กับเราในยามเจ็บป่วย, พิการ, คลอดลูก, ตกงาน หรือ เกษียณ ในภายหลัง
อีกทั้งประกันสังคมยังมีภาคสมัครใจอย่าง ม.39 สำหรับคนที่ลาออกมาแล้วแต่อยากส่งต่อ กับ ม.40 สำหรับฟรีแลนซ์และอาชีพอิสระด้วย
2. ส่งประกันสังคม แต่ไม่ได้ยื่นภาษี
เพราะการโดนหักเงินประกันสังคมนั้น สามารถเกิดขึ้นได้แม้เราจะไม่ได้ยื่นภาษีก็ตาม 
เช่น สมมติว่า นาย A ทำงานร้านอาหาร มีเงินเดือน 9,000 บาท หรือ 108,000 บาทต่อปี ซึ่งไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่ต้องยื่นภาษี 
แต่เขาก็สามารถโดนหักประกันสังคม 5% จากเงินเดือน เป็นจำนวนเงิน 450 บาท ได้เหมือนกัน ทั้งที่ยังไม่ได้ยื่นและเสียภาษี 
ทำให้ นาย A จึงไม่อยู่ในฐานข้อมูลของสรรพากร และไม่เข้านิยามของผู้ที่ยื่นแบบภาษี ของโครงการคนละครึ่ง
ถ้าหากนาย A ไปยื่นขอรับสิทธิใช้จ่ายจากโครงการคนละครึ่ง เขาจึงได้สิทธิใช้จ่ายแค่ 2,000 บาท ไม่ใช่ 2,400 บาท นั่นเอง
จะเห็นได้ว่า การยื่นภาษีนั้น เป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคน ซึ่งมีเงินได้ถึงเกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำที่ต้องยื่นแบบแสดงภาษีควรทำ ซึ่งเกณฑ์ที่ว่านั่นก็คือ
- พนักงานเงินเดือน ที่มีรายได้มากกว่า 120,000 บาทต่อปี หรือเดือนละ 10,000 บาท 
- คนมีรายได้หลายทาง ที่มีรายได้มากกว่า 60,000 บาทต่อปี 
ย้ำอีกทีว่า การยื่นภาษีนั้น ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเสียภาษีเลยทันที 
เพราะสิ่งที่จะบอกว่าเราต้องเสียภาษีหรือไม่ ก็คือเงินได้สุทธิ ที่เป็นรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้วต่างหาก ซึ่งถ้าคำนวณแล้วไม่ถึง 150,000 บาทก็ไม่ต้องเสีย 
แถมนอกจากการยื่นภาษีจะทำให้เรามีโอกาสได้สิทธิในโครงการต่าง ๆ ของรัฐ เช่น คนละครึ่งแล้ว   
บางทีเราอาจจะได้สิทธิเงินคืนภาษีอีกด้วย ถ้าหากโดนหักภาษีไว้เกิน
ซึ่งหลังจากอ่านบทความนี้จนจบแล้ว ถ้าหากใครรู้ตัวแล้วว่า มีรายได้มากกว่าเกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำที่ต้องยื่นแบบแสดงภาษี 
ถึงตอนนี้ก็ยังมีเวลา ที่เราจะเริ่มศึกษาวิธีการยื่นภาษีอย่างละเอียด รวมไปถึงเรื่องค่าลดหย่อน เพื่อเสียภาษีให้น้อยลงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย..
#วางแผนการเงิน
#หลักวางแผนการเงิน
#คนละครึ่ง 
References 
-กรมสรรพากร
-คนละครึ่งพลัส.com
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.