
กลยุทธ์ทำกำไรจากวิกฤติ ของคู่หูนักลงทุน Black Swan
30 ก.ย. 2025
กองทุนที่ลงทุนมา 12 ปี ตั้งแต่ปี 2007 ถึง 2019 ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 105% ต่อปี และในช่วงต้นปี 2020 ก็ทำผลตอบแทนได้อีก 4,144%
ถ้าพูดถึงตัวเลขผลตอบแทนขนาดนี้ ก็ไม่แปลกที่หลายคนจะสงสัยว่า มีกองทุนที่สามารถทำผลตอบแทนระดับนี้ได้ด้วยหรือ
แต่รู้ไหมว่ามีกองทุนสุดแสนลึกลับแห่งหนึ่ง ที่สามารถทำผลตอบแทนแบบนี้ได้จริง ๆ
กองทุนนี้ชื่อว่า Universa Investments ก่อตั้งโดยคุณ Mark Spitznagel ผู้เป็นอดีตคู่หูของเจ้าพ่อทฤษฎี Black Swan อย่างคุณ Nassim Taleb ผู้ที่เคยใช้ทฤษฎีนี้ในการลงทุนเช่นกัน
หากสงสัยว่า Universa Investments เป็นใคร แล้วทำไมทฤษฎีอย่าง Black Swan ถึงมามีอิทธิพลต่อการลงทุนได้
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
ก่อนจะไปเข้าใจถึงหลักการลงทุนที่กองทุน Universa Investments ใช้ เราต้องเข้าใจที่มาที่ไปของบุคคลที่ให้กำเนิดหลักคิดการลงทุนของกองทุนนี้กันก่อน
เขาคือคุณ Nassim Taleb อดีตเทรดเดอร์ และเจ้าของทฤษฎีดังอย่าง Black Swan
คุณ Nassim Taleb เกิดและเติบโตในครอบครัวชนชั้นสูง ที่ประเทศเลบานอน โดยคนในครอบครัวของเขานับเป็นบุคคลสำคัญระดับประเทศ
แต่แล้วประเทศเลบานอน ก็เกิดสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อขึ้น ทำให้ชีวิตของเขาต้องพลิกผันไปตลอดกาล
บทเรียนจากประสบการณ์ส่วนตัวเรื่องนี้ ได้หล่อหลอมให้เขาคิดค้นหลักการเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของชีวิตขึ้น
ต่อมาทฤษฎีนี้ รู้จักกันในชื่อ “ทฤษฎีหงส์ดำ หรือ The Black Swan”
ชื่อนี้มีที่มาจาก ความเชื่อดั้งเดิมของชาวยุโรป ที่เชื่อกันว่า หงส์ทุกตัวเป็นสีขาว เพราะไม่เคยมีใครเห็นหงส์สีอื่นมาก่อน
แต่พอได้ค้นพบหงส์สีดำ ที่ทวีปออสเตรเลีย ก็ทำให้ความเชื่อนี้ ถูกทำลายลง
เหตุการณ์นี้เอง จึงเป็นแรงบันดาลใจให้คุณ Nassim Taleb ตั้งชื่อทฤษฎีของเขาว่า The Black Swan
เพื่อใช้อธิบาย เหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากมาก แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้ว จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง
ในช่วงหนึ่งของชีวิต ตอนที่เขาเป็นเทรดเดอร์ เขาก็ได้ใช้หลักการนี้ วางกลยุทธ์การเทรดด้วย
และตอนเกิดวิกฤติ Black Monday ปี 1987 ในช่วงที่คนส่วนใหญ่พากันขาดทุน เขากลับประสบความสำเร็จ จนมีอิสรภาพทางการเงินได้ ตั้งแต่อายุแค่ 27 ปี
แม้จะประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เขาก็ยังไม่ได้เลิกเทรด แต่การมีอิสรภาพทางการเงิน ทำให้เขาสามารถเลือกใช้ชีวิตในแบบที่เขาต้องการได้มากขึ้น
เช่น การกลับไปเรียนต่อปริญญาเอก, สอนหนังสือ และรวมถึงการจัดตั้งกองทุนของเขาเอง ร่วมกับคุณ Mark Spitznagel
กองทุนนี้ก่อตั้งในปี 1999 มีชื่อว่า “Empirica Capital” โดยใช้หลักคิดจากทฤษฎี Black Swan มาทำการเทรดเหมือนเดิม
แต่อายุของกองทุนก็แสนสั้น เพราะปิดตัวลงในปี 2005 เนื่องจากคุณ Nassim Taleb รู้สึกว่าการเทรดทำให้สุขภาพของเขาย่ำแย่
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ แต่ผลตอบแทนของกองทุน ก็ถือว่าใช้ได้ เพราะทำกำไรได้มหาศาล ตอนที่เกิดวิกฤติ Dot-Com ในปี 2000
ถึงแม้คุณ Nassim Taleb จะหมดไฟ แต่คุณ Mark Spitznagel ที่ยังสนุกกับการลงทุนอยู่ ก็ได้ตั้งกองทุนใหม่ ชื่อว่า “Universa Investments” ในปี 2007
โดยมีกลยุทธ์การลงทุน ชื่อว่า “The Black Swan Protection Protocol” หรือเรียกย่อ ๆ ว่า BSPP ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากทฤษฎี Black Swan ของคุณ Nassim Taleb
ด้วยความเชื่อว่า เหตุการณ์อย่าง Black Swan เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน แต่เราสามารถเตรียมตัวป้องกันเอาไว้ก่อน เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้
สำหรับกลยุทธ์ BSPP ทางกองทุนจะซื้อสัญญา Put Options ประเภท Far Out-of-the-Money หรือก็คือ Put Options ที่มีราคาใช้สิทธิต่ำกว่าราคาหุ้นในตลาดมาก ๆ เพื่อเป็นการทำประกันให้กับพอร์ต
ถึงตรงนี้เรามาทบทวนกันก่อนว่า Put Options คืออะไร..
Options คือเครื่องมือในการลงทุน ที่สามารถช่วยให้เราเพิ่มผลตอบแทนได้ ไม่ว่าสภาพตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไร
ถ้าหากเราคาดการณ์อนาคตได้ถูกต้อง เราก็จะได้กำไรมาก แต่ถ้าคาดการณ์ผิด เราก็อาจจะขาดทุนนิดหน่อย เพราะ Options ใช้เงินลงทุนไม่เยอะมาก
โดยเราจะซื้อ Put Options ก็ต่อเมื่อ เราเชื่อว่าในอนาคต ราคาหุ้นจะต้องลดลง เราจึงซื้อ “สิทธิในการขายหุ้น” ในราคาที่กำหนด เอาไว้ก่อน
สมมติว่า หุ้น A ราคา 10 บาทต่อหุ้น โดยมี
- ราคาใช้สิทธิ หรือ Strike Price ที่ 10 บาทต่อหุ้น
- ค่าพรีเมียม 1 บาทต่อหุ้น ที่เราต้องจ่ายให้คนขาย Options
- ยังเหลือวันหมดอายุ อีก 1 ปี เพราะ Options ที่เราซื้อ จะมีวันหมดอายุเสมอ
- ราคาใช้สิทธิ หรือ Strike Price ที่ 10 บาทต่อหุ้น
- ค่าพรีเมียม 1 บาทต่อหุ้น ที่เราต้องจ่ายให้คนขาย Options
- ยังเหลือวันหมดอายุ อีก 1 ปี เพราะ Options ที่เราซื้อ จะมีวันหมดอายุเสมอ
ถ้าราคาหุ้น A ตอนนี้เกิดตกลงมาเหลือ 5 บาทต่อหุ้น เราก็สามารถใช้สิทธิ Put Options ขายหุ้น A ที่ราคา 10 บาทต่อหุ้นได้
โดยกำไรที่เราจะได้รับจากการซื้อ Put Options จะคำนวณจาก
กำไรต่อหุ้น = ราคาที่เราใช้สิทธิ Put Options 10 บาทต่อหุ้น - ราคาหุ้นปัจจุบัน 5 บาทต่อหุ้น - ค่าพรีเมียม 1 บาทต่อหุ้น
จะเท่ากับ เราได้กำไร 4 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินลงทุน สูงถึง 300%
สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันนักลงทุนสามารถใช้งาน Options ได้ ผ่าน ตลาด TFEX (Thailand Futures Exchange) ซึ่งมีทั้ง Put Options และ Call Options โดยสินทรัพย์อ้างอิงคือดัชนี SET50 ที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยโดยภาพรวม
และถ้าถามว่า ทำไมกองทุน Universa Investments ของคุณ Mark Spitznagel ถึงต้องใช้ Put Options แบบ Far Out-of-the-Money ด้วย ?
คำตอบก็คือ ค่าพรีเมียม ซึ่งเป็นราคาที่นักลงทุนจ่ายเพื่อซื้อ Options นั้น ค่อนข้างถูกมาก เพราะ Put Options แบบ Far Out-of-the-Money จะมี Strike Price หรือราคาใช้สิทธิ ที่ห่างจากราคาปัจจุบันมาก
ทำให้โอกาสที่ราคาสินทรัพย์ หรือดัชนีหุ้นจะต้องปรับตัวลงต่ำกว่านั้นอีก เพื่อให้ได้กำไรจากการใช้ “สิทธิขายหุ้น”ของ Put Options จึงมีน้อยไปด้วย
แต่ถ้าราคาสินทรัพย์ปรับตัวลงมาถึงระดับนั้นจริง ก็จะทำให้คนที่ถือ Put Options แบบนี้ ได้กำไรจำนวนมากเลย
ถึงอย่างนั้น โอกาสที่ Put Options จะหมดอายุ และทำให้นักลงทุนที่ซื้อไว้ เสียเงินค่าพรีเมียมไปเปล่า ๆ ก็มีสูงมากเช่นกัน
วิธีการลงทุนแบบนี้ ทำให้ในช่วงเวลาหนึ่ง กองทุนของคุณ Mark Spitznagel เจอกับการขาดทุนทีละเล็กทีละน้อย สะสมไปเรื่อย ๆ เปรียบเสมือนจ่ายค่าเบี้ยประกัน โดยที่ไม่รู้ว่าจะได้ใช้ประกันตอนไหน
ตอนนั้นหากมีคนมาดูผลงานของกองทุน ก็อาจจะพากันคิดว่า ผลงานของกองทุนนี้ ไม่ดีเลย น่าผิดหวังเป็นอย่างมาก
แต่ถ้าวันหนึ่ง เหตุการณ์อย่าง Black Swan เกิดขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นตกต่ำ จนราคาหุ้นร่วงลงไปมาก กองทุนก็จะได้ผลกำไรมากเช่นกัน
ซึ่งกลยุทธ์ของ Universa Investments ก็สามารถกลับมาสร้างผลตอบแทนมหาศาลได้ ซึ่งไม่เพียงแต่ชดเชยการขาดทุนสะสมของกองทุนได้แล้ว ยังทำให้มูลค่ากองทุนเติบโตขึ้นได้อีกด้วย
และอย่างที่ได้เล่าไปแล้วว่า วิธีคิดของกองทุน Universa Investments เหมือนกับคุณ Nassim Taleb คือไม่เคยคิดจะคาดการณ์อนาคตของตลาดหุ้นเลย
นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ดีว่า ความซับซ้อนของตลาดการเงินในโลกยุคปัจจุบัน เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างที่เราไม่คาดคิดมากระทบ วิกฤติตลาดหุ้นจะต้องเกิดขึ้นเสมอ
สิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุด ก็คือใช้ “หลักการป้องกันเอาไว้ก่อน” แบบนี้นั่นเอง
ด้วยกลยุทธ์การลงทุนแบบนี้ นับตั้งแต่ปี 2007 มาจนถึงปี 2019 กองทุนจึงสามารถทำผลตอบแทนแบบทบต้น ได้เฉลี่ย 105% ต่อปี
และการทำกำไรครั้งใหญ่ของกองทุนก็คือ ช่วงวิกฤติซับไพรม์ ซึ่งทางกองทุน Universa Investments ได้ซื้อ Put Options ของดัชนี S&P500 และหุ้นกลุ่มการเงินส่วนหนึ่งไว้
ตามด้วยกำไรอีก 4,144% ที่กองทุนทำได้ ในตอนต้นปี 2020 ที่เกิดวิกฤติโรคระบาด ซึ่งทางกองทุนก็ซื้อ Put Options ของดัชนี S&P500 ไว้ด้วยเช่นกัน
ตอนนี้ เราก็คงพูดได้เต็มปากแล้วว่า ทฤษฎี Black Swan ของคุณ Nassim Taleb ได้กลายมาเป็นตำนาน ต่อทั้งโลกปรัชญา และโลกการลงทุน
ทฤษฎีแปลก ๆ นี้ ที่ตอนแรก ไม่ค่อยมีผู้คนเชื่อถือกันสักเท่าไร แต่ตอนนี้กลับมีผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
แน่นอนว่า ในอนาคตพวกเราก็ยังจะได้เจอวิกฤติอย่าง Black Swan กันอีกครั้ง ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าวิกฤตินั้นจะเป็นอะไร และจะเกิดขึ้นตอนไหน
แต่ถึงแม้การยอมทนขาดทุนเล็กน้อยสะสมไปเรื่อย ๆ ในช่วงที่ตลาดปกติ แล้วรอทำกำไรก้อนใหญ่ในตลาดขาลงทีเดียวแบบคุณ Mark Spitznagel จะไม่ใช่สิ่งที่หลายคนอยากทำ
แต่ถ้าหากเราสนใจจะเปิดโอกาสในการทำกำไรในช่วงวิกฤติให้กับตัวเอง ก็สามารถศึกษาและทดลองลงทุน กับ Put Options ของดัชนี SET50 ที่มีอยู่ในตลาด TFEX ได้
เพื่อวันที่วิกฤติมาถึง ความรู้เรื่องการใช้ Options ที่ได้ศึกษาไว้ จะกลายเป็นผลตอบแทนอันงดงามให้กับเรา แทนที่จะขาดทุนแบบคนทั่วไป..
ดูรายละเอียดสินค้า Options ใน TFEX เพิ่มเติมได้ที่ https://s.setth.org/1dh
#TFEX #ลงทุน #หุ้น