เมื่อเช้านี้ทางบริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ Sappe มาแถลงผลการดำเนินการประจำไตรมาส 2 ปี 2568 และตอบคำถามของนักลงทุนในรายการ Opportunity Day

แต่ภายหลังจากที่รายการจบลง ราคาหุ้นของ Sappe ก็ปรับตัวลดลงถึง 15% คิดเป็นมูลค่าบริษัทที่หายไปประมาณ 1,800 ล้านบาท

เกิดอะไรขึ้นกับ Sappe ?

MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุนให้เข้าใจง่าย ๆ

รายได้ Sappe ในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 มีรายได้รวม 1,580 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 248 ล้านบาท ลดลง 39.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ประเด็นแรกที่น่ากังวลก็คือ ตลาดสำคัญ ๆ ของบริษัทในต่างประเทศ เผชิญแรงกดดันทางด้านยอดขาย

เช่น เกาหลีใต้ที่มียอดขายชะลอตัวลง แต่คาดว่าอนาคตจะมียอดขายหดตัวน้อยลง และอินโดนีเซียที่มีปัญหาจากการเปลี่ยนพาร์ทเนอร์

ขณะที่ตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลาง มียอดขายที่ลดลงจากความขัดแย้งในภูมิภาค และสหรัฐอเมริกา ที่มีแรงกดดันจากภาษีการค้า ทำให้ในอนาคตอาจต้องปรับราคาสินค้าสูงขึ้น เพื่อชดเชยภาษีนำเข้า 19%

อย่างไรก็ตามตลาดสำคัญในยุโรปอย่าง สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศสก็เริ่มมียอดขายที่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ซึ่งบริษัทก็ออกมายอมรับว่าผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 นี้ เป็นไตรมาสที่มียอดขายสูงที่สุดในปีนี้แล้ว และคาดว่ารายได้ทั้งปี ในปีนี้จะหดตัวลง 10 - 20%

ประเด็นต่อมา คือ แนวโน้มของการเติบโตในอนาคต ที่อาจจะไม่เป็นไปตามที่ทางบริษัทเคยตั้งเป้าเอาไว้

โดยเป้าหมายของบริษัทที่จะทำยอดขายให้ได้ถึง 10,000 ล้านบาท ในปี 2026 อาจจะทำไม่ได้ตามที่วางแผนไว้ เนื่องจากมีปัจจัยภายนอกมากระทบค่อนข้างมาก

ซึ่งบริษัทกำลังจัดทำกลยุทธ์ใหม่ และจะเปิดเผยเป้าหมายใหม่อีกครั้ง เมื่อวางแผนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้แผนการลงทุนเครื่องจักรใหม่ อาจจะต้องเลื่อนออกไป และคาดว่าโรงงานใหม่อาจจะเริ่มเปิดทำการได้ในปลายปี 2026 

สรุปแล้ว สิ่งที่ทำให้ราคาหุ้นของ SAPPE ร่วงลงขนาดนี้ ก็เป็นเพราะตลาดต่างประเทศที่เคยเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัท ยังคงไม่ฟื้นตัวจากไตรมาส 1 ของปีนี้ 

จนส่งผลให้เป้าหมายที่บริษัทเคยตั้งเป้าไว้ว่าจะสร้างยอดขายให้ถึง 10,000 ล้านบาทในปี 2026 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นักลงทุนให้ความสำคัญต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีความชัดเจน..

Reference

- รายการ Oppday Q2/2025 บมจ. เซ็ปเป้ เผยแพร่ทาง YouTube