ตระกูลกาญจนพาสน์ ผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ มูลค่าแสนล้าน

ตระกูลกาญจนพาสน์ ผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ มูลค่าแสนล้าน

6 มิ.ย. 2025
ตระกูลกาญจนพาสน์ อาจเป็นชื่อตระกูลที่ไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยบางคนเท่าไรนัก
แต่ถ้าพูดชื่อ BTS ขึ้นมาแล้วละก็ หลายคนน่าจะเคยใช้บริการ และรู้จักกันเป็นอย่างดี
ที่น่าสนใจก็คือ ตระกูลนี้ไม่ได้เป็นแค่เจ้าของธุรกิจรถไฟฟ้า BTS เท่านั้น 
แต่ยังเป็นเจ้าของเมืองทองธานี, โรงแรมอีสติน แกรนด์, สนามกอล์ฟ ธนาซิตี้ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต คลับ, โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ และโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ หลายคนอาจจะยังไม่รู้กันว่า ตระกูลกาญจนพาสน์ คือตระกูลนักธุรกิจที่ถือครองที่ดินในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มากเป็นอันดับต้น ๆ ของไทยเลยทีเดียว
เรียกได้ว่า ถ้า BTS คือธุรกิจฉากหน้าที่สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลกาญจนพาสน์
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็คืออีกหนึ่งธุรกิจขุมทรัพย์ที่ตระกูลนี้ครอบครองอยู่อย่างเงียบ ๆ
แล้วตระกูลกาญจนพาสน์ เป็นเจ้าของ BTS อยู่ดี ๆ ทำไมกลายมาเป็นผู้ถือครองที่ดินรายใหญ่ของไทยได้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
จริง ๆ แล้ว ตระกูลกาญจนพาสน์ เริ่มต้นสร้างอาณาจักรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก่อนที่จะรับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้า BTS
ผู้นำตระกูลคนแรกคือ คุณมงคล กาญจนพาสน์ หรือชื่อเดิมคือ “อึ้ง จือ เม้ง” เป็นคนจีนที่หอบเสื่อผืนหมอนใบ มาสร้างเนื้อสร้างตัวในไทย ด้วยการรับจ้างซ่อมแว่นตา และนาฬิกา
หลังจากนั้นจึงเริ่มจับธุรกิจตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาไซโกจากญี่ปุ่น ในชื่อ ห้างเมืองทอง
เมื่อสะสมทุนได้ก้อนหนึ่ง คุณมงคล จึงกลับไปเปิดร้านสเตลักซ์ เพื่อทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายนาฬิกา ขายในฮ่องกง และไต้หวัน
หลังจากนั้นก็เดินหน้าทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งในไทย และฮ่องกงไปพร้อม ๆ กัน
คุณมงคล เริ่มเข้ามาสะสมที่ดินย่านเมืองทองธานี มาตั้งแต่ปี 2516 แล้ว พร้อมกับก่อตั้งบริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด หรือ BLAND ขึ้นมา เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยย่านชานเมือง
แต่แล้วในปี 2521 เศรษฐกิจฮ่องกง เริ่มเข้าสู่ภาวะชะลอตัว จนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลกาญจนพาสน์ เริ่มได้รับผลกระทบ
จนถึงในช่วงปี 2532 ภาคอสังหาริมทรัพย์ในไทยกำลังเฟื่องฟูถึงขีดสุด
ตระกูลกาญจนพาสน์ จึงเริ่มหันกลับมาทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทยอย่างจริงจัง โดยคุณอนันต์ กาญจนพาสน์ ลูกชายคนโตของคุณมงคล ที่ตัดสินใจกลับไทย เข้ามารับช่วงต่อการบริหาร BLAND
พร้อมกับเปิดตัวโครงการที่สั่นสะเทือนวงการอสังหาริมทรัพย์ในยุคนั้น นั่นคือ เมืองทองธานี นับได้ว่าเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่บนพื้นที่ 4,000 ไร่ ริมถนนแจ้งวัฒนะ 
ณ ตอนนั้น ถ้าหากเรานั่งเฮลิคอปเตอร์แล้วมองลงมาที่โครงการเมืองทองธานี เราจะเห็นตึกที่กำลังก่อสร้างมากกว่า 150 ตึกเรียงรายกันอยู่เป็นแถว ๆ เหมือนเมืองที่กำลังถูกสร้างขึ้นใหม่
เพราะเมืองทองธานี ไม่ใช่แค่โครงการมิกซ์ยูสธรรมดา แต่เป็นเหมือนเมืองขนาดย่อม ที่ประกอบไปด้วย บ้านแนวราบ คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์ รวมถึงทะเลสาบขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม เมื่อการก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว ยอดโอนโครงการกลับไม่เข้าเป้า ทำให้ต้องชะลอโครงการใหม่ในเมืองทองธานีออกไปก่อน
จากนั้นไม่นาน ประเทศไทยก็เข้าสู่วิกฤติต้มยำกุ้ง BLAND จึงต้องแบกภาระหนี้สูงถึง 65,000 ล้านบาท
หลายคนคิดว่าโครงการเมืองทองธานี จะจบสิ้นลง และกลายเป็นเมืองร้าง แต่คุณอนันต์และลูกชายของเขา ก็ไม่ยอมแพ้ 
ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนศูนย์กีฬา ที่สร้างเพื่อรองรับงานซีเกมส์ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อปี 2541 ให้กลายเป็นศูนย์จัดแสดงสินค้าขนาดใหญ่ ที่ทุกคนรู้จักกันดีในชื่อ “อิมแพ็ค อารีน่า”
และเปลี่ยนโมเดลจากการสร้างเพื่อขาย มาเป็นการปล่อยเช่า เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้ต่อเนื่อง
จนสามารถฟื้นฟูกิจการ และช่วยให้เมืองทองธานีอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
ตัดภาพมาที่อีกฝั่ง คือคุณคีรี กาญจนพาสน์ ผู้เป็นน้องชายของคุณอนันต์ ในช่วงก่อนเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง เขาก็ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่นเดียวกับพี่ชายของเขา
โดยเป็นเจ้าของบริษัท ธนายง เจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรรระดับบน ที่มีสนามกอล์ฟชื่อ ธนาซิตี้ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต คลับ อยู่ตรงกลางพื้นที่โครงการ
แต่การขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ของคุณคีรี ก็ต้องหยุดลง เพราะวิกฤติต้มยำกุ้ง เฉกเช่นเดียวกับคุณอนันต์ ผู้เป็นพี่ชาย
แต่โชคยังดีที่คุณคีรี มีอีกธุรกิจที่ต่อมาจะกลายเป็นธุรกิจ Cash Cow ที่ช่วยสร้างกระแสเงินสดให้เขารอดพ้นจากวิกฤติ และกลับมาขยายอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ให้ยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง และธุรกิจนั้นคือ BTS ที่หลายคนรู้จักกันดีนั่นเอง
ปี 2558 คุณคีรีเข้าไปซื้อบริษัทในตลาดหุ้นชื่อบริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) เพื่อหวังจะปั้นโครงการอสังหาริมทรัพย์ เป็นอีกแหล่งรายได้ของบริษัท
แต่ยู ซิตี้ ก็ประสบปัญหาขาดทุนมาจนถึงปี 2561 แต่พอเริ่มเห็นกำไรมาได้แค่เพียงปีเดียว ก็ต้องเจอวิกฤติโรคระบาดในปี 2563 
จนในที่สุดคุณคีรี ก็ต้องยอมปรับโครงสร้างธุรกิจ เปลี่ยนจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มาเป็นธุรกิจการเงิน พร้อมเปลี่ยนชื่อจากบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
โดยมีการขายที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์บางส่วนออกไปแล้ว เพื่อนำเงินไปลงทุนในธุรกิจบริการทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม กลุ่ม BTS ของคุณคีรี ก็ยังเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์บางส่วนที่มีมูลค่าสูง ตามทำเลแนวรถไฟฟ้า BTS เช่น
- โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท และโรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร
- โครงการมิกซ์ยูส BTS Visionary Park ตรงบริเวณ BTS หมอชิต
- โครงการคอนโดมิเนียมที่ร่วมทุนกับแสนสิริ ที่ถือหุ้นร่วมกันคนละ 50% เช่น โครงการแบรนด์ Khun by Yoo แบรนด์ The Line และแบรนด์ The Base
- โครงการมิกซ์ยูส อาคารโนเบิล เพลินจิต
นอกจากนี้ คุณคีรี ยังมีที่ดินในโซนบางนา อีกกว่า 1,500 ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามกอล์ฟ ธนาซิตี้ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต คลับ, หมู่บ้านธนาซิตี้ และโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซอีกด้วย
ซึ่งจากข้อมูลในงบการเงิน ณ สิ้นปี 2567 ของ BTS พบว่า บริษัทมีที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์รวมกันคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 57,770 ล้านบาท
ส่วน BLAND มีที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็นมูลค่ารวมกัน 59,586 ล้านบาท
ทำให้เมื่อรวมมูลค่าทางบัญชีของที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ของทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกัน 
ก็ทำให้เราได้รู้ว่า ตระกูลกาญจนพาสน์มีอสังหาริมทรัพย์อยู่ในมือ คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 117,356 ล้านบาทเลยทีเดียว..
#ธุรกิจ
#หุ้นไทย
#BTS
#BLAND
References
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.