
สรุปเส้นทาง ITC ขายอาหารสัตว์ จนมีมูลค่าเท่ากับ TU บริษัทแม่ ที่ขายอาหารคน
19 ส.ค. 2024
รู้ไหมว่า ผู้ผลิตทูน่ากระป๋องที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นบริษัทไทยที่มีชื่อว่า บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ TU
ซึ่งนอกจากทูน่ากระป๋องแล้ว TU ยังเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งและบรรจุกระป๋องรายใหญ่ของโลกอีกด้วย
ปัจจุบัน TU มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ประมาณ 68,000 ล้านบาท แต่ที่น่าสนใจคือ TU มีบริษัทลูกที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารสัตว์เลี้ยง คือ บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น หรือ ITC ที่มีมูลค่าบริษัทพอ ๆ กัน อยู่ที่ 68,000 ล้านบาท
พูดง่าย ๆ ก็คือธุรกิจขายอาหารสัตว์เลี้ยงอย่าง ITC มีมูลค่าบริษัทเทียบเท่ากับบริษัทแม่อย่าง TU ที่ขายอาหารคนไปทั่วโลกแล้ว
แล้วเส้นทางของ ITC เป็นมาอย่างไร ทำไมธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ถึงมีมูลค่าบริษัทเทียบเท่ากับธุรกิจที่ขายอาหารให้คนได้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
จุดเริ่มต้นของ บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น หรือ ITC นั้น ต้องย้อนกลับไปในปี 2520 หรือเมื่อ 47 ปีก่อน
เมื่อกลุ่มไทยยูเนี่ยน ได้เริ่มทำธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงขึ้นที่โรงงานในจังหวัดสมุทรสาคร ภายใต้ชื่อบริษัท ไทยรวมสินพัฒนาอุตสาหกรรม จํากัด
หลังจากนั้นก็มีการปรับโครงสร้างธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงของกลุ่มไทยยูเนี่ยน เพื่อมุ่งมั่นดําเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ
ก่อนที่ในปี 2564 จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2565
ปัจจุบัน ITC นั้นถือเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ของประเทศไทย และเป็นหนึ่งใน 10 ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ของโลก
ที่น่าสนใจก็คือ ในปี 2565 นั้น มูลค่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงโลก มีมูลค่าสูงถึง 4.6 ล้านล้านบาท และยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตไปถึง 6.7 ล้านล้านบาท ภายในปี 2572
จากเทรนด์ Pet Humanization หรือการที่คนรุ่นใหม่นิยมอยู่เป็นโสด ไม่นิยมแต่งงานมีลูก แล้วหันมารับเลี้ยงสัตว์แทนการเลี้ยงลูก
จึงทำให้ ITC ได้รับประโยชน์จากเทรนด์นี้ไปเต็ม ๆ เพราะสินค้าหลักของ ITC ก็คือ อาหารและขนมสำหรับแมวและสุนัข ที่ทำจากเนื้อปลาและเนื้อไก่ โดยสัดส่วนรายได้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 มาจาก..
- อาหารแมว 68%
- อาหารสุนัข 18%
- ขนมสัตว์ 12%
- อื่น ๆ 2%
ส่วนรายได้ตามภูมิภาค แบ่งเป็น
- สหรัฐอเมริกา 53%
- เอเชียและภูมิภาคโอเชียเนีย 32%
- ยุโรป 15%
โดยรายได้หลักประมาณ 95% ของบริษัทนั้นไม่ได้มาจากการผลิตให้แบรนด์ตัวเอง แต่มาจากการรับจ้างผลิตให้แบรนด์อาหารสัตว์ชั้นนําระดับโลก
ส่วนรายได้ที่เหลือประมาณ 5% มาจากแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสําหรับแมวและสุนัขของ ITC เองทั้งหมด 5 แบรนด์ ได้แก่ Bellotta, Marvo, ChangeTer, Calico Bay และ Paramount
แม้จะมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากการรับจ้างผลิต แต่อัตรากำไรสุทธิของ ITC ก็ถือว่าสูงมาก
โดยในปี 2565 รายได้ 22,776 ล้านบาท กำไร 4,470 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 19.6%
ปี 2566 รายได้ 16,180 ล้านบาท กำไร 2,281 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 14.1%
6 เดือนแรก ปี 2567 รายได้ 8,939 ล้านบาท กำไร 1,831 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 20.5%
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ ปัจจุบัน TU เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน ITC โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 78.8% ของหุ้นทั้งหมดของ ITC ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 53,000 ล้านบาท..
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหุ้นเหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
References
-แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/รายงานประจำปี 2566,บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น