แนวโน้มเศรษฐกิจ และกลยุทธ์การลงทุน ปี 2024 ในมุมมอง InnovestX

แนวโน้มเศรษฐกิจ และกลยุทธ์การลงทุน ปี 2024 ในมุมมอง InnovestX

31 ม.ค. 2024
แนวโน้มเศรษฐกิจ และกลยุทธ์การลงทุน ปี 2024 ในมุมมอง InnovestX | MONEY LAB
ช่วงต้นปีแบบนี้ น่าจะมีนักลงทุนจำนวนมาก ที่กำลังมองหาโอกาส และคิดกลยุทธ์การลงทุนสำหรับปี 2024 กันอยู่
ซึ่งหลายคนก็อาจจะเริ่มจากการหาข้อมูล ด้วยการอ่านบทวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจและการลงทุน จากนักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์
ล่าสุด บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ หรือ InnovestX ก็ได้จัดงานแถลงข่าว วิเคราะห์ทิศทางการลงทุนในปีนี้ โดยมีประเด็นสำคัญหลายข้อ ที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนไม่น้อย
มีประเด็นไหนที่น่าสนใจบ้าง ?
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน ให้เข้าใจ
งานแถลงข่าวของ InnovestX สรุปออกมา ได้เป็น 3 ประเด็นสำคัญ คือ
มุมมองภาพรวมเศรษฐกิจ ปี 2024
InnovestX คาดการณ์ประเด็นด้านเศรษฐกิจภาพใหญ่ ที่น่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ ออกมาเป็น 4 ประเด็นสำคัญ คือ
อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอเมริกา น่าจะปรับลดลงมาเหลือที่ 4.4%ค่าเงินบาท น่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 35.5-36.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย น่าจะอยู่ระหว่าง 2.50-2.75%ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย น่าจะอยู่ที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ส่วนประเด็นสำคัญ ที่น่าติดตาม เป็นรายไตรมาสของปี 2024 คือ
ไตรมาสที่ 1 ปี 2024
ภาพรวมตลาดหุ้น มีแนวโน้มผันผวนมากขึ้นการลงทุนในตราสารหนี้ น่าสนใจมากกว่าหุ้นตลาดหุ้นเอเชียน่าสนใจ เพราะอยู่ในช่วงเพิ่งเริ่มฟื้นตัวการลงทุนในทองคำ เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพื่อลดความผันผวนในการลงทุน
ไตรมาสที่ 2 ปี 2024
ตลาดหุ้นมีแนวโน้มดีขึ้น เพราะธนาคารกลางมีโอกาสจะลดดอกเบี้ยลงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสอ่อนตัวลง
ไตรมาสที่ 3 ปี 2024
เศรษฐกิจโลกมีโอกาสฟื้นตัวแบบช้า ๆ และเงินเฟ้อเริ่มลดลงสู่เป้าหมายของธนาคารกลางหุ้นในกลุ่มคุณค่า และวัฏจักร มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ไตรมาสที่ 4 ปี 2024
ความเสี่ยงภาคธนาคารของจีน น่าจับตามองความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ มีโอกาสทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นตลาดหุ้นผันผวนตามปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจในปี 2025
นอกจากนี้ InnovestX ยังคาดการณ์เศรษฐกิจของไทยเอาไว้ว่า หากมาตรการ Digital Wallet เกิดขึ้น GDP ของประเทศไทย ปี 2024 มีโอกาสเติบโต +4.1%
แต่ถ้าโครงการดังกล่าวไม่เกิดขึ้น GDP จะเติบโต +3.2%
มุมมองการลงทุนในตลาดหุ้น ปี 2024
InnovestX มองว่า ภาพรวมการลงทุนในไตรมาสที่ 1 ของปี 2024 จะมีความผันผวนสูง และเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา มีโอกาสเกิดภาวะถดถอย
หุ้นไทยและเอเชีย น่าจะเริ่มฟื้นตัวได้ตามเศรษฐกิจ ทำให้น่าลงทุนมากกว่าหุ้นในตลาดของประเทศพัฒนาแล้ว
สำหรับตลาดหุ้นไทย น่าจะมีความผันผวนสูงตลอดทั้งปี แต่ในท้ายที่สุด ก็ยังน่าจะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้ เพราะจะได้รับปัจจัยบวก มาจากการทยอยเบิกจ่ายงบประมาณ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่มยั่งยืน หรือ ESG ก็น่าสนใจ เพราะมีโอกาสที่เงินลงทุนจะไหลเข้ามาในหุ้นกลุ่มนี้มากขึ้น
ความเสี่ยงที่ต้องระวัง ปี 2024
ความเสี่ยงที่ต้องคอยติดตามในปี 2024 นี้ มีอยู่ 5 เรื่อง
ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์
ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน และความขัดแย้งในอิสราเอล ยังไม่มีแนวโน้มที่จะคลี่คลายได้
ส่วนความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ทาง InnovestX มองว่า นโยบายระหว่างประเทศ ที่ทั้งสองประเทศใช้อยู่ในปัจจุบัน จะทำให้ความขัดแย้งยังคงดำเนินต่อไป
สำหรับประเทศไทย ก็ต้องระวังในเรื่องความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศพม่าเช่นกัน เพราะเป็นความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย และการทำธุรกิจของบริษัทต่าง ๆ ได้
ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ยุโรปมีโอกาสเจอกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากที่สุด เพราะผลจากดอกเบี้ยที่สูง และราคาพลังงานที่มีความผันผวน
ประเทศสหรัฐอเมริกาเอง ก็มีโอกาสจะเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ Fed มีโอกาสจะเริ่มลดดอกเบี้ยลง
ส่วนเศรษฐกิจในประเทศแถบเอเชีย มีโอกาสที่เศรษฐกิจจะถดถอยน้อยกว่า แต่ก็ยังมีโอกาสเจอกับปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอยู่บ้าง
ความเสี่ยงจากภาวะดอกเบี้ยสูง
อัตราดอกเบี้ยที่สูงในสหรัฐอเมริกา ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในประเทศ โดยสังเกตได้จาก การเติบโตที่ลดลงของกลุ่มธุรกิจค้าปลีก
นอกจากนี้ ดอกเบี้ยที่สูง ก็ยังส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ทั้งต่อภาคเอกชนที่กู้เงินมาทำธุรกิจ และฝั่งประชาชนที่ต้องผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้วย
ทำให้มีโอกาสที่เราจะได้เห็น การผิดนัดชำระหนี้ที่มากขึ้น ในปีนี้
ความเสี่ยงจากภาคธนาคารในจีน
ขณะนี้ ประเทศจีนเจอกับปัญหาวิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์
เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหานี้ลุกลาม ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2023 รัฐบาลจีนจึงได้ดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้น โดยปรับลดดอกเบี้ยลง และให้ภาคธนาคารมีการปล่อยเงินกู้เพิ่มมากขึ้น
พูดให้เห็นภาพก็คือ รัฐบาลจีนเอาปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์ ให้ไปอยู่ใต้ภาคธนาคาร นั่นเอง
ดังนั้น ถ้ามาตรการช่วยเหลือนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ และเศรษฐกิจจีนไม่ได้ฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาในภาคธนาคารของจีนได้
เพราะธนาคารจะต้องมีการตั้งสำรองหนี้เสีย และถ้าทางรัฐบาลจีนแก้ปัญหาได้ไม่ดี เศรษฐกิจจีนก็มีโอกาสที่จะซึมได้ในระยะยาว
ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทไทย
ตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ เราคงได้เห็นข่าวเรื่องการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ของบริษัทจดทะเบียนกันอยู่บ่อย ๆ
ซึ่งข่าวเหล่านี้ ก็สร้างความกังวลต่อนักลงทุน และทำให้ความน่าเชื่อถือของตลาดหุ้นไทยลดลง
สำหรับปี 2024 ทาง InnovestX ได้ประเมินว่า หุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 5.6% ของหุ้นกู้ทั้งหมด โดยคิดเป็นมูลค่ารวม 52,000 ล้านบาท
ซึ่งสัดส่วนนี้ ทาง InnovestX มองว่า อยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก และยังไม่น่ากังวลเท่าไร
เพราะหากเรามองในภาพรวมจะพบว่า สัดส่วนของหุ้นกู้คุณภาพดี บริษัทมีงบการเงินที่แข็งแกร่ง และมีอันดับความน่าเชื่อถือสูงนั้น มีมากกว่าหุ้นกู้คุณภาพต่ำ
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่าเราคงพอเข้าใจมุมมองจากทาง InnovestX ที่มีต่อเศรษฐกิจ การลงทุน และความเสี่ยง ในปี 2024 กันดีขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทางนักวิเคราะห์จะมีมุมมองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างไร
นักลงทุนก็ควรจะต้องศึกษาหาข้อมูลให้ละเอียด นำข้อมูลจากนักวิเคราะห์มาต่อยอด ก่อนที่จะลงทุนทุกครั้ง
เพราะสิ่งสำคัญคือ เราต้องลงทุนในสิ่งที่ตนเองมีความเข้าใจเป็นอย่างดี และโอกาสที่เราจะขาดทุน ก็จะน้อยลง..
Reference
งานแถลงข่าว แนวโน้มเศรษฐกิจ 2024 และกลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 1/2024 วันที่ 16/01/2024
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.