เทียบฟอร์ม “หุ้นจีน” VS “หุ้นเวียดนาม” ตอนนี้อะไร น่าลงทุนกว่ากัน ?

เทียบฟอร์ม “หุ้นจีน” VS “หุ้นเวียดนาม” ตอนนี้อะไร น่าลงทุนกว่ากัน ?

19 ม.ค. 2024
เทียบฟอร์ม “หุ้นจีน” VS “หุ้นเวียดนาม” ตอนนี้อะไร น่าลงทุนกว่ากัน ? | MONEY LAB
รู้หรือไม่ว่า หุ้นจีน กำลังถูกจนน่าตกใจ
โดยดัชนี Hang Seng (HSI) ได้ปรับฐานลงมา 50% จากจุดสูงสุด
จนมีค่า P/E ตลาด อยู่แค่ 10 เท่า ถูกกว่าทั้งไทย สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม
หุ้นเวียดนาม มีแนวโน้มเติบโตดี เหมือนไทยเมื่อ 20 ปีก่อน
GDP โตเฉลี่ยเกือบ 6% ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
อีกทั้งมากกว่า 50% ของประชากรทั้งหมด อยู่ในวัยทำงาน
เมื่อดูแล้วทั้ง 2 ประเทศ ต่างก็มี Story ที่น่าสนใจกันทั้งคู่ แล้วถ้าต้องตัดสินใจลงทุน เราจะเลือกอะไร ?
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน ให้เข้าใจ
โดยหากจะวิเคราะห์เรื่องนี้ เราคงต้องแบ่งมุมมองออกเป็น 2 มุม ได้แก่ มุมภาพใหญ่ระดับประเทศ และมุมภาพย่อยระดับบริษัท
ภาพใหญ่ระดับประเทศ
ด้านขนาดเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2023
จีน มีขนาดเศรษฐกิจ 613.7 ล้านล้านบาทเวียดนาม มีขนาดเศรษฐกิจ 15.0 ล้านล้านบาท
ด้านการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) เฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
จีน อยู่ที่ 4.2%เวียดนาม อยู่ที่ 5.7%
ด้านระบอบการปกครอง
ทั้งจีนและเวียดนามมีระบอบเดียวกันคือ สังคมนิยม แต่จะแตกต่างกันบ้างในรายละเอียด
ด้านประชากร
จีน มีประชากร 1,400 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของประชากรทั้งโลก และถือเป็นตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งเวียดนาม มีประชากร 99 ล้านคน และเกิน 50% ของประชากรอยู่ในวัยทำงาน
ด้านความถูก ความแพงของตลาดหุ้น วัดจากอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ (P/E)
ตลาดหุ้นฮ่องกง (HSI) อยู่ที่ 10 เท่าตลาดหุ้นเวียดนาม (VNI) อยู่ที่ 15 เท่า
เจาะภาพระดับบริษัท
สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่มีศักยภาพ และน่าสนใจ
ฝั่งจีน
Ping An Insurance บริษัทประกันที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก เจ้าของธุรกิจประกันแบบครบวงจร และธุรกิจธนาคาร (P/E 7.1 เท่า)
Alibaba บริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก
เจ้าของ Alibaba, Taobao และ Lazada
โดยเป็นเจ้าใหญ่ในจีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (P/E 10.3 เท่า)
JD.com บริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก คู่แข่ง Alibaba (P/E 12.7 เท่า)
Tencent Holdings บริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่ามากสุดในจีน เจ้าของโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ในจีน อย่าง WeChat ที่มีผู้ใช้งานกว่า 1,300 ล้านคน และเกมออนไลน์ชื่อดังมากมาย (P/E 13.6 เท่า)
NetEase บริษัทเกมอันดับ 2 ของจีน คู่แข่งหลักของ Tencent (P/E 16.2 เท่า)
BYD ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก เจ้าของแบรนด์รถไฟฟ้าที่กำลังมาแรงในขณะนี้ (P/E 19.4 เท่า)
Baidu เจ้าของ Search Engine ยักษ์ใหญ่ ที่บางคนเปรียบเป็น Google ของเมืองจีน (P/E 19.6 เท่า)
Xiaomi บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน ที่ขายสินค้าไปทั่วโลก ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ (P/E 21.6 เท่า)
Nongfu Spring บริษัทน้ำดื่มใหญ่สุดในประเทศจีน (P/E 44.6 เท่า)
Meituan บริษัทเจ้าของแอปส่งอาหารอันดับ 1 ในจีน ที่มีจำนวนผู้ใช้งานเกือบ 700 ล้านคน (P/E 57.6 เท่า)
ฝั่งเวียดนาม
Vinhomes บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม (P/E 4.5 เท่า)
Vincom Retail บริษัทผู้พัฒนาศูนย์การค้าอันดับ 1 ในเวียดนาม คล้าย ๆ กับ CPN ของไทย แต่มีมูลค่าบริษัทต่ำกว่า 4 เท่า (P/E 12.6 เท่า)
Vietcombank บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ทำธุรกิจสถาบันการเงิน เจ้าของธนาคารมากกว่า 600 สาขาทั่วประเทศ (P/E 15.4 เท่า)
Petrovietnam บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ ที่คล้าย ๆ กับ ปตท. ของไทย (P/E 15.5 เท่า)
Vietnam Dairy Products บริษัทผลิตสินค้าเกี่ยวกับนมที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดครอบงำคู่แข่งอื่น ๆ (P/E 19.1 เท่า)
FPT บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่สุดในเวียดนาม รับจ้างเขียนโปรแกรมขายให้กับบริษัทชั้นนำของโลก (P/E 21.5 เท่า)
Mobile World บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ ที่คุมตลาดโทรศัพท์มือถือและเครื่องใช้ไฟฟ้าของเวียดนามกว่า 50% (P/E 90.0 เท่า)
Masan Group บริษัทผู้นำด้านการผลิตอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าผู้บริโภค (P/E 118.7 เท่า)
Saigon Beer Alcohol Beverage บริษัทเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีกำลังการผลิตกว่า 2,200 ล้านลิตรต่อปี
(P/E N/A เท่า)
ACV (ยังไม่เข้าตลาดหุ้น) บริษัทสนามบินของเวียดนาม ที่คล้าย ๆ กับหุ้น AOT ของไทย ซึ่งยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่สามารถซื้อขายนอกตลาดได้
อ่านมาถึงตรงนี้ จะเห็นว่าทั้งหุ้นจีน และหุ้นเวียดนาม
ต่างมีความน่าสนใจทั้งคู่ และมีศักยภาพในแบบฉบับของตัวเอง
ซึ่งอาจฟันธงสรุปไม่ได้ว่า ประเทศไหน ดีกว่าหรือน่าลงทุนมากกว่ากัน เพราะขึ้นอยู่กับความชอบ และมุมมองของแต่ละคน
จีนเอง มีจุดเด่นด้านความถูก และการเติบโตของบริษัท ที่มีขนาดใหญ่ และสามารถขยับขึ้นมาตีตลาด Global ได้
ส่วนเวียดนาม ก็มีจุดเด่นด้านการเติบโตของประเทศ ประชากรที่มีศักยภาพในการทำงาน และเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ
ดังนั้น เรื่องที่จะลงทุนในประเทศไหนนั้น คงต้องให้ตัวเราเองเป็นคนตัดสินใจ เพราะทั้งมุมมอง สไตล์การลงทุน และความสามารถในการรับความเสี่ยงของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน
ซึ่งความแตกต่างกันนี้เอง ที่เป็นเสน่ห์ของการลงทุน เพราะถ้าทุกคนคิดเหมือนกัน ก็คงไม่มีเซียนหุ้นอย่าง
Warren BuffettPeter LynchRay Dalio
ที่สามารถทำผลตอบแทนได้อย่างงดงาม บนเส้นทางการลงทุนของตัวเอง..
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.