เบี้ยประกัน ต้นทุนแฝง ของคนใช้รถยนต์ไฟฟ้า

เบี้ยประกัน ต้นทุนแฝง ของคนใช้รถยนต์ไฟฟ้า

12 ม.ค. 2024
เบี้ยประกัน ต้นทุนแฝง ของคนใช้รถยนต์ไฟฟ้า | MONEY LAB
การมาของรถยนต์ไฟฟ้า ในช่วงที่น้ำมันมีราคาแพงแบบนี้ น่าจะทำให้ใครหลายคนเลือกที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้ากันอย่างไม่ลังเล
ด้วยเหตุผลว่า การใช้รถยนต์ไฟฟ้า จะช่วยทำให้เราประหยัดค่าน้ำมันมากกว่า
แต่ยังมีค่าใช้จ่ายอีกอย่าง ที่คนจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าต้องคำนึงถึง นั่นก็คือ ค่าเบี้ยประกันรถยนต์
แล้วทำไมคนที่กำลังจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ต้องคำนึงถึงเรื่องเบี้ยประกันให้ดี ?
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน ให้เข้าใจ
รู้หรือไม่ว่าในสหรัฐอเมริกา ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันรถยนต์แพงกว่ารถยนต์สันดาปถึง 30%
สาเหตุที่เบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าแพงกว่าเบี้ยประกันรถยนต์สันดาป มาจากสาเหตุ ดังนี้
รถยนต์ไฟฟ้า เป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่การพัฒนายังไม่นิ่งเหมือนรถยนต์สันดาป
ดังนั้น เมื่อยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีชิ้นส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าอยู่เรื่อย ๆ ก็อาจทำให้ชิ้นส่วนบางอย่างถูกทดแทนด้วยของใหม่
ทำให้การหาอะไหล่มาทดแทนของเก่าทำได้ยาก และมีราคาแพงมากกว่ารถยนต์สันดาป
ส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า คือแบตเตอรี่ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 75-80% ของราคารถยนต์ไฟฟ้า
หากเกิดอุบัติเหตุจนทำให้รถยนต์เสียหาย ก็มีความเป็นไปได้สูง ว่าแบตเตอรี่อาจเกิดความเสียหายจนต้องเปลี่ยนใหม่
ซึ่งการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ก็มีต้นทุนที่สูงพอ ๆ กับการซื้อรถยนต์ใหม่
ดังนั้น บริษัทประกันจึงต้องตั้งเบี้ยประกันที่สูง เพื่อให้ครอบคลุมกับมูลค่าความเสียหายที่มีโอกาสเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของราคาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน เริ่มถูกลงเรื่อย ๆ ทำให้ในอนาคต เบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าก็อาจจะถูกลงอีก
ระยะเวลาการเข้าอู่ของรถยนต์ไฟฟ้า จะนานกว่ารถยนต์สันดาป เพราะรถยนต์ไฟฟ้ามีเทคโนโลยีที่ซับซ้อน และต้องใช้ช่างเฉพาะทาง
ซึ่งในระหว่างที่รถของเรากำลังซ่อมอยู่นั้น เราสามารถขอเคลมค่าเสียโอกาสการใช้งานรถยนต์จากบริษัทประกันได้
ดังนั้น เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ามีระยะเวลาซ่อมที่ยาวนานกว่ารถยนต์ทั่วไป บริษัทประกันจึงต้องคิดค่าเบี้ยประกันแพงขึ้น เพื่อชดเชยกับค่าใช้จ่ายส่วนนี้ที่เพิ่มขึ้น
โดยจากสถิติที่เก็บในสหรัฐอเมริกาพบว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะมีค่าซ่อมแซมแพงกว่ารถยนต์สันดาปสูงถึง 50% และมีระยะเวลาซ่อมที่นานกว่าถึง 14%
เมื่อเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง จนรถยนต์ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้ มูลค่าซากของรถยนต์ไฟฟ้าจะต่ำกว่ารถยนต์สันดาป
เพราะนอกจากความเสียหายต่อแบตเตอรี่ ที่ถือเป็นสัดส่วนใหญ่ของมูลค่ารถยนต์ไฟฟ้าแล้ว
รถยนต์ไฟฟ้ายังมีชิ้นส่วนที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้น้อยกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์สันดาป
ดังนั้น หากใครกำลังวางแผนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนรถในแต่ละเดือนแล้ว ก็ควรพิจารณาถึงเบี้ยประกันที่จะเพิ่มขึ้นด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่กู้เงินมาซื้อรถ หากไม่คำนึงถึงเบี้ยประกันที่อาจแพงกว่ารถยนต์ทั่วไปถึง 30% อาจทำให้การเงินของเราตึงตัวได้
และแทนที่การซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจะช่วยให้เราประหยัดค่าน้ำมันมากขึ้น ก็อาจกลายเป็นหายนะทางการเงินของเราแทน..
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.