ออกรถดาวน์ 0% ไม่ได้จ่ายน้อย อย่างที่คิด | MONEY LAB
“ออกรถฟรีดาวน์ 0%” เป็นกลยุทธ์การตลาดอย่างหนึ่ง ที่ธุรกิจขายรถยนต์ มักนำมาใช้เพื่อดึงดูดลูกค้า

ซึ่งถ้าเราเป็นหนึ่งในคนที่วางแผนจะออกรถแบบฟรีดาวน์ 0% ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่เราต้องคำนึงถึง

แล้วปัจจัยดังกล่าวมีอะไรบ้าง ?
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน ให้เข้าใจ

การใช้กลยุทธ์การตลาดที่เรียกว่า ออกรถฟรีดาวน์ 0% นั้น พูดง่าย ๆ ก็คือ การที่บริษัทขายรถให้ลูกค้า โดยที่ลูกค้าไม่ต้องวางเงินดาวน์ก่อนออกรถ

ซึ่งวิธีนี้ก็น่าจะเหมาะกับคนที่ไม่มีเงินก้อนเลย แต่อยากจะมีรถเป็นของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเราตัดสินใจซื้อรถแบบฟรีดาวน์ 0% ก็มีเรื่องที่เราไม่ควรมองข้าม เริ่มตั้งแต่

-อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าปกติ

ยอดจัดไฟแนนซ์ คือ ราคาเต็มของรถ หักออกด้วยเงินดาวน์
เราอาจจะคิดว่า ไม่ว่าเราจะมียอดจัดไฟแนนซ์เท่าไร ก็คงจะเสียดอกเบี้ยในอัตราที่เท่ากัน

แต่การออกรถแบบฟรีดาวน์ 0% ก็จะเท่ากับว่า เรากำลังไปขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินเต็มวงเงิน 100% ของราคารถ

ทำให้อัตราดอกเบี้ยก็จะสูงกว่าการไปกู้ซื้อรถโดยวางเงินดาวน์ไว้บางส่วน

-ยอดผ่อนต่อเดือนสูง

ยิ่งยอดจัดไฟแนนซ์สูง ก็หมายความว่า ยอดผ่อนต่อเดือน ก็จะสูงด้วยภาระ

นั่นแปลว่า ถ้าเราซื้อรถแบบฟรีดาวน์ นอกจากยอดจัดไฟแนนซ์ที่สูงแล้ว เมื่อรวมกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงด้วย ก็ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนสูงมากขึ้นไปอีก

-ค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ

ในการซื้อรถยนต์นั้น เราไม่ควรคำนึงถึงแค่เงินดาวน์เพียงอย่างเดียว เพราะจริง ๆ แล้วก็มีค่าใช้จ่ายแฝง ที่เราต้องควักเงินจ่ายตั้งแต่วันแรกที่ได้รถอีก

ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่เราออกรถยนต์มือ 1 เราก็ต้องเสียค่ามัดจำป้ายทะเบียนหรือค่ามัดจำป้ายแดง, ค่าจดทะเบียนรถยนต์ รวมไปถึงค่าทำประกันรถยนต์ อีกด้วย

สำหรับรถยนต์มือ 2 นั้น ก็อาจมีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ที่แตกต่างกันบ้าง เช่น ค่าจัดไฟแนนซ์, ค่าตรวจสภาพรถ, ค่าโอนรถ เป็นต้น

ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ อาจจะเป็นเงื่อนไขที่ทางสถาบันการเงิน ที่เราไปขอสินเชื่อรถ บังคับให้เราจ่ายมาอีกที ซึ่งโดยส่วนมากเต็นท์ขายรถจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด

แต่ค่าใช้จ่ายเหล่านั้น ก็มักจะนำมาบวกกับค่าตัวรถอยู่ดี ทำให้เมื่อรวมเข้าไปกับจำนวนเงินที่ขอสินเชื่อแล้ว ก็อาจทำให้เรามีค่าใช้จ่ายก้อนโตได้เช่นกัน

จากปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวไปข้างต้นนี้ ก็น่าจะบอกได้ว่า การซื้อรถแบบฟรีดาวน์นั้น เป็นเรื่องปกติที่ไม่ผิดอะไร แต่หากเราไม่วางแผนทางการเงินให้ดีเสียก่อน สุดท้ายเราก็อาจจะเสียเงินไปมากกว่าที่คิด..

References