หากนำบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตของแต่ละคนมาดู กว่าครึ่งหนึ่งจะมีโลโกของ VISA อยู่

โดย VISA Inc. เป็นบริษัทตัวกลางรับชำระเงินใหญ่สุดในโลก ที่มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 17,600,000 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีที่แล้วนั้น
รายได้เบื้องต้น 1,433,916 ล้านบาท
เมื่อหักลบกับส่วนลดที่บริษัทให้กับคู่ค้า 372,963 ล้านบาท
VISA จะมีรายได้สุทธิ 1,060,953 ล้านบาท

โดยรายได้ของบริษัทมาจาก การทำธุรกรรมผ่านบัตรหรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ VISA
ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว ทุกการใช้จ่าย 100 บาท VISA จะได้รายรับประมาณ 0.14 บาท
นั่นแปลว่าถ้ายิ่งมีธุรกรรมเยอะ รายได้ของ VISA ก็จะมากขึ้นตาม

นอกจากนี้ VISA ยังมีรายได้ จากการให้บริการข้อมูล ซึ่งลูกค้าก็คือบรรดาสถาบันการเงินต่าง ๆ นั่นเอง

ถ้าแบ่งสัดส่วนรายได้ทั้งหมด จะเป็นดังนี้

รายได้จากการให้บริการข้อมูล สัดส่วน 49.3%รายได้จากการให้บริการธุรกรรม สัดส่วน 45.6%รายได้จากธุรกรรมระหว่างประเทศ สัดส่วน 33.5%รายได้อื่น ๆ สัดส่วน 6.8%

แต่ VISA ก็จะมีส่วนที่เป็น ส่วนลดให้คู่ค้า อยู่ -35.1%

โดยส่วนลดให้คู่ค้าของ VISA อาจอยู่ในรูปแบบของส่วนลดค่าธรรมเนียม ที่บริษัทจะให้กับคู่ค้าต่าง ๆ เช่น สถาบันการเงินหรือร้านค้า เพื่อกระตุ้นยอดการใช้จ่าย

ซึ่งถ้ายอดการใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ที่ออกโดยธนาคาร มีมูลค่าสูงขึ้น VISA ก็จะมีส่วนลดให้คู่ค้ามากขึ้น
ในทางกลับกัน ถ้ายอดการใช้ลดลง ทาง VISA ก็จะมีส่วนลดให้คู่ค้าน้อยลงเช่นกัน

ในด้านค่าใช้จ่ายนั้น VISA จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการควบคุมระบบรับชำระเงินไม่มาก โดยค่าใช้จ่ายหลักคือ เงินเดือนและผลประโยชน์พนักงาน ที่นับเป็น 17 บาท จากรายได้ทุก ๆ 100 บาท

ซึ่งเมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้ว VISA จะเหลือเป็นกำไรสุทธิมากถึง 541,230 ล้านบาท
หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ทุก ๆ รายได้ 100 บาท จะเป็นกำไรสุทธิสูงถึง 51 บาท..